ตอนที่ 264 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

เมื่อได้รับสัญญาณ ทหารหลายร้อยคนก็เริ่มออกวิ่ง ด้วยระดับความแข็งแกร่งที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นกุญแจสำคัญก็คือการเป็นผู้นำ ผู้ที่อยู่กลุ่มด้านหน้าย่อมมีความได้เปรียบกว่า โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน ผู้ชนะมักจะเป็นผู้ที่มีความอดทนมากที่สุด

หลังจากผ่านไปสี่สิบห้านาที ร่างของจ้าวอู่ก้ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน จ้าวอู่บัดนี้กำลังวิ่งอยู่ด้านหน้าสุด โดยทิ้งห่างทหารคนอื่นๆไปไกล ต่อให้ตอนนี้เขาเดินเข้าเส้นชัย อันดับของเขาก็จะไม่เปลี่ยนแต่อย่างใด

เมื่อจ้าวอู่ผ่านเข้าเส้นชัย เขาก็ได้รับการบันทึกข้อมูลเอาไว้ว่าเป็นผู้ชนะเลิศการแข่งวิ่งแบกน้ำหนัก

จ้าวอู่พยายามจะรักษาภาพลักษณ์ให้ดีที่สุด ในฐานะนายกองแล้ว เขาย่อมเข้าใจดีว่าหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก หากต้องการจะหายใจให้ราบลื่นก็จะต้องผ่อนลมหายใจยาว มีเพียงวิธีนี้ เมื่อถืออาวุธอยู่ในสนามรบ อาวุธจึงจะไม่สั่น ทำให้ไม่พลาดในการสังหารศัตรู

ลิโป้ที่อยู่บนแท่นตรวจแถวทหารมองดูจ้าวอู่ที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก หลังจากได้เห็นศัยภาพของจ้าวอู่ ทหารเช่นนี้นับเป็นต้นกล้าชั้นดีทีเดียว ขอเพียงนำไปปลุกปั้นอีกสักหน่อย เขาจะสามารถพัฒนาขึ้นเป็นระดับแม่ทัพได้อย่างแน่นอน

"ไปพาทหารนายนั้นมา" ลิโป้ชี้ไปยังจ้าวอู่

"ขอรับ" หลี่เยี่ยนกุมหมัดรับคำ เมื่อพิจารณามองดูรูปร่างลักษณะของจ้าวอู่ หลี่เยี่ยนก็ชื่นชมในใจ สามารถได้รับการเรียกชื่อจากลิโป้ได้ อนาคตของทหารนายนี้จะต้องสดใสอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นหลี่เยี่ยนเดินเข้ามา จ้าวอู่ก็รีบยืดอกตัวตรงทันที ท่านี้ก็คือรองแม่ทัพแห่งทัพม้าเฟยฉี ทั้งยังเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงรองลงมาจากลิโป้ในทัพเฟยฉี จ้าวอู่พยายามตรากตรำอย่างหนักโดยยึดเอาหลี่เยี่ยนเป็นต้นแบบ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ หลี่เยี่ยนยังเป็นเพียงไพร่พลทหารธรรมดา หากแต่บัดนี้เขาได้กลายเป็นรองแม่ทัพทัพเฟยฉีแล้ว

"นายกองจ้าวอู่คารวะท่านแม่ทัพ!" จ้าวอู่กุมหมัดคารวะอย่างนอบน้อม

หลี่เยี่ยนพยักหน้าแล้วจึงกล่าวว่า "จ้าวอู่ ท่านแม่ทัพต้องการพบเจ้า"

ได้ยินคำพูดของหลี่เยี่ยน จ้าวอู่ก็หันไปมองร่างสูงโปร่งบนแท่นตรวจแถวทหาร ดวงตาเต็มไปด้วยความเร่าร้อน

"จ้าวอู่ นายกองแห่งกองทัพปิ้งโจว น้อมคำนับท่านแม่ทัพ!" จ้าวอู่กุมหมัดกล่าวด้วยความตื่นเต้น เหล่าแม่ทัพในกองทัพปิ้งโจวต่างก็คุ้นชินกับการเรียกลิโป้ว่าท่านแม่ทัพมากกว่าจิ้นโหว นี่ไม่ใช่เป็นการหมิ่นเกียรติของลิโป้ แต่เป็นเพราะเคารพในความสามารถของลิโป้ และลิโป้เองก็ไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด

ลิโป้พยักหน้าเบาๆ "อืม ข้าได้ดูการแข่งขันเมื่อครู่นี้แล้ว เจ้าแสดงฝีมือได้ดีทีเดียว"

"ขอบคุณท่านแม่ทัพที่เอ่ยชมขอรับ!" บนใบหน้าของจ้าวอู่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง การได้รับคำชมจากลิโป้ทำให้เขามีความสุขมาก กล่าวได้ว่าชีวิตของเขาได้รับการช่วยเหลือจากลิโป้ก็ว่าได้ หากว่าไม่มีกองทัพปิ้งโจว เกรงว่ายังไม่ทันจะติดตามกองทัพของตั๋งโต๊ะไปถึงฉางอัน เขาก็ตกตายไปในระหว่างทางแล้ว

มีทหารอีกหลายคนที่มีความคิดเช่นเดียวกับจ้าวอู่ พวกเขายังพยายามหนักยิ่งกว่าทหารที่เข้าร่วมกับกองทัพในภายหลังเสียอีก พวกเขาต่างต้องการมีบทบาทในกองทัพปิ้งโจวมากขึ้นเพื่อที่จะได้ตอบพระคุณช่วยชีวิตจากลิโป้ได้มากขึ้น

"ชูจื้อ ท่านว่านายกองผู้นี้เป็นอย่างไร?" ลิโป้หันไปถามตันเตาที่ยืนอยู่ด้านข้าง

ตันเตารีบกุมหมัดกล่าวว่า "นายท่าน นายกองผู้นี้ยอดเยี่ยมยิ่ง อีกไม่นานข้าน้อยจะต้องไปประจำการที่เมืองซ่างกู่ ดังนั้นข้าน้อยจึงใคร่ขอตัวนายกองผู้นี้จากใต้เท้า เมื่อจ้าวอู่ผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นพอดี จะต้องเป็นโชคชะตาอย่างแน่นอนขอรับ"

ลิโป้เหลือบมองตันเตาที่ดูจะหน้าหนาขึ้นกว่าเดิม นายกองอย่างจ้าวอู่นี้นับว่าหาได้ยากในกองทัพ นายกองระดับนี้ไม่อาจฝึกฝนขึ้นด้วยวิธีการทั่วไป กระนั้นตันเตากลับเก่งในด้านการฝึกทหารพอดิบพอดี ก่อนที่จะไปซ่างกู่ ตจันเตาก็มาที่จิ้นหยางเพื่อรายงาน ทั้งยังคิดจะลักพาตัวต้นกล้าชั้นดีไปด้วย

"หวังว่านายท่านจะเห็นชอบ" ตันเตารีบกล่าวขึ้นอีกครั้ง

"ตกลง ชูจื้อเดินทางไปประจำการที่ซ่างกู่ครั้งนี้นับว่ายากลำบากจริงๆ เช่นนั้นนับแต่นี้นายกองจ้าวก็ติดตามแม่ทัพตันก็แล้วกัน"

"ขอบคุณท่านแม่ทัพ!" จ้าวอู่กุมหมัดกล่าว

ทันทีที่พวกเขาก้าวลงจากแท่นตรวจแถวทหาร เหล่าทหารที่สนิทกับจ้าวอู่ต่างก็พากันเข้ามาร่วมแสดงความยินดี พวกเขาต่างทราบดีว่าหลังการแข่งขันครั้งนี้แล้ว ช่องว่างระหว่างจ้าวอู่และพวกเขาก็จะยิ่งถ่างกว้างขึ้น อันดับหนึ่งของการแข่งขันวิ่งแบกน้ำหนักระยะทางยี่สิบกิโลเมตรนับว่าเป็นผู้มีความสามารถมากจริงๆ

"นึกไม่ถึงว่าเด็กน้อยเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้ เมื่อครู่ เหล่าเตียนกำลังคิดจะร้องขอคนผู้นี้อยู่พอดี แต่เจ้ากลับชิงตัดหน้าไปเสียก่อน เมื่อมาถึงจิ้นหยาง เจ้าก็คิดจะลักพามือดีของเราไปกับเจ้า คนที่เหล่าเตียนหมายตา ยังไม่มีผู้ใดกล้าแย่งชิงด้วยมาก่อน" เตียนอุยฉีกยิ้มพลางตบบ่าตันเตาหลายครั้ง

ตันเตายิ้มบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด "เตียนถ่งหลิ่ง(ผู้บัญชาการ) ข้าน้อยเพียงแค่ลองเสี่ยงโชคดูเท่านั้นขอรับ หากวันนี้ท่านไม่ติดธุระใด ข้าน้อยขอเชิญไปดื่มสุราที่ร้านเหลาอาหารภายในเมืองขอรับ" เขาและเตียนอุยต่างก็สนิทกันตั้งแต่ครั้งที่ดื่มสุราในฉางอันด้วยกันแล้ว ดังนั้นจึงพูดคุยกันง่ายขึ้น

"ฮึ่ม เด็กน้อยเจ้าไม่มีเหตุผลที่จะไม่เลี้ยงข้า ข้าจะดื่มจนกว่าเจ้าจะจ่ายไม่ไหวเลยคอยดู" เตียนอุยหัวเราะ

ตันเตาหน้าแดง คำพูดของเตียนอุยทำให้เขานึกถึงสภาพอันน่าอดสูของตัวเองตอนที่อยู่ในเมืองฉางอัน เพื่อที่จะเก็บรักษาเงินไว้ เขาเกือบจะได้ต่อยตีกับผู้คน แต่เหตุการณ์นั้นก็ทำให้เขามีโอกาสได้มายังปิ้งโจว ได้กลายเป็นแม่ทัพของกองทัพปิ้งโจว บัดนี้คนในครอบครัวของเขาต่างก็ย้ายมาอยู่ที่จิ้นหยางแล้ว ทำให้เขารู้สึกโล่งใจอย่างมาก

"เรื่องแบบนี้จะขาดแม่ทัพผู้นี้ไปได้อย่างไร?" กวนอวี่ที่เพิ่งเดินขึ้นมาบนแท่นตรวจแถวทหารทันพอได้ยินคำสนทนาของทั้งสองพอดี

"เช่นนั้นไปด้วยกันทั้งหมดก็ได้" ตันเตาพึมพำ

เตียนอุยตบศีรษะกวนอวี่ไปหนึ่งที "มีตำแหน่งเป็นแค่เสี้ยวเว่ย(ผู้บัญชาการ)ตัวเล็กๆ แต่กล้าเรียกตัวเองเป็น 'แม่ทัพผู้นี้' ต่อหน้าแม่ทัพถึงสองคนเชียวรึ?"

กวนอวี่ยิ้มเขินๆ "ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเราแล้ว ท่านจะยึดถือเป็นจริงเป็นจังไปทำไมเล่าขอรับ? อีกอย่างเสี้ยวเว่ยตัวเล็กๆผู้นี้นับวันก็ยิ่งมีตำแหน่งสูงขึ้นๆนะขอรับ"

เตียนอุยพยักหน้าแล้วจึงกล่าวว่า "รอจนเจ้าทดสอบจนได้อันดับดีๆก่อน ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้ที่เคยได้ดื่มสุราร่วมกับนายท่าน อย่าทำให้นายท่านต้องเสียหน้า"

กวนอวี่กุมหมัดรับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ข้าน้อยทราบแล้ว!"

การแข่งขันที่น่าจับตามองที่สุดในการแข่งขันครั้งใหญ่ในคราวนี้ก็คือการแข่งขันระหว่างแม่ทัพ ในขณะเดียวกันก็นับเป็นการประเมินแม่ทัพไปด้วยในตัว ผู้ที่จะเข้าร่วมได้ย่อมมีฐานะไม่ต่ำทราม แม้แต่ระดับต่ำสุดก็ยังเป็นถึงซือหม่า(นายกองพัน) และเสี้ยวเว่ย(ผู้บัญชาการ) การแข่งขันในครั้งนี้ยังเป็นพื้นฐานในการเลื่อนตำแหน่งในภายภาคหน้าอีกด้วย เทียบกับเหล่าพลทหารแล้ว พวกแม่ทัพยังให้ความสำคัญกับตำแหน่งทางราชการมากยิ่งกว่า โดยเฉพาะซือหม่าและเสี้ยวเว่ย พวกเขายิ่งต้องการเลื่อนขั้นยิ่งกว่าผู้ใด นอกจากในสนามรบแล้วก็มีเพียงการสร้างผลงานในการแข่งขันเท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้เลื่อนขั้นขึ้นไป

แน่นอนในการแข่งขันระดับแม่ทัพเองก็เป็นที่สนใจของเหล่าพลทหารอย่างมาก มีทหารคนใดบ้างที่จะไม่ต้องการให้แม่ทัพของตนเป็นผู้แข็งแกร่ง และเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะสามารถอวดโอ่ต่อหน้าสหายร่วมทัพสามารถเดินเชิดหน้าชูตาด้วยบารมีแม่ทัพของตน

ลิโป้สั่งให้คนนำชุดเกราะของตนไปเก็บและสวมชุดลำลองดุจเดียวกับแม่ทัพคนอื่นๆ จากนั้นจึงเดินไปยังสถานที่แข่งขัน การเข้าร่วมการแข่งขันของลิโป้ทำให้เหล่าทหารที่ชมดูอยู่ต่างเลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมา และการปรากฏตัวของแม่ทัพมีชื่อทั้งหลายก็ยิ่งทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ในสายตาของทหารของปิ้งโจวแล้ว ลิโป้ก็คือผู้ที่ไร้เทียมทาน บารมีของลิโป้ได้หยั่งรากลึกอยุ่ในใจของชาวปิ้งโจวทุกคน หากเอ่ยถามทหารปิ้งโจวว่าพวกเขานับถือเลื่อมใสผู้ใดที่สุด คำตอบที่ได้จะต้องเป็นลิโป้อย่างแน่นอน

"หากว่ามีผู้ใดเอาชนะแม่ทัพผู้นี้ได้ ข้าจะเลื่อนยศให้สองขั้น!" เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าผู้เช้าร่วมการแข่งเกิดความกริ่งเกรงจนออมมือต่อหน้า ลิโป้จึงได้กล่าวถึงรางวัลที่เหล่าผู้เข้าร่วมไม่อาจปฏิเสธ