ตอนที่ 227 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

สาเหตุหลักที่กองซุนจ้านสามารถถือไพ่เหนือกว่าในการต่อสู้กับเหยียนโร่วก็เพราะว่าเขามีทหารม้าขาว ทันทีที่ทหารม้าอูหวนมองเห็นทหารม้าขาวก็จะมีท่าทางราวกับหนูเห็นแมว ทหารม้าขาวได้ทิ้งเงามืดเอาไว้ภายในใจของพวกเขา บัดนี้เมื่อเงามืดที่ว่าพลันสลายหายไป ทหารมาอูหวนก็ระเบิดพลังต่อสู้ที่แท้จริงออกมา ในสายตาของทัพอิวจิ๋ว ทหารม้าอูหวนไม่ใช่หนูอีกต่อไป หากแต่เป็นพยัคฆ์ร้าย

หลังจากไล่ล่ากันตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ทหารอิวจิ๋วก็เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า สิ่งที่พวกเขาต้องการในตอนนี้ก็คือ หยุดทัพเพื่อกินอาหาร จากนั้นก็เข้านอนให้เต็มอิ่ม

เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าแม่ทัพนายกองก็พากันเกลี้ยมกล่อมเต๊งไก๋ ทว่าเต๊งไก๋และกองซุนหองนั้นกังวลเรื่องความปลอดภัยของกองซุนจ้าน ดังนั้นพวกเขาจึงกระตุ้นให้กองทัพเร่งฝีเท้า ยิ่งกว่านั้น ทหารม้าอูหวนยังคงไล่หลังพวกเขามา จะไม่เร่งเดินทางก็ไม่ได้ ทหารม้าอูหวนเห็นได้ชัดว่ามีเจตนาจะทอนกำลังของทัพอิวจิ๋ว เพื่อที่จะสามารถเดินทัพได้เร็วขึ้น ทัพอิวจิ๋วจึงจำต้องส่งทหารบางส่วนไปต้านทานไว้

เต๊งไก๋รู้สึกอับจนปัญญา หากเขาสั่งหยุดทัพและพักผ่อน เมื่อพวกเขาถูกทหารม้าอูหวนพัวพันเอาไว้ หลังจากทัพเหยียนโร่วติดตามมาทัน เมื่อผนึกกำลังร่วมกับทัพกิจิ๋ว ทหารทั้งสามหมื่นคนนี้ก็จะตกอยู่ในอันตรายทันที

นี่เป็นสงครามที่ส่งผลกระทบต่อทั้งอิวจิ๋ว ด้วยคำแนะนำจากอ้วนเสี้ยว เหยียนโร่วที่จับจ้องทัพอิวจิ๋วมานาน หลังจากที่เต๊งไก่และกองซุนซู่นำทหารออกจากเมือง พวกเขาก็ถูกหน่วยสอดแนมของทัพเหยียนโร่วสังเกตพบ ดังนั้นเหยียนโร่วจึงสั่งให้เป๊กตุ้นนำทหารม้าอูหวนจำนวนห้าพันไล่ติดตามไป เป้าหมายคือการลากถ่วงทัพอิวจิ๋วเอาไว้ ทัพอิวจิ๋วในมือเต๊งไก๋คือขุมกำลังสุดท้ายของกองซุนจ้าน ขอเพียงทำลายทัพของเต๊งไก๋มาได้ กองซุนจ้านก็จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

"ฆ่า!" งันเหลียงชูง้าวในมือ ทหารกิจิ๋วที่ซุ่มรออยู่สองข้างทางก็พลันเข่นฆ่าออกมา

เพราะหลบหนีจนอ่อนล้า เต๊งไก๋จึงมัวพะวงแต่ทางด้านหลังจนละเลยการตรวจสอบพื้นที่ด้านหน้า เป็นเหตุให้รู้ทัพกิจิ๋ว เผชิญกับการโจมตีอย่างฉับพลันของทัพกิจิ๋ว ทัพอิวจิ๋วก็พลันเกิดความแตกตื่น

เผชิญกับทัพแกร่งหนึ่งหมื่นของกิจิ๋วและทหารม้าอูหวนที่ไล่ล่ามาจากทางด้านหลัง ทัพอิวจิ๋วที่อ่อนล้าหมดกำลังก็แทบจะพังทลายลง พวกเขาถูกตีแตกพ่าย ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังไม่ได้ตายเพราะทหารกิจิ๋วหรือทหารม้าอูหวน หากแต่เป็นการเหยียบย่ำกันเองจากการหลบหนี ทหารทั่วไปย่อมไม่มีผู้ใดไม่รักตัวกลัวตาย เมื่อรู้สึกว่าไม่มีหวังที่จะชนะ พวกเขาก็จะหลบหนี

ความหดหู่ตลอดหลายวันมานี้ของงันเหลียงได้รับการระบายออกในศึกที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่นี้

หลังจากเต๊งไก๋ปกป้องกองซุนซู่ตีฝ่าออกมาได้แล้วก็มุ่งหน้าไปทางอำเภอจี้ โดยที่ข้างกายมีทหารติดตามมาเพียงห้าร้อยกว่าคน

ความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในครั้งนี้ทำให้กองซุนจ้านรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกท้อแท้สิ้นหวังยิ่งกว่าเดิมก็คือ บุนทิวและจอสิวนำทหารบุกโจมตีเมืองปักเป๋ง จูล่งเดินทางไปเมืองซ่างกู่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ผลลัพธ์คือล้มเหลว เผชิญกับหลายเรื่องที่โถมเข้ามาในเวลาเดียวกัน กองซุนจ้านก็หัวใจหนักอึ้ง เขาคล้ายกับมองเห็นความพ่ายแพ้ของอิวจิ๋วปรากฏขึ้นตรงหน้า กองซุนจ้านเอาแต่ขังตัวเองอยู่ภายในห้อง ภายในเมืองแทบจะไม่เหลือทหาร แต่ที่นอกเมืองยังมีทัพกิจิ๋วและทัพของเหยียนโร่วอยู่ราวห้าหมื่นคน ยิ่งกว่านั้นก็คือ ทหารที่เหลือภายในเมืองล้วนไม่มีกะจิตกะใจจะต่อสู้ ยิ่งกว่านั้น ภายในเมืองยังเหลือเสบียงอีกไม่มาก นับตั้งแต่แม่ทัพจนลงมาถึงพลทหาร ทุกคนล้วนแต่กำลังหวาดวิตก

ความพยายามกว่ายี่สิบปีของกองซุนจ้านพลันสลายหายไปกับอากาศธาตุ เถี่ยนยู่และกวนจิ้งย่อมตระหนักได้ถึงสภาพจิตใจของกองซุนจ้าน ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นผู้ใดก็คงท้อถอยไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม พวกทหารภายในเมืองยังคงเสริมแกร่งให้กับกำแพงเมืองและป้องกันการโจมตีจากทัพกิจิ๋วและทัพของเหยียนโร่ว นี่คือฐานที่มั่นสุดท้ายของทัพอิวจิ๋ว หากถูกตีแตกพ่าย พวกเขาก็จะไร้ซึ่งบ้านให้กลับ

หลังจากได้รับชัยชนะมา ทหารอูหวนก็เหิมเกริมหนัก พวกเขาไม่สนใจคำสั่งจากเหยียนโร่ว เที่ยวทำการปล้นชิงหมู่บ้านแห่งต่างๆภายในอิวจิ๋ว กระทำการระยำต่ำช้าทุกประการ เหยียนโร่วทำได้เพียงพยายามห้ามปราม เขาทราบดีว่าเหตุใดชาวอูหวนจึงช่วยเหลือเขา แม้ปากจะกล่าวว่าต้องการแก้แค้นให้เล่าหงี แต่นั่นก็เป้นเพียงข้ออ้างบังหน้า ที่พวกเขาต้องการจริงๆก็คือความมั่งคั่งของชาวอิวจิ๋ว แม้กระนั้นเหยียนโร่วก็ไม่รู้สึกเสียใจ ขอเพียงทำลายกองซุนจ้านลงได้ ต่อให้ต้องตาย แต่เขาก็จะทำให้กองซุนจ้านต้องสำนึกเสียใจที่สังหารเล่าหงีเพื่อความทะเยอทะยานของตัวเอง

จูล่งรู้สึกได้ว่าทั้งแม่ทัพและเหล่าทหารต่างก็มีสีหน้าท้อแท้ จูล่งสามารถสัมผัสได้ถึงความหวาดผวาของพวกเขา เป็นความหวาดผวาที่มีต่อกองทัพที่อยู่นอกเมือง

"ใต้เท้าเถียน ใต้เท้ากวน ใต้เท้าเอาแต่ขังตัวเองอยู่หลังประตู ผู้คนภายในเมืองก็กำลังหวาดวิตก หากปล่อยไว้เช่นนี้ เมืองจี้ก็ทำได้เพียงรอวันถูกตีแตก ข้าน้อยขออาสานำทหารม้าหนึ่งพันภายในเมืองออกไปต่อสู้เพื่อสร้างขวัญกำลงใจให้กับพวกทหาร" จูล่งกล่าวขันอาสา

เสียงอาสาออกสู้ศึกของจูล่งดังก้องหอ้งโถงของจวนเจ้าเมือง ในเวลานี้ บรรดาแม่ทัพนายกองของทัพอิวจิ๋วต่างก็หวาดกลัวการออกศึก ดังนั้นในความเห็นของพวกเขา การออกไปต่อสู้ที่นอกเมืองก็ไม่ต่างจากการออกไปรนหาที่ตาย

เถียนยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "ข้าจะจัดงานเลี้ยงที่จวนเจ้าเมืองเพื่อรอคอยข่าวชัยชนะของท่านแม่ทัพ"

"แม่ทัพผู้นี้กำลังจะออกไปนอกเมืองเพื่อสังหารศัตรู มีผู้ใดกล้าออกไปกับข้าหรือไม่?" จูล่งมายังค่ายทหาร เขากวาดมองทหาร้มาที่เบื้องหน้าก่อนจะตะโกนด้วยเสียงอันดัง

เกิดความเงียบงันจนหากมีเข็มตกกระทบพื้นก็ยังได้ยิน ทหารม้าส่วนใหญ่ต่างก็ก้มหน้าลง มีข่าวลือเกิดขึ้นภายในทัพอิวจิ๋วถึงความแข็งแกร่งของทัพกิจิ๋ว แม้แต่ทหารม้าขาวก็ยังเหลือรอดกลับมาเพียงสามสิบเจ็ดคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทหารม้าธรรมดา

"ผู้ที่สามารถเข้ามาเป็นทหารม้าได้ย่อมเป็นยอดทหารแห่งทัพอิวจิ๋ว หากแต่ในยามนี้ พวกเจ้ายังคงเหลือเค้าความเป็นยอดทหารอยู่หรือไม่? ด้านหลังของข้าคือทหารม้าขาวที่รอดชีวิตกลับมาทั้งสามสิบเจ็ดคน ไม้แต่พวกเขายังไม่กลัว แล้วพวกเจ้ายังจะกลัวอะไร? ข้าเองก็ไม่กลัวเช่นกัน แล้วพวกเจ้าจะลังเลอะไรอีก? หากจะมีผู้ใดที่ตายในศึกนี้ ข้าจะเป็นคนแรกที่ตายเอง!" คำพูดของจูล่งทำให้ทหารม้าหลายคนเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง หากว่าจูล่งไม่เอ่ยถึง พวกเขาก็คงจะลืมเลือนไปแล้วว่าพวกเขาคือทัพม้าระดับสูง

"ทหารกิจิ๋วแล้วอย่างไร? ทหารม้าอูหวนแล้วอย่างไร? จงหยิบอาวุธของพวกเจ้าขึ้นมา แล้วใช้มันบอกต่อพวกศัตรูว่าทหารม้าอิวจิ๋วนั้นไร้เทียมทาน!"

ดวงตาของทหารม้าอิวจิ๋วเริ่มฟื้นคืนประกาย พวกเขาเองก็มีศักดิ์ศรี แม้แต่พวกพ่ายศึกอย่างพวกอูหวนยังมากำแหงอยู่ที่นอกเมืองได้ ภายใต้การกระตุ้นจากจูล่ง หลายคนก็รู้สึกว่าไม่อาจทนทานได้

"สู้!" ทหารม้าขาวทั้งสามสิบเจ็ดคนที่อยู่ด้านหลังจูล่งต่างชูกำปั้นขึ้น จากนั้นทหารม้านับพันก็ตะโกนตามพลางชูอาวุธในมือ สุ้มเสียงยิ่งมายิ่งดังก้อง

เมื่อสัมผัสได้ว่าทหารม้าเหล่านี้เริ่มกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง จูล่งก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ ต่อให้ศึกนี้จะพ่ายแพ้ แต่เขาก็จะไม่ติดค้างทัพอิวจิ๋วและทหารม้าขาวอีก เขาต้องการจะทำให้พวกข้าศึกที่นอกเมืองได้ทราบว่าทหารอิวจิ๋วยังมีกำลังพอที่จะต่อสู้ เขาต้องการจะประกาศให้เหล่าทหารอิวจิ๋วที่แตกทัพได้ทราบว่าทหารม้าอิวจิ๋วยังสามารถสู้ศึกได้

เถียนยู่ที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลผงกศีรษะเบาๆ ในบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหมดของทัพอิวจิ๋ว เขาให้ค่าจูล่งมากที่สุด หากว่าครั้งนี้จูล่งสามารถคว้าชัยมาได้ ขวัญกำลังใจของทหารที่เหลือก็จะฟื้นฟูกลับมา ในตอนนี้ ที่ทัพอิวจิ๋วต้องการมากที่สุดก็คือ ชัยชนะ