ตอนที่ 189 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"นายท่าน พวกเราควรหยุดพักที่ตองไฮสักหลายวัน เหล่าทหารเดินทางไกล ย่อมเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า อีกทั้งพวกเรายังสามารถแวะเติมเสบียงจากในเมือง" กุยแกเสนอแนะ

ลิโป้พยักหน้า "เหอคัง ไปสืบข่าวความเคลื่อนไหวของกองทัพหลงเสียเพิ่มเติม ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับจงป้าจะต้องถูกส่งมาให้ข้าในสามวัน"

"ขอรับ!" เหอคังรับคำ จากนั้นเขาก็ค่อยๆหายไปจากสายตาของคนทั้งหมด

"ถ่ายทอดคำสั่งลงไป พวกเราจะเปลี่ยนเส้นทางไปทางอำเภอถันเพื่อหยุดพักกันที่นั่น" ลิโป้ได้รับหนังสืออำนวยความสะดวกมาจากเตียวหุย โดยมีเนื้อความให้อำเภอและเมืองในระหว่างทางรับผิดชอบการเติมเสบียงให้ขบวนของลิโป้

อำเภอถันและตองไฮค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เพียงแต่อยู่ใกล้กับทะเล ดังนั้นอากาศจึงค่อนข้างชื้น

อวี๋ตานเป็นนายอำเภอของเมืองตองไฮ เมื่อได้ข่าวว่ากองทัพปิ้งโจวจะหยุดแวะพักที่นี่ เขาก็รีบออกจากเมืองมารอต้อนรับ กองทัพปิ้งโจวเดินทางรอนรอมมาไกล ทั้งยังมีชื่อเสียงที่ดีในชีจิ๋ว อวี๋ตานกระทั่งจัดงานเลี้ยงต้อนรับลิโป้และคนอื่นๆ คำพูดและท่าทางของเขาค่อนข้างสุภาพ แม้เขาจะเคยได้ยินมาว่าเจ้าเมืองปิ้งโจวและเจ้าเมืองชีจิ๋วมีข้อขัดแย้งกันก็ตาม แต่เขาก็ไม่ค่อยพอใจที่จู่ๆเล่าปี่ก็มาเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เล่าปี่ก็เป็นนายอำเภอเพงงวนก๋วน ในแง่ของชื่อเสียงบารมีแล้ว ยังด้อยกว่าเจ้าเมืองปิ้งโจวผู้โด่งดังมากโข

ในระหว่างงานเลี้ยง ลิโป้ก็ได้สอบถามถึงสถานการณ์ของพื้นที่หลงเสียจากอวี๋ตาน ตอนที่เขามายังชีจิ๋ว เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับตั้งตัวเป็นอิสระของหลงเสียแต่อย่างใด แต่เขาก็พอจะมีข้อมูลของจงป้าอยู่บ้าง คนผู้นี้เองก็เป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงอยู่ในประวัติศาสตร์ ผู้ใดก็ตามที่สามารถฝากชื่อไว้ในปะรวัติศาสตร์ได้ ย่อมต้องมีความไม่ธรรมดา ลองนึกดูว่าห้าพันปีมานี้ ประเทศจีนมีผู้มีความรู้ความสามารถมากมายเพียงใด แต่มีคนจำนวนเท่าใดที่สามารถฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์?

ความกระตือรือร้นที่อวี๋ตานแสดงออกมาทำให้ลิโป้ลอบจดจำไว้ในใจ ที่มายังชีจิ๋วไม่ได้มาเพียงเพื่อจะหยุดศึกในชีจิ๋ว แต่ยังเพื่อสืบดูสถานการณ์ความเป็นไปของแผ่นดิน เป็นไปไม่ได้ที่ปิ้งโจวจะย่ำอยู่กับที่ ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องทำการขยับขยายดินแดน คงจะดีหากมีคนคอยช่วยเหลืออยู่ที่ด้านนอก

สำหรับลิโป้ อวี๋ตานให้ความเคารพยกย่องมานานแล้ว เมื่อเห็นว่าลิโป้ไม่ใช่คนหยาบกระด้างอย่างที่ร่ำลือกัน อวี๋ตานก็เริ่มประจบเอาใจลิโป้

การที่ลิโป้และคนอื่นๆจู่ๆก็หยุดพักที่ตองไฮทำให้จงป้าเกิดลางสังหรณ์อันเลวร้ายขึ้นมา เป็นไปได้หรือไม่ว่าลิโป้สังเกตพบความเคลื่อนไหวของเขาแล้ว? หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก้คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ตองไฮอยู่ห่างจากหลงเสียไกลมาก ต่อให้หน่วยสอดแนมของกองทัพปิ้งโจวจะตรวจสอบเป็นวงกว้าง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทราบข่าวการเคลื่อนไหวของกองทัพหลงเสีย

"จงตูเว่ย(ผู้บัญชาการทหาร) พวกเรามีคนตั้งมากมาย ขณะที่พวกมันมีเพียงทหารม้าจำนวนหนึ่งพัน พวกเรามีกำลังมากกว่าถึงยี่สิบเท่า ข้าไม่เชื่อว่าทหารของพวกมันจะมีสามหัวหกกร!" งอตุ้นกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าใด

"ฮึ่ม เจ้าควรใช้หัวคิดมากกว่านี้ อีกฝ่ายเป็นทหารม้า ขณะที่พวกเราส่วนใหญ่เป็นทหารราบ พวกมันคงจะรอให้เจ้าไปฆ่าหรอก ต่อให้มีกำลังมากกว่ายี่สิบเท่า แต่เจ้าไล่ตามพวกมันทันหรือ?" เซียงหูด่าทอจนน้ำลายกระเซ็น

เซียงหูมีวิชาฝีมือ ในกองทัพหลงเสียนั้นเขาแข็งแกร่งเป็นรองแค่เพียงจงป้าเท่านั้น

"เป้าหมายของพวกเราคือทรัพย์สินของตระกูลบิ ไม่ใช่ว่าจะไปทำศึกกับทหารม้าปิ้งโจวเสียหน่อย จะดีที่สุดหากเจ้าลิโป้นั่นรู้จักระมาณตนและยอมส่งมอบของออกมาแต่โดยดี นั่นจะช่วยประหยัดเวลาของพวกเราลงมาก" จงป้ากล่าว

เมื่อเซียงหูและคนอื่นๆได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็พยักหน้ารับ ในสายตาของขุนนางทางการ พวกเขาเป็นเพียงทัพโจร และสำหรับพวกเขา มีเพียงเงินตราทเท่านั้นที่จีรัง สำหรับการต่อสู้กับกองทัพปิ้งโจวนั้น ผู้ที่จะได้ประโยชน์ก็มีเพียงจวนเจ้าเมืองชีจิ๋ว ตอนนี้เล่าปี่ได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ ไม่ว่าผู้ใดก้ไม่อาจทราบได้ว่าเล่าปี่จะเป็นเหมือนกับโตเกี๋ยมที่แสร้งเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ต่อพื้นที่หลงเสีย

นอกจากนี้ยังมีข่าวจากเมืองเพงเสีย ทำให้จงป้าต้องขบคิดให้รอบคอบ

"ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ! กองทัพปิ้งโจวมีการเคลื่อนไหวแล้ว สายข่าวของเราได้รายงานว่าพวกเขาออกเดินทางแล้ว คิดว่าคงจะมาถึงหลงเสียในเวลาไม่เกินสองวัน" หลังจากนนายกองผู้หนึ่งได้รับข่าว เขาก็รีบวิ่งมารายงาน

"ได้ยินว่าเจ้าเมืองปิ้งโจวลิโป้เป็นขุนศึกผู้กล้าคนหนึ่ง ในอดีต เขาเคยนำทัพออกต่อสู้กับกองทัพตั๋งโต๊ะที่นอกเมืองลั่วหยาง ตั๋งโต๊ะพยายามจะเชิญตัวเขาไปเข้าร่วมครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ลิโป้ก็ปฏิเสธตลอด" เซียงหูกล่าว

"ไม่ว่าเขาจะเก่งกล้าปานใด แต่ดาบในมือของบิดาก็ไม่ใช่เล่นๆเหมือนกัน" จงป้ากล่าวเสียงเย็น

"ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้ไพร่พลทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม รอเมื่อกองทัพปิ้งโจวมาถึง หน่วยสอดแนมของพวกมันจะเพิ่มระยะตรวจสอบขึ้นแน่นอน ดังนั้นพวกเราต้องระวัง" จงป้าสั่งการ

.................................

ในขณะเดียวกัน ทางด้านโจโฉที่มีเพลิงแค้นสุมแน่นอกเดินทางกลับมาถึงตงอา เรื่องแรกที่กระทำคือการรวบรวมไพร่พลและเคลื่อนทัพเข้าประชิดเมืองตองกุ๋น ขณะที่ใกล้จะพิชิตเมืองชีจิ๋วได้สำเร็จ มิคาด ที่หลังบ้านของเขากลับเกิดเพลิงไหม้ขึ้น คนในกลับสมคบคิดกับคนนอก หากไม่ใช่เพราะเมืองทั้งสามอันได้แก่ เอียงเสีย ฟ่านเชี่ยน และตงอายังคงภักดีต่อเขา ไพร่พลจำนวนหลายหมื่นของเขาก็คงไม่มีบ้านให้กลับแล้ว

สำหรับการยึดครองชีจิ๋วนั้น โจโฉยังคงไม่ละทิ้งความคิด อย่างไรก็ตาม หลังจากกองทัพโจโฉทำการเข่นห๋าพลเรือนตามรายทาง ก็กล่าวได้ว่าชาวชีจิ๋วนั้นแค้นโจโฉเข้ากระดูกดำ ต่อให้ยึดครองอำเภอต่างๆของชีจิ๋วได้ แต่ก็ต้องระวังเอาไว้ มิเช่นนั้นจะได้ไม่คุ้มเสีย

อย่างไรก็ตาม ทั้งสามเมืองที่เหลืออยู่นั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการแย่งชิงกุนจิ๋วกลับมาจากเล่าเปียว

เหล่าที่ปรึกษาของโจโฉต่างเกิดความลังเลขึ้นชั่วขณะ ในเวลานี้ เล่าเปียวนับว่าเป็นผู้ที่มีสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์มากที่สุด หากว่าเล่าเปียวเป็นเพียงเจ้าเมืองเกงจิ๋ว นั่นก็คงไม่มีอะไร แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เขาเป็นคนแซ่เล่า หลังจากที่เล่าเปียวขึ้นครองราชย์แล้ว เขาจะต้องมาคิดบัญชีกับพวกตนแน่นอน ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาจะมีสถานะเป็นกบฏ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อยากจะแบกรับความอัปยศนี้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของกุนจิ๋วนั้นคับขันสุดขีด และพวกเขาก็ทราบว่าคงไม่มีทางหยุดโจโฉได้

เล่าเปียวรับตำแหน่งขุนนางมาหลายปี เขามีฐานที่มั่นอันมั่นคงอย่างซงหยง ซึ่งเป็นหน้าด่านสำคัญของเกงจิ๋ว ดังนั้นย่อมมีการป้องกันแน่นหนาไม่ธรรมดา

เวลานี้ เขาเกือบจะยึดครองได้ทั้งกุนจิ๋วแล้ว บุนเพ่งเองก็พลอยตื่นเต้นยินดีไปด้วย เล่าเปียวมีโอกาสสูงมากที่จะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ หากว่าเขาต้านทานโจโฉได้สำเร็จ เขาก็จะเป็นขุนนางคุณูปการของเล่าเปียว

แม้ว่ากองทัพโจโฉจะมีกำลังมาก กระนั้นบุนเพ่งก็หาเกรงกลัวไม่ ตราบใดที่เขาป้องกันเมืองซันหยงอย่างมั่นคง โจโฉก็ยากที่จะเข้าสู่แนวหลังของกุนจิ๋ว กองทัพเกงจิ๋วซึ่งได้รับหญ้าเสบียงมาจากกุนจิ๋วย่อมไม่ต้องกังวลว่าจะขาดแคลนเสบียง กลับกัน เป็นกองทัพของโจโฉที่ไร้บ้านต่างหากที่ต้องกังวลเรื่องนี้ เมื่อกองทัพไร้ซึ่งเสบียง ความพยายามที่จะตีชิงกุนจิ๋วกลับไปก็เป็นได้เพียงความฝันเลื่อนลอยเท่านั้น

โจโฉเองก็ทราบถึงความคับขันของสถานการณ์ กองทัพของเขาเหลือเสบียงพอใช้สำหรับหนึ่งเดือนเท่านั้น หล่าวก็คือ หลังพ้นหนึ่งเดือนนี้ไป กองทัพของเขาก็จะขาดแคลนเสบียง ต่อให้มีเมืองเอียงเสีย ฟ่านเชี่ยน และตงอา แต่นั่นก็คงจะมีเสบียงไม่พอเลี้ยงทหารกล้าจำนวนหกหมื่นของเขา เมืองตองกุ๋นเป็นสถานที่ที่โจโฉฝากอนาคตไว้ เขากลับนึกไม่ถึงเลยว่าตันก๋ง เค้ากี๋ อ๋องก้าย และคนอื่นๆจะทรยศเขา สิ่งที่ทำให้เขายากจะยอมรับได้ที่สุดก็คือการทรยศของเตียวเมา ตอนที่เขาเคลื่อนทัพ เขายังกำชับต่อครอบครัวของเขาว่าหากกุนจิ๋วเกิดปัญหาขึ้นมา จงไปขอความช่วยเหลือจากเตียวเมา แต่เพียงพริบตาเดียว เตียวเมาก็ขายกุนจิ๋วเสียแล้ว โจโฉบังเกิดความกังวลต่อความปลอดภัยของครอบครัวของเขาจนเกิดล้มป่วยลง ทำให้เหล่าแม่ทัพที่ปรึกษาภายในกระโจมพากันตื่นตระหนก

เมืองซันหยงอยู่ที่เบื้องหน้านี้แล้ว ธงเกงจิ๋วที่ปักเรียงรายอยู่เหนือกำแพงเมืองทำให้โจโฉหน้าซีดเผือด เขาแค้นใจอย่างที่สุด

"ตั้งค่าย จงดื่มกินให้เต็มที่ พรุ่งนี้พวกเราจะบุกตีเมือง!" โจโฉออกคำสั่งด้วยสีหน้าดำทะมึน