ตอนที่ 43 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ผู้คุ้มกันของจวนตระกูลจ้าวกลับกลายเป็นทารกอมมือเมื่ออยู่ต่อหน้าขบวนหอกขบวนดาบของหน่วยทะลวงค่าย ภายใต้การบัญชาของโกซุ่น พวกทหารก็เข่นฆ่าจนโลหิตไหลนอง พวกเขาเพียงปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่มีความปราณีต่อศัตรูที่อ่อนแอ และไม่ถอยหนีต่อศัตรูที่แข็งแกร่ง

เมื่อได้รับรายงานจากผู้คุ้มกัน จ้าวเหยียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าลิโป้ได้เตรียมการไว้อยู่แล้ว เวลานี้คนของสามตระกูลใหญ่ล้วนแต่มาซ่อนตัวอยู่ภายในจวนของตระกูลจ้าว ด้วยกองกำลังที่ชุบเลี้ยงไว้ พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าศัตรูจะสามารถฝ่าเข้ามาได้ไปสักระยะ

"สั่งให้พวกผู้คุ้มกันต้านทานศัตรูไว้ กำลังเสริมของพวกเราจะมาถึงในไม่ช้า!" จ้าวเหยียนกล่าว แม้สถานการณ์จะวิกฤต แต่สีหน้าของเขายังคงความสุขุมเยือกเย็นไว้

เสียงฆ่าฟันที่เล็ดลอดเข้ามาทำให้เหลียงฮูหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย เขาคอยชะโงกหน้าออกไปมองอยู่เป็นระยะ

"แม่ทัพเหลียง ไม่ต้องกังวลไป แม้จำนวนทหารที่อยู่ภายในเมืองจะมีมาก แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นทหารเก่าของเตียนเอี๋ยง ตอนนี้โจเส็งนำทหารมือดีของลิโป้ไปยังกิจิ๋วจำนวนสี่พัน เวลานี้ประตูเมืองก็ตกอยู่ในมือพวกเราแล้ว รอเพียงทัพเราเคลื่อนกำลังเข้าเมืองมา อีกทั้งหลี่เสี่ยวเว่ยยังนำกำลังบุกไปที่จวนเจ้าเมือง เมื่อลิโป้ตกตาย เมืองแห่งนี้ก็จะกลายเป็นของพวกเราแล้ว"

เหลียงฮูกุมมือก่อนจะกล่าวว่า "ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่ลิโป้นับเป็นขุนศึกที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ดังนั้นท่านควรระวังเอาไว้"

"ฮึ่ม แค่นักรบที่ไร้สติปัญญาผู้หนึ่ง ยังมีอะไรให้ต้องหวั่นเกรง" จ้าวเหยียนแค่นเสียง

ลิโป้ปกครองปิงโจว ตระกูลใหญ่ทั้งหลายล้วนไม่มีความเห็น พวกเขาอาจจะสนับสนุนลิโป้เหมือนกับที่สนับสนุนเต๊งหงวนก็ได้ แต่เพราะลิโป้ไม่ยอมจัดสรรตำแหน่งขุนนางให้กับพวกเขา ดังนั้นจึงหมางเมินกันไป สำหรับเรื่องนี้ ลิโป้จะต้องชดใช้อย่างสาสม

"นายท่าน เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!" หลี่เฉิงที่ร่างเปื้อนเลือดล้มลุกคลุกคลานเข้ามาภายในห้อง

"เกิดอะไรขึ้น?" หลี่ฝู ประมุขตระกูลหลี่รีบเข้าไปประคองหลี่เฉิงพลางเอ่ยถาม

"พี่ใหญ่ ข้านำกำลังไปโจมตีจวนเจ้าเมืองตามแผนที่วางไว้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าลิโป้จะร้ายกาจมาก อีกทั้งองค์รักษ์ประจำตัวของเขา เตียนอุย ก็ร้ายกาจมากเช่นกัน ทหารพันกว่าคนของข้า กว่าครึ่งถูกสังหารหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัส ส่วนที่เหลือล้วนยอมจำนนไปหมดแล้ว"

"ว่ากระไร?!" ม่านตาของจ้าวเหยียนหดตัววูบ หลี่เฉิงถือเป็นส่วนสำคัญของแผนการ หากจวนเจ้าเมืองยังไม่ถูกยึด และลิโป้สั่งเคลื่อนกำลังทหารภายในเมือง เช่นนั้นการจะยึดเมืองจิ้นหยางได้ก็จะยากเย็นขึ้นนับสิบเท่า

"นายท่าน โกซุ่นนำกำลังบุกเข้ามาแล้วขอรับ พวกผู้คุ้มกันต้านไว้ไม่ไหวแล้ว!"

เมื่อทุกคนที่อยู่ภายในห้องได้ยินประโยคนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีทันที แม้จ้าวเหยียนจะคงสีหน้าสุขุมเอาไว้ได้ แต่น้ำเสียงที่กล่าวออกไปกลับสั่นเครือ "รีบให้ผู้คุ้มกันไปต้านโกซุ่นไว้"

โกซุ่นเวลานี้กำลังเดือดดาลอย่างมาก ในความเห็นของเขา ลิโป้ทำดีต่อผู้คนด้วยความจริงใจ ทั้งออกเงินปรับปรุงซ่อมแซมให้ชาวเมือง ทั้งยังแจกเงินและอาหารแก่ผู้ที่มาช่วยก่อสร้าง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในแผ่นดินต้าฮั่น กระนั้นคนชั่วเหล่านี้กลับคิดจะขัดขวางทำลาย

"ฆ่า อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!" โกซุ่นสั่งการด้วยความโกรธ

ผู้คุ้มกันในจวนตระกูลจ้าวก็สู้ไม่ถอยเช่นกัน เผชิญหน้ากับศัตรูที่หวังตกตายตามกัน ความเร็วในการรุกคืบของหน่วยทะลวงค่ายก็ถูกชะลอลง เรื่องนี้ทำให้โกซุ่นวิตกกังวลมากขึ้น หากว่าจ้าวเหยียนและคนอื่นๆใช้ช่วงเวลานี้ลอบหลบหนีไป นี่จะถือเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวง

"ฆ่า!" ทหารแปดร้อยนายตะโกนขึ้นเป็นเสียงเดียว ก่อเกิดเป็นสภาวะอันดุดันจนน่าตื่นตะลึง

ผู้คุ้มกันจากสามตระกูลที่อยู่ภายในจวนตระกูลจ้าวอาจจะเหนือกว่าในด้านอาวุธชุดเกราะ แต่ในด้านประสบการณ์นั้น เทียบกับหน่วยทะลวงค่ายแล้ว ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่ายามที่ทหารร่วมมือกันนั้นจะน่ากลัวปานใด สิ่งที่พวกผู้คุ้มกันต้องเผชิญคือการสังหารอยู่ฝ่ายเดียว

เมื่อได้รับรายงานอย่างต่อเนื่องจากผู้คุ้มกัน จ้าวเหยียนก็ยิ่งสูญเสียความเยือกเย็น เขาตระหนักได้ว่าอีกไม่นานศัตรูคงบุกเข้ามาด้านในได้ แม้จะมีอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อยากตาย เขายังต้องการจะอยู่ดูทายาทของเขาได้ปกครองปิงโจวเสียก่อน ทั้งยังมีอีกหลายสิ่งที่เขาต้องการจะทำ

"หลี่เสี่ยวเว่ย ท่านนำคนออกไปที่ประตูหน้า ต้องต้านทานโกซุ่นไว้ให้ได้" จ้าวเหยียนกล่าวขึ้น

ใบหน้าของหลี่ฝูแปรเปลี่ยนกลับไปกลับมา เวลานี้สามตระกูลถือว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว เขารู้จักโกซุ่น และยิ่งรู้จักหน่วยทะลวงค่ายที่อยู่ใต้บัญชา

"ดังคำกล่าวที่ว่า จับโจรต้องจับหัวหน้า ขอเพียงหลี่เสี่ยวเว่ยฆ่าโกวุ่นได้ ทหารหน่วยทะลวงค่ายจะต้องตกอยู่ในความโกลาหลแน่นอน" เหลียงฮูกล่าวเสริมขึ้นอีกคน

หลี่ฝูแทบอยากจะลุกไปตบปากเหลียงฮูเสียเดี๋ยวนั้น มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ว่าหน่วยทะลวงค่ายคือกองกำลังชั้นยอดแห่งปิงโจว ให้เขานำคนออกไปต้านทานโกซุ่นงั้นรึ? เกรงว่าหากออกไปจริง แม้ตายก็ยังไม่รู้ว่าตายได้อย่างไรเลย!

"หลี่เสี่ยวเว่ย หากว่าโกซุ่นบุกเข้ามาในจวนได้ พวกเราสามตระกูลต้องจบสิ้นแน่" จ้าวเหยียนถอนหายใจ

ใบหน้าของหลี่ฝูกระตุกไม่หยุด สุดท้ายเขาก็ได้แต่กุมมือก่อนหมุนตัวเดินออกจากห้องโถงไป ตัวเขาเคยมีประสบการณ์การสู้รบอยู่บ้าง อีกทั้งฝีมือของเขาก็ไม่ได้ต่ำทราม สมควรต้านทานได้สักพัก

............

เขาได้ยินชื่อเสียงของหน่วยทะลวงค่ายอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อได้ต่อสู้ด้วยจริงๆ หลี่ฝูก็ได้รับทราบน่ากลัวของหน่วยทะลวงค่ายด้วยตัวเอง หากว่าเขาติดอยู่ในค่ายกลนั้น เกรงว่าจะหมดหนทางหลบหนีโดยสิ้นเชิง ยากจะจินตนาการได้จริงๆ ว่าโกซุ่นที่บัญชาอยู่กลางขบวนนั้นสามารถสั่งการทหารของเขาให้ลงมืออย่างพร้อมเพรียงกันได้อย่างไร พลดาบ พลโล่ พลหอก สามหน่วยนี้ล้วนลงมือสอดประสานกันอย่างไร้ที่ติจนทำให้รู้สึกถึงความสิ้นหวัง

ความมั่งคั่งนับร้อยปีของตระกูลหลี่จะต้องไม่มาจบสิ้นในรุ่นของเขา หลี่ฝูได้แต่สั่งการผู้คุ้มกันให้ผลักดันกลับไป

สายตาของโกซุ่นจับจ้องอยู่ที่หลี่ฝู คนผู้นี้เป็นผู้นำตระกูลใหญ่ เป็นคนมีชื่อเสียง โกซุ่นย่อมจดจำเขาได้

จู่ๆกระบวนทัพของหน่วยทะลวงค่ายก็เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ทำให้พวกผู้คุ้มกันตระกูลตื่นตระหนกไปชั่วขณะ ทหารหน่วยทะลวงค่ายแยกออกเป็นปีกซ้ายขวา ตีโอบเข้าใส่ตำแหน่งที่หลี่ฝูยืนอยู่

ฝีมือของหลี่ฝูยังไม่เลว เพียงแต่ใช้กับศัตรูผิดคน ผู้คุ้มกันที่อยู่รอบข้างของเขาเริ่มล้มตายลงทีละคน

ทันใดนั้นห้วงสติของหลี่ฝูก็กลายเป็นเลือนลาง หลี่ฝูอยากจะเอ่ยปากถามทหารหน่วยทะลวงค่ายจริงๆ ว่าหอกนี้แทงมาจากที่ใด

เมื่อเห็นว่าใกล้จะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้แล้ว โกซุ่นก็ออกคำสั่ง ทหารหน่วยทะลวงค่ายพลันแยกออกเป็นสี่ขบวน แยกย้ายเป็นสี่ทิศ และเริ่มเข่นฆ่ากวาดล้างเข้าไปในจวน

สามสหายตระกูลจิ้งจอกอยู่ยืนยงในปิงโจวมานับร้อยปี ดังนั้นจวนตระกูลเจ้าย่อมหรูหราโอ่อ่าอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังมีประตูทางเข้าออกอยู่หลายบาน นี่ก็เพื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

จ้าวเหยียน หลี่เฉิง และเหลียงฮูลอบหลบหนีออกทางประตูข้าง พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะมองกลับหลัง เพราะเกรงกลัวว่าจะถูกทหารหน่วยทะลวงค่ายไล่ตามมาทัน

..................

การสู้รบที่ประตูเมืองทิศตะวันออกยังคงดำเนินต่อไป จ้าวเหอยังคงพยายามอย่างหนัก เขาเชื่อมั่นว่าขอเพียงกองทัพของเขาบุกเข้าไปในเมืองได้ พวกเขาก็จะชนะทันที

ขณะเดินผ่านร่างของหลี่ฝูที่ถูกหอกเสียบทะลุร่าง จ้าวเหยียนก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ก่อนหน้านี้เขากล่าวกระตุ้นให้หลี่ฝูออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาตายอนาถเช่นนี้

หากมีชีวิตอยู่ ผู้นำตระกูลอย่างหลี่ฝูอาจจะมีประโยชน์ แต่เมื่อตายไปสักคน คนอื่นๆที่เหลือก็มีสภาพราวกับสุนัขสูญเสียเจ้าของ

เมื่อเห็นทหารม้าติ้งเซียงบุกเข้าไปในช่องประตูเมือง จ้าวเหอก็ยิ้มกว้าง เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ปกครองปิงโจว

ช่องประตูอันคับแคบทำให้ทหารม้าไม่อาจแสดงพลังต่อสู้ออกมาได้เต็มที่ ทหารม้าที่บุกเข้าไปจึงบุกอย่างระมัดระวัง ทว่าทหารม้าทางฝั่งเมืองจิ้นหยางนั้นไม่เหมือนกัน พวกเขาเข่นฆ่าออกมาอย่างบ้าคลั่ง ใช้เลือดเนื้อของพวกเขาชะลอการบุกของศัตรู

เตียวเลี้ยวตะโกนขึ้นว่า "ท่านแม่ทัพดีต่อพวกเราไม่น้อย พวกเราสมควรตอบแทนด้วยการสู้ตาย! หลังพวกเราตายแล้ว ครอบครัวของพวกเราก็จะได้รับการดูแล แม่ทัพผู้นี้ขอให้สัญญาต่อพวกเจ้าทุกคน!"

"ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!" ทหารม้าหลายร้อยคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน ราวกับว่าการตะโกนนี้คือการร่ายมนต์ ทำให้พวกเขาไม่หวาดหวั่นต่อความตายอีกต่อไป

ทหารของจ้าวเหอมีเพียงสามพัน เขาต้องการจะรีบยึดประตูเมืองและบุกไปที่จวนเจ้าเมืองโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ทหารที่เตียวเลี้ยวนำมาล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอด มีพลังสู้รบอย่างสูง

แม้จะเป็นจ้าวเหอก็ตาม เมื่อได้เห็นทหารม้าศัตรูจู่โจมเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวความตาย เขาก็นิ่งงันไร้คำพูด เขานึกไม่ออกจริงๆว่าลิโป้ต้องเป็นคนแบบใด ถึงสามารถทำให้ทหารของเขาสู้ตายถวายชีวิตได้ถึงขนาดนี้ หากเปลี่ยนเป็นเขาคงทำไม่ได้อย่างแน่นอน