ตอนที่ 152 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"หรานเอ๋อร์ หลังจากแผ่นดินสงบสุขแล้ว ครอบครัวเราก็จะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างมีความสุข" ลิโป้ถอนหายใจ

ในช่วงกลียุค ชีวิตคนก็เหมือนต้นหญ้า หากเป็นไปได้ ลิโป้เองก็ไม่ได้อยากออกศึกโดยไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใดเช่นนี้ เขายังเข้าใจจุดอ่อนของตัวเอง โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่ถนัดในด้านการบริหารสักเท่าใด นโยบายที่นำมาปรับใช้กับปิ้งโจวก็เพียงเพื่อจะปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อเขาเข้าใจถึงจุดแข็งของตัวเอง เขาก็มุ่งแสดงจุดแข็งออกมาส่วนเรื่องการบริหารจัดการเมืองนั้น ก็ยกให้เป็นหน้าที่ขุนนางที่เหมาะสมกระทำไป

เหยียนหรานได้แต่หยักหน้าเงียบๆ ที่นางหวังมากที่สุดก็คือความปลอดภัยของครอบครัว

"แล้วเมื่อใดท่านสามีจึงจะตบแต่งน้องซิ่วเอ๋อร์เข้ามาในบ้านหรือเจ้าคะ?" เหยียนหรานพลันเอ่ยปากถาม

ลิโป้เหงื่อตก เขากล่าวว่า "นี่ยังไม่ต้องรีบร้อน เตียวเสี้ยนยังเยาว์วัยเกินไป"

"นางไม่ใช่เด็กหญิงแล้วนะเจ้าคะ น้องสาวเตียวเสี้ยนถึงวัยที่จะออกเรือนแล้ว" เหยียนหรานเอ่ยเตือน

ลิโป้อับจนถ้อยคำ ในสมัยโบราณนั้น หญิงสาวมักออกเรือนตั้งแต่เยาว์วัย ซึ่งหากเทียบกันแล้ว เตียวเสี้ยนเวลานี้นับว่าออกเรือนช้าไปเสียด้วยซ้ำ "เอาไว้ค่อยคุยเรื่องนี้หลังจากจัดการเรื่องปิ้งโจวเสร็จแล้วเถอะ"

ความงามของเตียวเสี้ยนนั้น ไม่ว่าบุรุษใดก็ไม่อาจต้านทาน เพียงการมุ่นคิ้วหรือแย้มยิ้มเพียงครั้งก็สามารถทำให้ผู้เกิดความลุ่มหลง

หลังจากมาถึงเมืองจิ้นหยางแล้ว ซี่จื่อไฉก็อดจะบังเกิดความสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาในใจเสียมิได้ เขามาป้วนเปี้ยนอยู่หน้าสถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียนเป็นเวลานานแล้ว โรงเรียน เขาย่อมเข้าใจว่ามันมีไว้เพื่ออะไร เขานึกไม่ถึงเลยว่าโรงเรียนนั้นจะตั้งอยู่ใกล้กับจวนเจ้าเมือง กะประมาณด้วยสายตาดูแล้ว เขาก็ทราบว่าโรงเรียนแห่งนี้มีขนาดไม่เล็กเลย

ตอนที่เขาอยู่ในกุนจิ๋ว แม้ซี่จื่อไฉจะได้ยินความสำเร็จของลิโป้ในจิ้นหยาง แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินชื่อโรงเรียนจิ้นหยางมาก่อน

ทหารยามที่ทำหน้าที่เฝ้าอยู่หน้าโรงเรียนต่างสงสัยเมื่อเห็นซี่จื่อไฉมาเดินอ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าโรงเรียนเป็นเวลานาน พวกทหารในจิ้นหยางยังคงไม่คลายความตื่นตัวจากสงคราม ดังนั้นพวกเขาจึงตื่นตัวขึ้นมาเมื่อพบเห็นคนแปลกหน้ามาทำตัวลับๆล่อๆอยู่ที่หน้าโรงเรียนจิ้นหยาง

"ท่านเป็นใคร? มีธุระอะไรที่โรงเรียนจิ้นหยาง?" ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาถามซี่จื่อไฉ

"ข้ามีนามว่าซี่จื่อไฉ เป็นทูตจากกุนจิ๋ว เพราะข้าอยู่ว่าง จึงมาชมดูที่นี่ ไม่ทราบว่าข้าสามารถเข้าไปชมดูที่ด้านในได้หรือไม่?" ซี่จื่อไฉเอ่ยถามด้วยความสุภาพ

เมื่อทราบว่าอีกฝ่ายเป็นทูตมาจากกุนจิ๋ว ทหารนายนั้นก็เปลี่ยนเป็นสุภาพมากขึ้น "ใต้เท้า โรงเรียนจิ้นหยางนั้นเป็นสถานที่สำคัญ หากไม่มีคำสั่งลงมาก็ไม่อาจให้ผู้ใดเข้าไปเยี่ยมชมได้ขอรับ"

"อ้อ ข้าเองก็เป็นบัณฑิตผู้หนึ่ง ข้ารับรองว่าจะไม่ก่อปัญหาใด หวังว่าท่านทหารจะช่วยเรียนต่อใต้เท้าผู้ดูแล" ยิ่งเห็นว่าท่าทีของทหารยามเป็นเช่นนี้ ซี่จื่อไฉก็ยิ่งรู้สึกสนใจต่อโรงเรียนจิ้นหยาง

"ใต้เท้าโปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะเข้าไปรายงานก่อน" หลังจากทหารนายนั้นอธิบายต่อทหารคนอื่นๆแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยความนอบน้อม มีเขาจะเป็นคนหยาบกร้าน แต่ก็ยังมีความตระหนักรู้ โรงเรียนแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจลบหลู่

หลังจากนั้นสักพัก ทหารนายเดิมก็กลับมา เขาเดินตรงเข้ามากล่าวกับซี่จื่อไฉ "ใต้เท้า ใต้เท้าผู้ดูแลอนุญาตแล้วขอรับ เพียงแต่ต้องมีข้าน้อยติดตามไปด้วย"

ซี่จื่อไฉยิ้มกล่าว "ไม่เป็นไร"

เสียงท่องตำราดังกังวานอยู่ภายในห้องเรียน ซี่จื่อไฉอดหวนนึกถึงฉากนี้ไม่ได้ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในโรงเรียน ในใจบังเกิดความรู้สึกสนิทสนมขึ้นมา

"ใต้เท้า ส่วนนี้เป็นโรงเรียนประถม ส่วนพื้นที่นั้นเป็นโรงเรียนมัธยมขอรับ เห็นได้ชัดว่าทหารนายนี้นั้นคุ้นเคยกับโรงเรียนแห่งนี้ ดงันั้นจึงเอ่ยแนะนำสถานที่ต่อซี่จื่อไฉ

"โอ้? โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม? ไม่ทราบว่าโรงเรียนมัธยมคืออย่างไรหรือ?" ซี่จื่อไฉเอ่ยถาม

"ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ" ทหารนั้นตอบตาใส

โรงเรียนแห่งนี้กินอาณาบริเวณขนาดใหญ่ ตัวอาคารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ แต่ละอาคารยังมีแสงส่องสว่าง ในหนึ่งห้องเรียนนั้นจะมีนักเรียนอยู่ราวห้าสิบคน ซี่จื่อไฉยืนมองดูจากนอกหน้าต่างโดยไม่เข้าไปรบกวนพวกเขา สิ่งที่ทำให้ซี่จื่อไฉต้องประหลาดใจยิ่งขึ้นก็คือ ในมือของครูที่กำลังสอนหนังสืออยู่นั้นเป็นตำราที่ทำขึ้นจากกระดาษ นักเรียนทั้งหมดภายในห้องเองก็มีหนังสือฉบับคัดลอกอยู่คนละเล่มเช่นกัน สายตาของซี่จื่อไฉจ้องมองดูหนังสือเหล่านั้นด้วยความเหม่อลอย ในฐานะบัณฑิตคนหนึ่งแล้ว เขาย่อมเข้าใจดีว่าหนังสือตำราเหล่านี้มีค่ามากเพียงใด ทว่าภายในโรงเรียนจิ้นหยางเล็กๆแห่งนี้ กลับมีหนังสือฉบับคัดลอกที่ทำมาจากกระดาษอยู่ดาษดื่น หากบัณฑิตในแผ่นดินได้ทราบเรื่อง เกรงว่าพวกเขาจะต้องคลุ้มคลั่งขึ้นมาเป็นแน่

"ใต้เท้าซี่ ใต้เท้าซัวขอเชิญท่านขอรับ" ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาแจ้ง

"ใต้เท้าซัว?" ซี่จื่อไฉเกิดความสงสัยขึ้นในใจ แต่เขาก็ยิงติตดามทหารนายนั้นไป

เมื่อได้พบกับซัวหยง เพียงปราดมองซี่จื่อไฉก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นผู้ทรงภูมิอย่างแน่นอน ซี่จื่อไฉกุมมือกล่าว "เสวียเซิงซี่จื่อไฉ ชื่อรองซี่เช่อ คารวะเซียนเซิง"

"ซี่จื่อไฉ? ข้าได้ยินมาจากทหารว่ามีผู้อ้างตัวว่าเป็นทูตจากกุนจิ๋วต้องการจะเข้ามาเยี่ยมชมภายในโรงเรียน เฒ่าชราผู้นี้ได้รับความไว้วางใจจากเฟิ่งเซียนให้รับผิดชอบดูแลโรงเรียนแห่งนี้ ข้าบังเกิดความใคร่รู้จึงส่งทหารไปเชิญท่านมา เชิญนั่งลงก่อนเถอะ" ซัวหยงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"เสวียเซิงมีข้อสงสัยอยู่ในใจ เลยอยากจะขอคำชี้แนะจากเซียนเซิง" ซี่จื่อไฉไม่ได้รีบร้อนจะนั่งลง "เสวียเซิงประหลาดใจยิ่งที่ได้เห็นว่านักเรียนต่างก็ใช้ตำราที่ทำมาจากกระดาษ ไม่ทราบว่าเซียนเซิงพอจะแถลงไขข้อสงสัยนี้ให้ได้หรือไม่?"

เมื่อได้ยินคำถามของซี่จื่อไฉ ซัวหยงก็หัวเราะ "นี่เป็นสิ่งที่ศิษย์ของข้า ลิเฟิ่งเซียนเป็นผู้จัดการ ไม่ใช่ผลงานของชายชราผู้นี้หรอก" เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ สีหน้าของซัวหยงก็ปรากฏแววภาคภูมิใจขึ้นมา ผู้คนในแผ่นดินต่างก็ดูหมิ่นดูแคลนภูมิหลังของลิโป้ หากว่าผู้คนได้ทราบว่าลิโป้นั้นได้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ขึ้นมา พวกเขาจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะเอาแต่หมกตัวอยู่ภายในโรงเรียน แต่เขาก็เข้าใจมุมมองที่ผู้คนมีต่อลิโป้ และเขายังรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่หลายคนคิดว่าลิโป้ได้ลักพาตัวเขามาที่นี่

"ศิษย์? ลิเฟิ่งเซียน?" จิตใจของซี่จื่อไฉพลันเกิดความปั่นป่วน 'ที่แท้ท่านที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็คือใต้เท้าซัวหยง ปราชญ์บัณฑิตผู้เลื่องลือ'

"เสวียเซิงคารวะซัวเซียนเซิง" ซี่จื่อไฉกุมมือกล่าวแสดงความเคารพอีกครั้งด้วยท่าทางเคร่งขรึม กล่าวได้ว่าซัวหยงนั้นต้นแบบของขุนนางทั่วแผ่นดิน หลายคนอยากขอเข้าพบใจแทบขาดกลับไม่ได้พบ คิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะมาเป็นครูสอนหนังสืออยู่ในโรงเรียนจิ้นหยาง หากว่าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป โรงเรียนจิ้นหยางจะต้องกลายเป็นสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืนอย่างแน่นอน

"ไม่ต้องมากพิธี" ซัวหยงกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นทูตจากกุนจิ๋ว ซัวหยงก็ให้ความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม เจ้าเมืองกุนจิ๋วคนปัจจุบันโจโฉนั้นเคยพบกับเขามาก่อน อีกทั้งพวเขายังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน "เมิ่งเต๋อยังสบายดีหรือไม่?"

"นายท่านสบายดีขอรับ เพียงแต่นายท่านมักจะกังวลเกี่ยวเซียนเซิง หากว่าเซียนเซิงมีเวลา ก็สามารถไปเยี่ยมเยียนได้ขอรับ" ซี่จื่อไฉตอบ

"เมิ่งเต๋อและเฒ่าชราผู้นี้รู้จักกันมาก็หลายปี เฒ่าชราผู้นี้ไม่มีของล้ำค่าใด เมื่อท่านกลับไป ท่านสามารถนำตำราเรียนฉบับคัดลอกกลับไปให้เมิ่งเต๋อ ถือเป็นของขวัญให้เขา ส่วนเรื่องไปยังกุนจิ๋วนั้น ลืมไปเสียเถอะ เฒ่าชราผู้นี้ก็อายุมากแล้ว ไม่อาจเดินทางไกลได้อีก นอกจากนั้นภายในปิ้งโจวยังมีอีกหลายสิ่งให้เฒ่าชราผู้นี้ต้องจัดการ" ซัวหยงพยักหน้าให้กับทหารคุ้มกันที่ด้านข้าง

ทหารนายนั้นเข้าใจความหมาย เขาไปนำเอาหีบออกมาใบหนึ่ง ซัวหยงนั้นมีชื่อเสียงมาก และน้อยคนนักที่จะได้เข้าพบ เมื่อพบเจอกับสหายเก่าผู้หนึ่ง ซัวหยงย่อมต้องมอบหนังสือตำราของปิ้งโจวให้ไปสักชุด หนังสือตำราเหล่านี้เป็นฉบับคัดลอกที่เขาสะสมมานานหลายปี ในอดีตนั้น ตำราเหล่านี้นับเป็นสิ่งที่ล้ำค่าและหายากอย่างมาก

"ขอบคุณเซียนเซิง" ซี่จื่อไฉตื่นเต้นยินดี ตั้งแต่ที่เขาได้เห็นนักเรียนภายในโรงเรียนจิ้นหยางล้วนแต่มีหนังสือเป็นของตัวเอง ในใจเขาก็รู้สึกคันตรงที่ยากจะเกา ผู้เป็นบัณฑิตล้วนรักและชื่นชอบการสะสมตำรา สำหรับปราชญ์ชั้นผู้ใหญ่อย่างซัวหยงแล้ว เขาย่อมมีตำราอยู่มากมาย

"อืม ท่านไปเถอะ ฝากบอกเมิ่งเต๋อด้วยว่าเฒ่าชราผู้นี้สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง" ซัวหยงกล่าว