ลิโป้รู้สึกหวั่นไหวใจ เขาหันไปหากุยแกเพื่อถามความเห็น เมื่อเห็นกุยแกส่ายหน้าเบาๆ ลิโป้ก็เอ่ยขึ้นว่า "หลังจากหารือกับเหล่าแม่ทัพแล้ว ข้าจะแจ้งให้ทราบ"
ซูผูเหยียนกุมหมัดกล่าวว่า "จิ้นโหว กองทัพของอ้วนเสี้ยวและเหยียนโร่วจะมาถึงที่นอกเมืองในอีกไม่ช้า หวังว่าใต้เท้าจะตัดสินใจได้แต่เนิ่นๆ"
ลิโป้หรี่ตาลง จากคำพูดของซูผูเหยียน เขาก็สัมผัสได้ถึงเจตนาข่มขู่คุกคามจากชาวอูหวน หากว่าทัพปิ้งโจวไม่ตอบตกลง ชาวอูหวนก็จะหันไปร่วมมือกับอ้วนเสี้ยว ซึ่งนั่นจะทำให้สถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อทัพปิ้งโจว
"ข้าน้อยขออำลา!" หลังจากซูผูเหยียนค้อมคำนับ เขาก็หันหลังเดินออกไป
"เฟิ่งเซี่ยว ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าชาวอูหวนจะขอหย่าศึกเร็วถึงเพียงนี้" สีหน้าของลิโป้ฉายแววยินดี เขานึกว่าจะต้องออกแรงมากกว่านี้เสียอีก
"นายท่าน ทหารเฟยฉีทำศึกได้อย่างห้าวหาญ รบชนะทหารม้าอูหวนห้าพันด้วยคนจำนวนหนึ่งพัน ทั้งยังเป็นการทำลายอยู่เพียงฝ่ายเดียวโดยที่พวกเขาไม่อาจตอบโต้ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะขอเจรจา ชาวอูหวนยกย่องผู้แข็งแกร่งเสมอมา ดูเหมือนว่าผลงานของทหารเฟยฉีในวันนี้จะทำให้ชาวอูหวนเกิดความหวาดกลัวแล้ว" กุยแกกุมมือตอบด้วยรอยยิ้ม
"ท่านคิดว่าชาวอูหวนจะรักษาสัญญาหรือไม่?" ลิโป้ถาม
"เรื่องนี้ไม่สำคัญสักเท่าใด แต่พวกเราสามารถตอบตกลงพวกเขาไปก่อนชั่วคราว เป็นไปดังคาด หลังจากเหยียนโร่วมองทะลุความคิดของชาวอูหวน เขาจะไม่บุกโจมตีอย่างสุดกำลังแน่นอน ในเมื่อชาวอูหวนต้องการจะถอนตัว ใยจึงไม่ใช้โอกาสนี้ขอให้เหยียนโร่วร่วมมือกับทัพปิ้งโจวเล่าขอรับ?" กุยแกกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลิโป้ตาเป็นประกาย บัดนี้ในมือของเขาขาดแคลนกำลังคน ขณะที่ทางฝั่งอ้วนเสี้ยวและเหยียนโร่วมีกำลังรวมกันราวสี่หมื่น "เฟิ่งเซี่ยว เหยียนโร่วและอ้วนเสีย้วมีไมตรีต่อกัน พวกเขาจะตอบตกลงกับทัพเราหรือ?"
"หากว่าชาวอูหวนตกลง เหยียนโร่วก็จะไม่มีทางเลือกอื่น" กุยแกกล่าว
"ที่เหยียนโร่วพึ่งพาคือกองทัพชาวอูหวน หลังจากศึกครั้งนี้ ชาวอูหวนก็เกิดความระย่นระย่อต่อทหารเฟยฉี หากว่าพวกเราสัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์ให้กับพวกเขา ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหันดาบกลับไป อ้วนเสี้ยวสามารถใช้ชาวอูหวนในการโค่นกองซุนจ้าน พวกเราก็สามารถใช้ชาวอูหวนขับไล่อ้วนเสี้ยวได้เช่นเดียวกัน"
กุยแกก็เหมือนกับลิโป้ แม้จะยึดเมืองปักเป๋งมาได้แล้วก็ยังคงรู้สึกกังวล หากว่าภายในเมืองมีทหารอยู่สักสองหมื่นคน เรื่องราวต่างๆก็จะง่ายดายขึ้นมาก แต่ปัญหาก็คือพวกเขาขาดแคลนกำลังพล
ลิโป้ไม่ใช่คนเถรตรง ไม่ว่าแผนการร่วมมือกับชาวหูใด หากสามารถเอาชนะศัตรูได้ก็บล้วนแต่นับเป็นแผนการที่ดี สำหรับชาวอูหวนนั้น หากว่าพวกเขาซื่อสัตย์ก็ดีไป แต่หากว่าพวกเขากล้าสร้างปัญหา ที่พวกเขาต้องเผชิญก็คือคมหอกคมดาบของทัพปิ้งโจว "เฟิ่งเซี่ยว ข้าขอมอบหมายเรื่องนี้ให้ท่านจัดการ ข้าอยากเห็นอ้วนเสี้ยวสูญเสียไพร่พลและแม่ทัพ เพื่อที่เขาจะได้ไม่กล้าคิดไม่ซื่อต่อปิ้งโจวอีก"
"ขอรับ" กุยแกกุมมือรับคำ ในใจเขากำลังคิดหาแผนการที่จะสร้างความเสียหายให้ชาวอูหวนไปได้พร้อมกัน สำหรับเขาแล้ว ชาวอูหวนจะช้าเร็วต้องหันคมดาบเข้าหาทัพปิ้งโจวที่ปกครองเมืองปักเป๋งแน่ ที่ก่อหายนะให้เมืองปักเป๋งมากที่สุดก็คือเผ่าอูหวน หากอนุญาตให้พวกเขาจากไปโดยง่าย หลังจากกลับไปซ่องสุมกำลังเพิ่ม พวกเขาจะต้องบังเกิดความโลภต่อเมืองต่างๆของอิวจิ๋วแน่นอน
หลังจากเห็นกุยแกเดินมา ซูผูเหยียนก็โล่งใจขึ้นมาก นั่นก็เพราะลิโป้ทำให้เขารู้สึกกดดันจนเกินไป เขากลัวว่าลิโป้จะไม่แยแสหากชาวอูหวนผนึกกำลังกับอ้วนเสี้ยว แน่นอน ทัพปิ้งโจวเองก็มีพลังรบกล้าแข็งยิ่ง ทหารม้าเฟยฉีเพียงหนึ่งพันสามารถโจมตีทหารม้าอูหวนห้าพันจนแตกพ่ายได้ กับทหารม้าเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่ต้องการเผชิญหน้าด้วยอีก ความรู้สึกคุกคามของทหารม้าเฟยฉียังมากกว่าทหารม้าขาวมาก
"ใต้เท้า" ซูผูเหยียนค้อมตัวคารวะอย่างสุภาพ เมื่อครู่เขาได้เห็นแล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้ถึงกับสามารถนั่งอยู่ข้างลิโป้ได้ แสดงว่าเขาจะต้องมีฐานะในปิ้งโจวไม่ต่ำทราม
"นายท่านมีธุระที่ต้องสะสางมากมาย ดังนั้นจึงให้ข้าน้อยรับผิดชอบในเรื่องนี้ เวลายังเช้า เช่นนั้นพวกเราไปเดินชมเมืองด้วยกันเป็นอย่างไร? ท่านแม่ทัพจะได้ชมดูทัพปิ้งโจวด้วย" กุยแกยิ้มถาม
ซูผูเหยียนกุมหมัดกล่าวว่า "ล้วนแล้วแต่ใต้เท้า" เขาเองก็ค่อนข้างสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับทัพปิ้งโจวเช่นกัน เพราะถึงอย่างไร ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ทัพปิ้งโจวก็ส่งทหารม้าออกมาเพียงพันคนเท่านั้น แม้จะมีจำนวนเพียงหนึ่งพัน แต่พลังสู้รบของพวกเขาก็สร้างความตกตะลึงให้กับชาวอูหวนอย่างหนัก เขาต้องการจะชมดูว่าในทัพปิ้งโจวยังมีทหารชั้นยอดเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่
หลังจากได้เห็นการจัดแถวของทหารปิ้งโจว ซูผูเหยียนก็ตกตะลึง โดยเฉพาะทหารม้าเฟยฉีที่กำลังฝึกฝนกันอยู่ เหยียวสีดำที่โบยบินอยู่บนธงนั้นดูเด่นเป็นสง่ายิ่ง นี่ก็คือทหารม้าขบวนเดียวกับที่ออกไปรบที่นอกเมือง ด้วยสายตาของซูผูเหยียน เพียงกวาดตามองประเมินคร่าวๆเขาก็บอกได้ว่าทหารม้าเหล่านี้มีกันราวสามพันคน หากว่าทหารม้าทั้งสามพันนี้ออกรบในศึกเมื่อวาน.... เขาไม่กล้าจินตนาการถึงผลลัพธ์ เกรงว่าทหารม้าอูหวนอาจจะไม่จบที่ถอยทัพ แต่เป็นถูกทำลายอย่างราบคาบ....
"ท่านแม่ทัพ นี่ก็คือทัพม้าที่กล้าแข็งที่สุดของทัพปิ้งโจวเรา พวกเขามีจำนวนสามพันคน ย้อนกลับไปครานั้น นายท่านนำทหารม้าเฟยฉีสามพันกวาดพิชิตไปทั่วทุ่งหญ้าของเซียนเป่ย ทัพม้าที่กล้าแข็งที่สุดของเซียนเป่ยอย่างทหารม้าหวังถิงก็ถูกทำลายลงในมือพวกเขาเอง พวกเขาก็คือหนึ่งในทัพม้าที่กล้าแข็งที่สุดของปิ้งโจวเรา" กุยแกเอ่ยแนะนำความเป็นมาของทหารม้าเฟยฉีสั้นๆคล้ายไม่สลัดสำคัญอะไร
ซูผูเหยียนตกตะลึงอย่างหนัก แน่นอนว่าเขาย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงของทัพม้าหวังถิงมาก่อน นั่นเป็นทัพม้าที่กล้าแข็งที่สุดของเซียนเป่ย "ทหารม้าเฟยฉีช่างห้าวหาญจริงๆ" หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ซูผูเหยียนก็กุมหมัดกล่าว
ทันใดนั้น ซูผูเหยียนก็สะดุดกับประโยคที่ว่า "หนึ่งในทัพม้าที่แข็งแกร่งที่สุดของปิ้งโจว" ของกุยแก เป็นไปได้หรือไม่ว่าในทัพปิ้งโจวจะยังมีทัพม้าที่กล้าแข็งไม่แพ้กันอยู่? หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาคงต้องรีบกลับไปปรึกษากับเป๊กตุ้นโดยเร็ว
กุยแกไม่ได้สนใจท่าทางตกตะลึงของซูผูเหยียน เขาเดินไปต่อก่อนจะชี้ไปยังหน่วยทหารที่อยู่ห่างออกไป "นั่นคือทหารใหม่ของทัพปิ้งโจว มีหลายคนที่เคยทำศึกกับพวกเซียนเป่ยที่มารุกรานชายแดนของเรา"
ซูผูเหยียนพยักหน้า จากเหล่าทหารเหล่านี้ ซูผูเหยียนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของทหารชั้นยอด เทียบกับไพร่พลของเหยียนโร่วหรือว่าอ้วนเสี้ยวแล้ว ดูเหมือนจะยังเหนือกว่าอยู่บ้าง ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของทัพปิ้งโจวคงเป็นจำนวนที่เสียเปรียบ
"ส่วนทหารเหล่านี้ แม้จะมีจำนวนเพียงแปดร้อยคน แต่พวกเขาคือหน่วยทะลวงค่ายที่มีชื่อเสียงในแผ่นดิน เมื่อครั้งที่จิ้นโหวนำทัพโจมตีตั๋งโต๊ะที่ลั่วหยาง พวกเขาเคยต้านทานการโจมตีจากทัพม้าเหล็กเสเหลียงได้สำเร็จ"
ทหารหน่วยทะลวงค่ายนั้นคล้ายคลึงกับทหารหน่วยเซียนเติง พวกเขาล้วนสวมใส่เกราะทั้งตัว แม้ว่าหน่วยทะลวงค่ายจะไม่ได้ฝึกฝนอย่างเข้มข้นเหมือนกับหน่วยอื่นๆ แต่ซูผูเหยียนก็สัมผัสได้ถึงจิตใจที่มุ่งมั่นสู้ไม่ถอยจากพวกเขา ในสนามรบนั้น หน่วยทหารที่เงียบงันที่สุดก็คือหน่วยทหารที่น่าพรั่นพรึงที่สุด ตอนที่อยู่ในค่ายของทัพกิจิ๋ว เขาเคยได้สัมผัสกับกลิ่นอายแบบเดียวกันนี้จากทหารเซียนเติงมาก่อน การทำลายทหารม้าขาวทำให้ทหารเซียนเติงมีชื่อเสียงขึ้นมา และพวกเขาก็เป็นการคงอยู่ที่ชาวอูหวนยังต้องหวั่นเกรง
หลังออกจากค่ายทหารมาแล้ว กุยแกก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "ท่านแม่ทัพรู้สึกว่าทัพปิ้งโจวเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ทั้งหมดล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอด!" ซูผูเหยียนกล่าว
"เผชิญหน้ากับทัพปิ้งโจว ไม่ทราบว่าทัพกิจิ๋วและทัพอูหวนจะสามารถเอาชัยได้หรือไม่?"
ซูผูเหยียนกล่าวว่า "ใต้เท้า แม้ว่าทัพปิ้งโจวจะเ็นยอดทัพ แต่ทัพกิจิ๋วเองก็ไม่อ่อนแอ แม้แต่ทหารม้าขาวยังถูกทำลายลง ถึงแม้ว่าทหารม้าเฟยฉีจะเป็นสุดยอดทัพม้า แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่แน่"
กุยแกยิ้มบางจากนั้นจึงกล่าวว่า "เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอให้ท่านแม่ทัพรอชมดู ดังที่นายท่านได้กล่าวเอาไว้ ทัพปิ้งโจวเราไม่เคยเกรงกลัวการศึก"
ซูผูเหยียนใจเต้นระรัว จากน้ำเสียงของกุยแก เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ประกอบกับหน่วยทะลวงค่ายที่เพิ่งได้ชมดูไป เกรงว่าพวกเขาจะไม่ได้ด้อยไปกว่าทหารเซียนเติงของทัพกิจิ๋วเลย....
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved