ตอนที่ 200 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"แม่ทัพเตียวมีตำแหน่งเป็นจงหลางเจียง ขณะที่ข้าเป็นตัวแทนของใต้เท้าเจ้าเมืองกิจิ๋ว" เตียนห้องเพียงปรายตามองเหล่าแม่ทัพที่เอาแต่ร้องตะโกนอยู่รอบข้างเงียบๆก่อนจะกล่าวขึ้น

เตียวเอี๋ยนกล่าวด้วยความขุ่นเคือง "เตียนห้อง พวกเราเตรียมน้ำต้มเดือดไว้คอยเจ้าแล้ว ในเมื่อเจ้าไม่รู้มารยาท ก็อย่าได้ตำหนิว่าแม่ทัพผู้นี้เหี้ยมโหดก็แล้วกัน เด็กๆ จับตัวเตียนห้องโยนลงไปในน้ำต้มเดือด"

เมื่อเหล่าทหารโดยรอบได้ยินก็พากันกรูเข้าหาเตียนห้องที่อยู่กลางห้องโถง นายกองที่อ้วนเสี้ยวส่งมาพร้อมกับเตียนห้องพลันกลัวจนหน้าถอดสี เขาได้แต่สบถด่าเตียนห้องอยู่ภายในใจ

"ฮึ่ม แม่ทัพเตียวคิดจริงหรือว่ากิจิ๋วไม่มีกำลังพอจะกวาดล้างภูเขาดำ? เดิมเป็นเพราะนายท่านของข้ายึดถือคุณธรรม ไม่อาจตัดใจปล่อยให้ชาวกิจิ๋วต้องเดือดร้อนจากไฟสงคราม กองทัพกิจิ๋วเข้มแข็งเกรียงไกร เป็นที่ล่วงรู้กันทั่วแผ่นดิน อีกทั้งครั้งหนึ่งนายท่านของข้ายังเคยเป็นถึงผู้นำพันธมิตรเจ้าเมือง ท่านคิดจริงหรือว่าภูเขาดำไม่อาจถูกกวาดล้างได้จริงๆ?"

เตียนห้องยังคงมีสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน "ตัวข้าเป็นเพียงที่ปรึกษาคนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต เมื่อแลกกับการที่ไพร่พลในภูเขาดำกว่าสามแสนจะตกตายโดยไร้ที่กลบฝังแล้วก็นับว่าคุ้มค่า"

เตียวเอี๋ยนโบกมือหยุดพวกทหารที่กำลังฉุดลากเทียนห้องไว้ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้น หวังว่าใต้เท้าเตียนจะไม่ถือสา ไม่ทราบว่าที่ใต้เท้าเดินทางมาครั้งนี้เนื่องเพราะมีจุดประสงค์ใด?"

แม้ว่าเตียวเอี๋ยนจะไม่กลัวอ้วนเสี้ยว อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ไม่อยากเปิดศึกกับทัพกิจิ๋วโดยไม่จำเป็น คำพูดของเตียนห้องนั้นฟังดูมีเหตุผล อย่างไรเสียอ้วนเสี้ยวก็เป็นถึงผู้นำพันธมิตรเจ้าเมือง

"ที่ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือกองทัพภูเขาดำ ก่อนหน้านี้แม่ทัพเตียวนำกำลังบุกไปก่อความวุ่นวายในกิจิ๋ว นายท่านของข้าเดือดดาลยิ่ง แทบจะยกทัพมาชำระแค้นทันที หากแต่ข้านั้นได้ยินชื่อเสียงและรู้สึกเลื่อมใสท่านมานาน ดังนั้นจึงต้องการให้พวกเราได้กลายเป็นเพื่อนร่วมงานกัน" เตียนห้องกล่าวจุดประสงค์การมาโดยตรง

เตียวไป๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันกล่าวอย่างเย็นชา "แทบจะยกทัพมาอะไรกัน? ทำไมกองทัพภูเขาดำของพวกเราต้องกลัวการทำศึกด้วย?"

ได้ยินเช่นนั้น เหล่าแม่ทัพก็ส่งเสียงสนับสนุน บางคนกระทั่งชักดาบออกมาตระเตรียมจะลงจากเพื่อทำศึกกับกองทัพกิจิ๋ว

หลังจากส่งสัญญาณให้ทั้งหมดเงียบลงแล้ว เตียวเอี๋ยนก็กล่าวขึ้นว่า "ในเมื่อใต้เท้าอ้วนต้องการจะรวมทัพเข้าเป็นหนึ่ง เขาก็ต้องแสดงความจริงใจออกมา กองทัพภูเขาดำขาดแคลนเสื้อผ้านุ่งห่มและเสบียงอาหาร ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ กิจิ๋วมั่งมีทรัพย์สินเงินทองและธัญญาหาร ไม่ทราบพอจะช่วยสงเคราะห์พวกเราสักเล็กน้อยได้หรือไม่?"

เตียนห้องกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ท่านแม่ทัพเป็นจงหลางเจียงที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้พระองค์ก่อน ถือเป็นขุนนางระดับสูงของราชสำนัก แต่น่าละอายที่ปล่อยให้ผู้ใต้บัญชาออกไปปล้นชิงชาวกิจิ๋ว มาตอนนี้ยังร้องขอเสบียงอีก ท่านคิดจริงหรือว่าจะสามารถหลอกลวงชาวกิจิ๋วได้?"

ในฐานะทูตตัวแทนของกิจิ๋ว เตียนห้องแน่นอนว่าไม่ต้องการให้กองทัพภูเขาดำได้ฉกฉวยผลประโยชน์ อีกทั้งเตียวเอี๋ยนยังมีทีท่าว่าไม่ต้องการจะเป็นศัตรูกับอ้วนเสี้ยวไปอีกสักพัก หากสองฝ่ายต้องการเจรจาหย่าศึก แน่นอน หากว่าพวกเขาต้องการผลประโยชน์ส่วนหนึ่งจากอ้วนเสี้ยว กองทัพภูเขาดำจะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้

ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการสงบศึก เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ต้องการจะเสียหน้า กองทัพภูเขาดำมีชื่อเสียงโด่งดังในกิจิ๋ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายแสดงความอ่อนแอออกมาก่อน ขณะที่เตียนห้องก็ปฏิเสธที่จะต้องเสียเปรียบอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นหากเป็นเช่นนี้พวกเขาก็จะไม่เหลือที่ให้เจรจากันอีก

เตียนห้องคิดไม่ถึงเลยว่าตนจะสามารถมีชีวิตรอดจากพวกโจรป่าเถื่อนของกองทัพภูเขาดำและสามารถกลับมารายงานต่ออ้วนสี้ยวได้

หลังจากกล่าวชมเชยเตียนห้องแล้ว ดวงตาของอ้วนเสี้ยวก็เผยแววครุ่นคิด สิ่งที่กองทัพภูเขาดำต้องการก็คือเสบียงอาหาร เวลานี้อิวจิ๋วกำลังวุ่นวาย นับเป็นโอกาสอันหาได้ยาก ขอเพียงสามารถสงบศึกกับกองทัพภูเขาดำได้ หลังจากเข้ายึดครองอิวจิ๋วไว้แล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของดินแดนใต้ปกครองถึงสองมณฑล ถึงตอนนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงกองทัพภูเขาดำอีกต่อไป

ดวงตาของเขาฮิวที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้างพลันฉายประกายขึ้นวูบ ฟังจากคำพูดของเตียนห้องแล้ว เขาก็มองเห็นโอกาสที่จะสงบศึกกับกองทัพภูเขาดำ เรื่องอิวจิ๋วนั้นสำคัญยิ่ง ตราบใดที่เขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้และออกอุบายจนช่วงชิงอิวจิ๋วมาได้สำเร็จ ตำแหน่งฐานะของเขาก็มีแต่จะสูงขึ้น

หลังจากที่เตียนห้องและคนอื่นๆออกไปแล้ว เขาฮิวก็กระซิบกระซาบถ่ายทอดความคิดจนอ้วเนสี้ยวเผยยิ้มออกมา

..............................

ทางด้านงันเหลียงที่ได้รับคำสั่งให้มาอำนวยความสะดวกนั้น เขาได้นำทหารม้ามาด้วยสามพัน ทหารม้าทั้งสามพันนี้เป็นทหารม้าทั้งหมดที่กิจิ๋วมี

ลิโป้เองก็ได้รับข่าวการเคลื่อนกำลังของงันเหลียงจากหน่วยเฟยอิง ความบาดหมางระหว่างกิจิ๋วและปิ้งโจวนั้นดำเนินมาได้นานแล้ว เขาไม่แน่ใจในเจตนาของงันเหลียง จนใจที่ขบวนของพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นด้วยความเร็วในการเดินทัพของทัพเฟยฉีแล้ว ต่อให้อ้วนเสี้ยวมีเจตนาจะสกัดขัดขวาง พวกเขาก็ได้แต่กินฝุ่นเท่านั้น อ้วนเสีย้วเพียงส่งงันเหลียงนำทหารม้ามาด้วยสามพัน ลิโป้ย่อมไม่หวาดกลัวแต่อย่างใด ตอนนี้เขากำลังจะออกจากพื้นที่ชายแดนของกิจิ๋ว เห็นได้ชัดว่าอ้วนเสี้ยวเองก็ไม่ต้องการจะฉีกหน้าลงมือ

กุยแกเคยวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของอ้วนเสี้ยวเอาไว้ และยังคาดการณ์ไว้ว่าอ้วนเสี้ยวจะต้องส่งงันเหลียงมา

ไม่ใช่เพื่อสกัดขบวนของพวกเขา แต่เพื่อเอ่ยเตือน เวลานี้ อิวจิ๋วกำลังวุ่นวาย อ้วนเสี้ยวมีความคิดจะกรีธาทัพเข้าร่วมวงช่วงชิงอิวจิ๋ว และเมื่อถึงตอนนั้น อ้วนเสี้ยวไม่ต้องการให้เขาส่งกำลังไปช่วยกองซุนจ้าน

งันเหลียงนำทหารม้าสามพันมุ่งหน้าตรงเข้าหาขบวนทัพเฟยฉีด้วยสภาวะแกร่งกร้าวจนธงของทัพกิจิ๋วโบกสะบัดอย่างรุนแรง

ทหารม้าเฟยฉีเปลี่ยนจากอาวุธยาวไปเป็นธนู เพียงรอคำสั่งให้โจมตีเท่านั้น ในฐานะทัพม้าที่เข้มแข็งที่สุดของปิ้งโจว พวกเขาย่อมเคยผ่านการศึกมาแล้วมากมาย แม้แต่แม่ทัพที่เบาปัญญาก็สามารถมองออกว่าทัพนี้แข็งแกร่งเพียงปรายตามอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีกำลังถึงสามพัน หากแต่ทัพเฟยฉีก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้

เมื่อเห็นทัพเฟยฉีขึ้นสายธนูไว้แล้ว งันเหลียงก็ตวาดหยุดทัพ ทหารม้าทางด้านหลังพากันรั้งสายบังเหียนหยุดม้าไว้ งันเหลียงพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นจึงปรายตาให้รองแม่ทัพ

รองแม่ทัพนั้นเข้าใจเจตนา เขากระตุ้นม้าเดินออกไปเพียงลำพังก่อนจะตะโกนว่า "ข้างหน้าเป็นทหารทัพใด? ไฉนจึงล่วงล้ำเข้ามาในเขตกิจิ๋วของเรา?"

หลี่เยี่ยนกระตุ้นม้าออกไปก่อนจะตะโกนตอบว่า "พวกเรามาจากทัพปิ้งโจว เพิ่งเดินทางกลับมาจากชีจิ๋ว ดังนั้นจึงต้องผ่านเขตแดนของกิจิ๋ว"

"ฮึ่ม ในเมื่อเป็นทหารกองทัพปิ้งโจว บัดนี้ท่านแม่ทัพงันอยู่ที่นี่แล้ว ยังไม่รีบออกมาคำนับอีก?"

"แม่ทัพงันคือใครกัน? แม่ทัพผู้นี้ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน? เจ้าคนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม กล้ากล่าววาจาคลุ้มคลั่งๆงั้นหรือ?" หลี่เยี่ยนตะโกนถามอย่างเย็นชา

"เจ้า!" รองแม่ทัพนั้นหน้าแดงด้วยความโกรธ แต่ก่อนหน้านี้งันเหลียงได้กำชับเขาเอาไว้แล้วว่าไม่มีเจตนาจะเปิดศึกกับทัพปิ้งโจว "ท่านแม่ทัพงันเหลียงเป็นแม่ทัพแห่งกิจิ๋ว ใช่ผู้ที่คนไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างเจ้าจะหมิ่นเกียรติได้หรือ!"

เมื่อเห็นท่าทางที่หงุดหงิดของรองแม่ทัพ งันเหลียงก็กระตุ้นม้าขึ้นหน้า เขาปรายตามองรองแม่ทัพคราหนึ่งก่อนจะหันไปกล่าวกับหลี่เยี่ยนว่า "แม่ทัพผู้นี้ได้ยินมาว่าจิ้นโหวแห่งปิ้งโจวมีฝีมือยุทธ์ล้ำเลิศ จึงรู้สึกเลื่อมใสมานาน บัดนี้เมื่อจิ้นโหวมีผ่านมาทางกิจิ๋ว แม่ทัพผู้นี้จึงออมาต้อนรับ ไม่ทราบว่าจิ้นโหวอยู่ภายในทัพหรือไม่?"

ลิโป้ฟังการวิเคราะห์ของกุยแกจบ เขาก็ถือทวนกรีดนภากระตุ้นม้าออกไป สายตาจับจ้องไปที่งันเหลียง งันเหลียงผู้นี้มีส่วนสูงราวแปดฉื่อ แผ่นหลังกว้างดั่งเสือ เอวหนาดั่งหมี ใบหน้าหยาบกร้าน ในมือถือง้าวด้วยท่วงท่าองอาจ

งันเหลียงเองก็สำรวจมองลิโป้เช่นกัน ลิโป้สูงราวเก้าฉื่อ มีใบหน้าที่หล่อเหลา ลิโป้ที่นั่งอยู่บนหลังย่ำอัคคีมีส่วนสูงซึ่งสร้างความกดดันแก่ผู้คน มองดูทวนพู่แดงในมือของเขา งันเหลียงก็มั่นใจศักดิ์ฐานะของอีกฝ่าย

ไม่ว่ากิจิ๋วจะมีความบาดหมางกับปิ้งโจวเพียงใด กระนั้นงันเหลียงก็ยังรู้สึกนับถือเลื่อมใสต่อลิโป้ ในฐานะแม่ทัพบู๊ผู้หนึ่งแล้ว นับว่ายากยิ่งที่จะสามารถไต่เต้าขึ้นไปนั่งในตำแหน่งเจ้าผู้ครองเมืองได้ อีกทั้งลิโป้ยังหนุ่มแน่น สามารถนำทัพออกรบจนชนะชนเผ่าเซียนเป่ยที่นอกด่าน เพิ่มพูนศักดิ์ศรีให้ชนชาติฮั่น เขานับเป็นแบบอย่างของแม่ทัพบู๊หลายๆคน "จิ้นโหว ขออภัยที่ข้ามิอาจลงม้าไปคารวะ!"

"แม่ทัพงันเหลียงมีชื่อเสียงโด่งดังในกิจิ๋ว ข้ารู้สึกขอบคุณที่ท่านเดินทางมาต้อนรับด้วยตนเอง" ลิโป้คารวะตอบ

เมื่อเห็นว่าลิโป้ไม่ได้ไร้เหตุผลเหมือนดั่งคำร่ำลือ งันเหลียงก็แจ้งว่าอ้วนเสี้ยวได้ส่งเขามาอำนวยความสะดวกให้ ทั้งในเรื่องของเสบียงอาหารและหญ้าฟางของม้า