กองกำลังของตั๋งโต๊ะเวลานี้ กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง กาเซี่ยงทราบลักษณะนิสัยใจคอของทหารกองทัพตั๋งโต๊ะดี เขาเชื่อว่าหากสองทัพได้ทำศึกกันอีกล่ะก็ กองทัพชั้นยอดของตั๋งโต๊ะก็อาจจะพ่ายแพ้เสียหายอย่างหนัก
ลิซกได้อธิบายถึงระบบใหม่ของกองทัพปิ้งโจวให้กาเซี่ยงฟังแล้ว
กาเซี่ยงได้แต่ลอบพยักหน้าด้วยความชื่นชม ทหารทุกนายที่เข้าร่วมกับกองทัพ ครอบครัวจะได้รับการละเว้นภาษี นโยบายนี้นับที่นี่เป็นที่แรกและที่เดียวในต้าฮั่น เพียงนโยบายเดียวก็สามารถทำให้ผู้คนแห่แหนกันมาสมัครทหารแล้ว และต่อให้เจ้าเมืองที่เหลือจะทราบเรื่อง พวกเขาก็ปฏิบัติตามไม่ได้ จะมีผู้ใดใจกว้างไม่เรียกเก็บภาษีจากผู้คนมากมายถึงเพียงนั้นกันบ้างเล่า? ต่อให้ทหารของพวกเขาตายในสนามรบ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชยใดให้ครอบครัวผู้ตาย เมื่อกองทัพปิ้งโจวแตกต่างจากกองทัพอื่นเช่นนี้ ก็เป็นไปได้ว่ายามทหารเข้าสู่สนามรบ พวกเขาจะแสดงศักยภาพในการรบได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะไม่มีเรื่องใดให้ห่วงกังวล
กาเซี่ยงไม่ได้มีความรู้สึกใดต่อตระกูลขุนนางเป็นพิเศษ ที่เขามีตำแหน่งมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะด้วยความสามารถของตนเอง นับแต่เด็กเขาก็ไม่เคยขาดแคลนเสื้อผ้าหรืออาหาร เขามาจากครอบครัวระดับกลาง แม้ตอนหนุ่มจะเคยได้รับการชื่นชมจากผู้มีชื่อเสียงอย่างเหยียนจงว่ามีความสามารถทัดเทียมจางเหลียงและเฉินผิง แต่หลังจากผ่านไปหลายปี เขาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก ทำได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างไร้ชื่อเสียงใต้สังกัดของเตียวเจ หากเขาไม่ได้พบเจอกับลิโป้ ตอนนี้เขาก็คงจะยังติดตามเตียวเจอยู่
ในระหว่างทางกลับจากฉางอัน ลิโป้ได้อธิบายสถานการณ์ของปิ้งโจวให้กาเซี่ยงฟังโดยละเว้นเรื่องที่เป็นความลับระดับสูงบางอย่าง
บัณฑิตตายเพื่อผู้รู้ใจ และลิโป้ก็นับเป็นผู้รู้ใจที่มาได้ถูกเวลา กาเซี่ยงตัดสินใจจะตอบแทนความใจกว้างของลิโป้ให้ดีที่สุด ต่อให้หนทางข้างหน้าจะยากลำบากก็ตาม
ลิโป้ไม่ทราบความคิดเหล่านั้นของกาเซี่ยง สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือการทำให้พวกซยงหนูสงบลงโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็จะขยายโรงงานกระดาษ ถึงแม้ในยุคราชวงศ์ฮั่นจะมีเทคนิคการผลิตกระดาษ แต่ต้นทุนก็ยังสูงเกินไป นี่จึงเป็นสาเหตุที่กระดาษถูกใช้กันอยู่ในวงที่จำกัด
ต่อให้ทำกระดาษออกมาได้แล้วแลกเปลี่ยนเป็นเงิน ผลกำไรที่ได้ก็น้อยเกินไป ทั้งยังเป็นการลบหลู่บัณฑิตนักศึกษา เมื่อไม่มีเงินมาเป็นผลประโยชน์ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูจะติดขัดไปเสียหมด
หลังจากเดินชมเมืองรอบหนึ่งแล้ว ลิโป้ก็กลับไปที่จวนเจ้าเมือง ส่งต่องานต่างๆให้กาเซี่ยงและลิซกดูแลก่อนจะจากมา มีกุนซือทั้งสองคอยจัดการ เขาก็วางใจ
"พี่ใหญ่ลิ" ซิ่วเอ๋อร์ก้มศีรษะร้องทักขณะที่สองมืองามยึดจับชายเสื้อตัวเองแน่น
"ซิ่วเอ๋อร์ นับแต่นี้ไป ที่นี่ก็คือบ้านของเจ้า ทำตัวตามสบาย บิดามารดาเจ้าไม่อยู่แล้ว จากนี้ไปข้าจะเป็นญาตให้เจ้าเอง" ลิโป้ยิ้มกล่าว
แม้จะได้เห็นซิ่วเอ๋อร์มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังอดรู้สึกใจเต้นขึ้นมามิได้ ซิ่วเอ๋อร์งดงามเกินไป งดงามจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูด สิ่งงดงามใดๆล้วนถูกความงามของนางบดบังจนสิ้นแสง และลักษณะนิสัยของนางก็ชวนให้ผู้คนรู้สึกรักเวทนา
"ขอบคุณพี่ใหญ่ลิ" ซิ่วเอ๋อร์กล่าวขอบคุณเสียงเบา
"ซิ่วเอ๋อร์ เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเตียวเสี้ยนมาบ้างหรือไม่?" ลิโป้ถามขึ้นด้วยความสงสัย
"เตียวเสี้ยนเป็นชื่อตำแหน่งเจ้าหน้าที่ในวังไม่ใช่เหรอคะ? ครั้งหนึ่งน้องสาวเคยทำหน้าที่ในตำแหน่งนั้น จึงถูกเรียกว่าเตียวเสี้ยน ภายในจวนท่านซือถู หลายคนก็เรียกน้องสาวว่าเตียวเสี้ยนเหมือนกันค่ะ" ซิ่วเอ๋อร์อธิบายด้วยรอยยิ้ม
ราวกับมีฟ้าผ่าลงกลางใจของลิโป้ เขายืนมึนงงอยู่อย่างนั้น เรื่องนี้ช่างบังเอิญนัก ที่แท้ซิ่วเอ๋อร์ก็คือเตียวเสี้ยน
"พี่ใหญ่ มีอะไรรึเปล่าคะ?" ซิ่วเอ๋อร์ถามด้วยความกังวลเมื่อเห็นสีหน้าของลิโป้ดูแปลกไป
"อ้อ ไม่มีใด เจ้าพักตามสบายเถอะ หากรู้สึกเบื่อก็ชวนซัวเอี๋ยมออกไปเดินเล่นในเมือง ขาดเหลืออะไรก็บอกต่อองค์รักษ์ได้" ลิโป้ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้อย่างไรดี กลายเป็นว่าเขาได้ช่วยเตียวเสี้ยนกลับมาเสียอย่างนั้น
ที่แปลกไปกว่านั้นคือ ในความทรงจำของลิโป้นั้น เขารู้จักกับเตียวเสี้ยนมาตั้งแต่แรก
"พี่ใหญ่ลิ ได้ยินว่าพรุ่งนี้ท่านจะออกเดินทางแล้ว ท่านต้องดูแลตัวเองดีๆนะคะ ซิ่วเอ๋อร์จะรอคอยท่านอยู่ที่บ้าน" ซิ่วเอ๋อร์กล่าวขณะหน้าขึ้นสี
ลิโป้พยักหน้า ต้องทำให้เมืองซีเหอสงบลงเสียก่อน สิ่งนี้คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ปิ้งโจวมั่นคง
"เช่นนั้นนับแต่นี้ไปข้าจะเรียกเจ้าว่าเตียวเสี้ยนก็แล้วกัน" ลิโป้ถอนหายใจ เตียวเสี้ยนเป็นสาวงามที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ เขาไม่ต้องการทำให้ชื่อเตียวเสี้ยนต้องหายไปเพราะเขา
"ล้วนแล้วแต่พี่ใหญ่ลิค่ะ" ซิ่วเอ๋อร์ตอบเบาๆ
"พี่สะใภ้เจ้านางเป็นคนดี และลิหลิงฉีเองก็ชอบเจ้ามาก อย่าลืมแวะมาหาพวกนางสองแม่ลูกบ่อยๆเล่า" ลิโป้ยิ้มกล่าว
เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหา ซิ่วเอ๋อร์จึงพักอาศัยอยู่กับซัวเอี๋ยม
เขาเตรียมจะออกไปสำรวจดูสถานการณ์สักหน่อย ดังนั้นช่วงนี้เขาจึงใช้เวลาอยู่กับเหยียนหลานและลิหลิงฉี สามคนพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น หัวใจที่เย็นชาของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้น
นอกเมืองจิ้นหยาง ธงทิวปลิวสะบัด ทหารม้าเฟยฉีสามพันนายตั้งขบวนรออย่างเป็นระเบียบ
"รายงานท่านแม่ทัพ ทหารม้าเฟยฉีสามพันนายมารวมพลแล้วขอรับ" หลี่เยี่ยนกุมหมัดกล่าวรายงาน
"ดี ข้าไม่อยู่ราวสองเดือน ไม่รู้พวกเจ้าได้ฝึกซ้อมอย่างหนักหรือไม่ แม้เป็นทัพทหารม้าก็ยังต้องมีระบบคัดคนออก ส่วนทหารที่ขาดก็จะดึงตัวทหารที่โดเด่นจากกองกำลังอื่นมาเติม" ลิโป้ที่อยู่ในชุดเกราะยืนอย่างสง่างามอยู่บนแท่นยกสูง ที่ด้านล่างมีทหารบนหลังม้าทั้งสามพันคนจับจ้องมาด้วยสีหน้าจริงจัง มองดูจากไกลๆแล้วจะพบว่าพวกเขามีระเบียบวินัยอย่างมาก
"กองกำลังเฟยฉีไม่ต้องการคนขี้ขลาดหรือไร้ความสามารถ แม่ทัพผู้นี้ไม่ต้องการให้พวกเจ้าตายเพราะขาดทักษะ"
ทหารม้าทั้งสามพันยืดอกเชิดหน้า กองกำลังทหารม้าเฟยฉีเป็นกองกำลังส่วนตัวของลิโป้ มีหน้ามีตาที่สุดในกองทัพปิ้งโจว นับตั้งแต่ที่ได้ทราบเรื่องกองกำลังนี้ ทหารจำนวนมากก็ก้มหน้าก้มตาฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเข้ามา
"เวลานี้เมืองซีเหอถูกพวกซยงหนูสร้างความวุ่นวาย มีชาวฮั่นหลายคนถูกสังหาร ในฐานะทหารแห่งกองทัพปิ้งโจวแล้ว สิ่งที่ควรทำคือลุกขึ้นสู้ปกป้องบ้านเกิด ชักอาวุธออกมาแล้วตามข้าไปสังหารศัตรู!" ลิโป้ชักกระบี่พลางตะโกนเสียงดัง
"ฆ่า ฆ่า ฆ่า" ทหารม้าทั้งสามพันตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงจนดังกึกก้อง
"เคลื่อนพล!" ลิโป้สั่งการ กองทัพทหารม้าก็เคลื่อนกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองซีเหอ
ทหารม้าเฟยฉีแต่ละนายพกพาเสบียงกรังสำหรับสิบวันติดตัว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการขนส่งเสบียง ม้าศึกทุกตัวก็สวมใส่โกลนและเกือกม้า ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ชนเผ่าซยงหนูไม่มี
หน่วยสอดแนมกระจายตัวออกไป นี่เป็นหลักปฏิบัติพื้นฐานของทหารม้าเฟยฉี เมื่อเคลื่อนกำลังพล รัศมีสามสิบลี้โดยรอบจะต้องอยู่ในการควบคุม หากมีสถานการณ์ใดเกิดขึ้นจะต้องรีบรายงานโดยทันที
การสื่อสารในยุคโบราณนั้นย่ำแย่ หากไม่มีทหารม้าสอดแนม ก็เปรียบดั่งคนไม่มีหูหนวกตาบอด ไม่อาจทำความเข้าใจสถานการณ์ในสนามรบ
ทหารม้าเคลื่อนกำลังได้อย่างรวดเร็ว พวกซยงหนูที่อยู่ในเมืองซีเหอย่อมคิดไม่ถึงว่าลิโป้จะเคลื่อนทัพได้รวดเร็วปานนี้ พวกเขายังคงหมกมุ่นอยู่กับชัยชนะที่เพิ่งได้รับมา ผ่านมานานหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็จะได้อยู่อย่างสุขสบายเหมือนอย่างชาวฮั่น เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ต้องพักอาศัยภายในบ้านซึ่งไม่ต่างจากรังหนูแล้ว นับว่าดีกว่ากันมาก
พวกซยงหนูเวลานี้กำลังหลงระเริงกับชัยชนะ ทั้งยังมองเห็นโอกาสที่จะนำความรุ่งโรจน์มาสู่ชนเผ่าซยงหนู บัดนี้บรรดาเจ้าเมืองจงหยวนต่างก็วุ่นอยู่กับการชิงดีชิงเด่น ย่อมไม่มีเวลามาสนใจผู้อื่น นี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะลุกฮือ อวี๋ฟู่หลัวเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ หากราชสำนักฮั่นสัญญาว่าจะยกเมืองให้ชาวซยงหนูจริง ไฉนจึงไม่มีขุนนางของราชสำนักเดินทางมาติดต่อ? เรื่องนี้นับว่าผิดปกติอย่างมาก
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved