"จิ้นโหวโปรดวางใจ แม้ว่าข้าน้อยจะไม่ใช่วีรชน แต่เตียวเอี๋ยนผู้นี้ทราบว่าผู้ที่ไร้ซึ่งคำสัตย์นั้นย่อมไม่มีที่ยืนในแผ่นดิน"
ลิโป้ย่อมสามารถตอบรับเงื่อนไขของเตียวเอี๋ยนได้ไม่ยาก นี่เป็นผลดีต่อปิ้งโจว ตราบใดที่กองทัพภูเขาดำจริงใจต่อปิ้งโจว หลังจากที่พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว นั่นก็จะยิ่งมีส่วนช่วยต่อปิ้งโจวมากขึ้น กิจิ๋วมีกำลังทหารเข้มแข็ง ไม่ควรประมาทดูแคลน ด้วยการคงอยู่ของทหารชั้นยอดอย่างหน่วยเซียนเติง ไม่ว่าทัพม้าใดก็ต้องต่อสู้กับทัพกิจิ๋วด้วยความระวัง และเมื่อกองทัพภูเขาดำแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาก็จะสามารถช่วยสะกดตรึงทัพกิจิ๋วเอาไว้ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นจะมีส่วนช่วยต่อปิ้งโจวอย่างใหญ่หลวง
ถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ายก็ทำสัญญากันปากเปล่า ดังนั้นลิโป้จึงไม่ได้สุภาพต่อเตียวเอี๋ยนนัก แจ้งราคาไปโดยตรง ทั้งหมดถูกนำมาแลกเป็นอาหาร เสบียง แร่เหล็ก และวัตถุดิบอื่นๆ เตียวเอี๋ยนตอบตกลงทันที เรื่องนี้ทำให้ลิโป้ประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่ากองทัพภูเขาดำจะมั่งคั่งไม่น้อย อีกทั้งก่อนหน้านี้ เมืองเย่เฉิงยังถูกกองทัพภูเขาดำบุกปล้นสะดม ดังนั้นจะต้องได้ทรัพย์สินกลับไปไม่น้อยแน่
"แม่ทัพเตียวสามารถพักอยู่ในเมืองได้อีกสักระยะ หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนจะเป็นงานแต่งงานของโหวผู้นี้" เมื่อสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงได้แล้ว ลิโป้จึงเอ่ยปากชวน
"ขอแสดงความยินดีต่อจิ้นโหว หากแต่ภูเขาดำนั้นมีกิจธุระมากมาย เกรงว่ายากจะรั้งอยู่ในปิ้งโจวได้ ในวันแต่งงานของจิ้นโหว ภูเขาดำจะต้องส่งตัวแทนมาแสดงความยินดีอย่างแน่นอน" เตียวเอี๋ยนกล่าว
"เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่บังคับ ม้าศึกสามพัน อาวุธและชุดเกราะอย่างละสามพันจะถูกจัดส่งไปที่ภูเขาดำภายในครึ่งเดือน ถึงตอนนั้นแม่ทัพเตียวต้องส่งคนมารายงานถึงผลลัพธ์" ลิโป้กล่าว
มองดูแผ่นหลังของเตียวเอี๋ยนที่เดินจากไป บนใบหน้าของลิโป้ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น เมื่อดึงดูดใจเตียวเอี๋ยนได้สำเร็จ นั่นก็หมายความว่าในอนาคต หากกองทัพปิ้งโจวต้องการจะเคลื่อนพลออกจากปิ้งโจว ถ้าเกิดว่าทัพกิจิ๋วต้องการจะฉวยโอกาสบุกโจมตี พวกเขาก็จำเป็นต้องพิจารณาถึงกองทัพภูเขาดำ
เมื่อเสร็จธุระที่นี่แล้ว ลิโป้ก็คิดจะไปยังโรงเรียนพิชัยยุทธ์ซึ่งอยู่ในเขตกองทัพ การมีอยู่ของโรงเรียนพิชัยยุทธ์จะช่วยให้เหล่าแม่ทัพมีประสบการณ์ในการรบมากขึ้น แม้จะเคยได้ยินเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหล่าแม่ทัพจงใจสร้างความอับอายแก่เหล่าบัณฑิตจากโรงเรียนจิ้นหยางแล้ว แต่หลังจากออกคำสั่งควบคุมไป ลิโป้ก็ไม่เคยไปตรวจสอบด้วยตัวเอง
ยามค่ำ เหล่าแม่ทัพกำลังร่ำเรียนอยู่ภายในโรงเรียนพิชัยยุทธ์ การบรรยายของเหล่าครสอนหนังสือนั้นน่าเบื่อหน่ายเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีความน่าสนใจแม้แต่น้อย ผู้ที่สามารถเข้ามาเรียนได้นั้น อย่างต่ำก็ต้องเป็นระดับเสี้ยวเว่ยขึ้นไป คนเหล่านี้อยู่ในอำนาจจนเคยชิน ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่ต้องการให้บัณฑิตที่ไม่มีแม้แต่แรงจะฆ่าไก่มาเปิดการบรรยายอันแสนน่าเบื่อหน่ายให้ฟัง เลื่อมใสผู้รู้หนังสือก็ส่วนเลื่อมใส แต่เมื่อได้มาฟังการสอนจริงๆ พวกเขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างที่สุด
ลิโป้เข้ามาในค่ายโดยไม่ได้รบกวนผู้ใด หลังจากเห็นสถานการณ์ภายในโรงเรียนพิชัยยุทธ์แล้ว สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงทันควัน เขาเดินเข้าไปในห้องเรียนก่อนจะแค่นเสียงเย็น
เมื่อพบเห็นลิโป้ แม่ทัพที่หลับใหลไปแล้วก็ถูกสหายที่อยู่ข้างๆปลุกให้ตื่น แผ่นหลังที่เคยคดงอพลันเหยียดตั้งตรง สายตาทุกคู่ล้วนไปรวมกันอยู่ที่ลิโป้
"ท่านหลบไปอยู่ด้านข้างก่อน" ลิโป้หันไปกล่าวกับครูสอนหนังสือ
"ท่านนี้คือจิ้นโหว" เตียนอุยที่ติดตามมากล่าวกับครูสอนหนังสือนั้นเบาๆ
"เฉ่าหมินโหวเซียน คารวะจิ้นโหว!" โหวเซียนค้อมตัวคาวระก่อนจะหลบไปอยู่ด้านข้าง บนใบหน้าของเขาไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ได้ เขาอายุห้าสิบเศษ การสอนหนังสือดำเนินไปได้ค่อนข้างดี แม้จะเผชิญกับท่าทีเย่อหยิ่งของเหล่าแม่ทัพ เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
"ให้พวกเจ้ามาร่ำเรียน แต่พวกเจ้ากลับยึดถือเป็นการละเล่นของเด็ก ฟางไฉเซียนเซิงเคยกล่าวเอาไว้ ผู้ที่หลับในห้องเรียนให้ยืนเรียน" ลิโป้กล่าวเสียงเย็น
นายทหารจำนวนห้าคนยืนขึ้นด้วยความอาย ศีรษะที่เคยเชิดสูงพลันก้มลงต่ำ
ภายในกองทัพนั้น ลิโป้มีอำนาจบารมีสูงสุด ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเทียบได้
"ดี กล้าทำกล้ารับ ถือว่าพวกเจ้ายังเป็นลูกผู้ชาย แต่พวกเจ้าหลับในโรงเรียนพิชัยยุทธ์ โหวผู้นี้ขอถามพวกเจ้า พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเซียนเซิงท่านนี้สอนอะไรไป?" ลิโป้ถาม
ทั้งห้าพากันส่ายหน้า ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาเข้าใจหรือไม่ ตอนนี้แม้แต่การเขียนชื่อตัวเอง ก็นับเป็นเรื่องอันน่าทึ่งในกองทัพแล้ว
"ฮึ่ม พวกเจ้า แม่ทัพของพวกเจ้าเป็นใคร?"
"ข้าน้อยมีตำแหน่งเสี้ยวเว่ย สังกัดอยู่ใต้บัญชาของท่านแม่ทัพงุยซกขอรับ"
"ข้าน้อยมีตำแหน่งเสี้ยวเว่ย สังกัดอยู่ใต้บัญชาของท่านแม่ทัพหลี่เยี่ยนขอรับ"
............
"งุนซกและหลี่เยี่ยนอยู่ที่ใด?" ลิโป้ตะโกนถาม
งุยซกถลึงตาใส่เสี้ยวเว่ยผู้นั้นและยืนขึ้น ส่วนหลี่เยี่ยนก็ยืนขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"ทั้งห้าคนนี้ฝ่าฝืนวินัยของโรงเรียนพิชัยยุทธ์ แต่ละคนให้ถูกลดตำแหน่งลงคนละหนึ่งขั้น หากยังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก แม่ทัพผู้บังคับบัญชาก็จะรับโทษด้วย"
เหล่าแม่ทัพนายกองล้วนตกตะลึง กว่านายกองพันจะเลื่อนยศขึ้นเป็นเสี้ยวเว่ย(ผู้บัญชาการ)ได้นั้นยากเย็นยิ่ง บัดนี้คนทั้งห้ากลับถูกลดยศลงเพียงเพราะไม่ตั้งใจเรียน ทำให้ทุกคนต่างตื่นตัวขึ้นมา
"ขอรับ" หลี่เยี่ยนและงุยซกกุมหมัดรับคำ
"ให้พวกเจ้ามาเรียนหนังสือ อย่าได้คิดว่าน่าเบื่อหน่าย ในสนามรบ หากพวกเจ้าสกัดสารลับของข้าศึกได้ พวกเจ้าจะเข้าใจเนื้อความหรือ? หากว่าเบื้องบนส่งจดหมายสั่งการลงไป พวกเจ้าจะปฏิบัติตามได้หรือ? นับแต่นี้ไป ผลการเรียนของแต่ละคนจะถูกรวมอยู่ในการประเมินผลงานด้วย"
เมื่อเทียบกับประโยคตัดสินโทษของทั้งห้าคนก่อนหน้านี้แล้ว ประโยคต่อมาได้สร้างความตกตะลึงให้กับทั้งหมดอย่างแท้จริง หลายคนในนี้ก้มีอายุไม่น้อยแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยเล่าเรียนหนังสือ แทบจะไม่รู้จักตัวหนังสือเลยสักตัว หากว่าพวกเขาต้องการจะเลื่อนตำแหน่ง พวกเขาก็ต้องพยายามให้มากยิ่งขึ้น และคำพูดของลิโป้เองก็มีเหตุผลเช่นกัน การเรียนหนังสือจะทำให้พวกเขามีความได้เปรียบมากขึ้นในสนามรบ
"หลังจากพวกเจ้าเรียนหนังสือแล้ว พวกเจ้าก็จะสามารถอ่านทำความเข้าใจตำราพิชัยสงครามต่างๆ หากต้องการจะประสบความสำเร็จมากขึ้น พวกเจ้าก็ต้องพยายามมากกว่าคนทั่วไปร้อยเท่า นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจะบอก" กล่าวจบ ลิโป้ก็เดินออกไป ขอเพียงเชื่อมผลการเรียนให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการประเมิน ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่านายทหารเหล่านี้จะไม่ตั้งใจเรียน
"นายท่าน ข้าน้อย......" หลี่เยี่ยนและงุยซกติดตามมาด้วยสีหน้าอับอาย
"ไม่เพียงแต่พวกเขา แม้แต่พวกเจ้าทั้งสองก็ต้องพยายามให้มากขึ้นเช่นกัน" ลิโป้กล่าว
"ขอรับ" เมื่อเห็นว่าลิโป้ไม่ได้ตำหนิอะไรอีก ทั้งสองก็กุมหมัดรับคำ ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการกับเหล่านายทหารใต้บัญชาอย่างไรหลังจากกลับไป
ในห้องเรียนอีกแห่ง มีแม่ทัพกำลังบรรยายประสบการณ์ในสนามรบ ลิโป้หยุดฟังครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แม่ทัพผู้นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ที่เจนสนามรบอย่างแท้จริง สามารถเข้าใจรายละเอียดต่างๆในสนามรบได้เป็นอย่างดี
เมื่อเทียบกับการเรียนหนังสืออันน่าเบื่อหน่ายแล้ว สิ่งที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดสำหรับพวกแม่ทัพก็คือการได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในสนามรบ พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ว่าสิ่งใดควรกระทำหรือไม่ควรกระทำ เหล่าผู้ที่มาถึงตำแหน่งเสี้ยวเว่ยได้ย่อมต้องมีประสบการณ์ระดับหนึ่ง
"เจ้าชื่ออะไร?"
"ตอบท่านแม่ทัพ ข้าน้อยหลี่เหลียน มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพขอรับ" หลี่เหลียนกุมหมัดตอบด้วยความตื่นเต้น
ลิโป้พยักหน้ากล่าวว่า "แม่ทัพหลี่กล่าวได้ถูกต้อง ในสนามรบนั้น พวกเจ้าควรให้ความสำคัญกับรายละเอียดต่างๆ จะเป็นการดีที่สุดหากจัดการทุกเรื่องราวด้วยความละเอียดรอบคอบ หลังจากทัพศัตรูผ่านมา พวกเขาก็จะไม่พบเห็นร่องรอยใด ที่สำคัญคือ ต้องละเอียดรอบคอบมากพอ"
เมื่อลิโป้เล่าประสบการณ์ของตัวเอง เหล่านายทหารก็ตั้งใจฟังด้วยความตื่นเต้น ทั้งหมดล้วนตั้งใจฟังคล้ายกลัวจะตกหล่นคำพูดใดไป ดังนั้นทั่วทั้งห้องจึงเหลือเพียงเสียงบอกเล่าประสบการณ์ของลิโป้......
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved