ตอนที่ 233 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"นายท่าน ข้าได้ยินว่าแม่ทัพของทัพอิวจิ๋วเตียวหยุนเรียกหาลิโป้เป็นพี่ใหญ่ขอรับ" งันเหลียงพลันนึกขึ้นได้

"พี่ใหญ่?" ดวงตาของอ้วนเสี้ยวปรากฏประกายขึ้นวูบ "เตียวหยุนคงสาบานเป็นพี่น้องกับลิโป้ เมื่อลิโป้ทราบว่าเมืองจี้อยู่ในคราวคับขัน ดังนั้นเขาจึงนำทหารม้ามาช่วยเหลือ" เมื่อเข้าใจถึงสาเหตุ อ้วนเสี้ยวก็พลันโล่งใจ

"สงครามในอิวจิ๋วไม่อาจยืดเยื้อต่อไป มิเช่นนั้นกิจิ๋วจะไม่มั่นคงขอรับ" ฮองกี๋กล่าวออกมากระซิบบอก

อ้วนเสี้ยวพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย สถานการณ์ในกิจิ๋วยังไม่ค่อยดี แม้จะมีการทำสัญญาสงบศึกกับกองทัพภูเขาดำแล้ว หากแต่กองทัพภูเขาดำนั้นถึงอย่างไรก็ยังเป็นโจร มีความเป็นไปได้ว่าจะตระบัดสัตย์แลเข้าโจมตีกิจิ๋วได้ทุกเมื่อ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเร่งทำให้อิวจิ๋วมั่นคงโดยเร็ว

ที่เมืองปักเป๋ง ชีวิตของบุนทิวไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าใด กองซุนจ้านปกครองเมืองปักเป๋งมาหลายปี กล่าวได้ว่าหยั่งรากฝังลึก แม้ว่าทัพกิจิ๋วจะฉวยโอกาสยึดครองมาได้ หากแต่สถานการณ์ภายในเมืองก็ยังไม่มั่นคงสักเท่าใด ในมือของเขามีทหารใต้บัญชาเพียงห้าพันเท่านั้น แต่เขายังต้องคอยเฝ้าระวังไม่ให้สมุนเก่าของกองซุนจ้านก่อความไม่สงบ

แม้เขาจะเคยได้ยินมาว่ากองทัพปิ้งโจวมีแสนยานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกรเพียงใด แต่บุนทิวก็ยังไม่เคยประจักษ์กับตา ดังนั้นสิ่งแรกที่เขากังวลก็คือการลุกฮือจากภายในเมือง โดยเฉพาะไพร่พลที่มาจากปักเป๋ง ทหารที่เคยทำหน้าที่รักษาเมือง โดยเฉพาะส่านจิงที่ไม่ยอมจำนน เวลานี้เขายังตั้งมั่นประจัญหน้ากับทัพกิจิ๋วอยู่ที่อำเภอผิงกังของเมืองยีหยง

แม้ว่าอ้วนเสี้ยวจะมีบารมีอย่างสูงในแผ่นดิน แต่ภายในเขตอิทธิพลของกองซุนจ้านอย่างเมืองปักเป๋งนั้นเกลียดชังกองทัพกิจิ๋วจนเข้าไส้ อย่างไรเสียก็มีลูกหลานชาวเมืองปักเป๋งจำนวนไม่น้อยที่ตายด้วยน้ำมือจากกองทัพกิจิ๋ว ดังนั้นแล้วความเป็นศัตรูนี้จะสามารถขจัดไปได้โดยง่ายหรือ?

เมื่อทราบว่าอ้วนเสี้ยวยึดเมืองจี้และกองซุนจ้านตายแล้ว บุนทิวก็โล่งใจขึ้นมาก ภายใต้คำแนะนำของจอสิว ข่าวเรื่องการตายของกองซุนจ้านก็แพร่ไปทั่วทั้งเมืองปักเป๋งอย่างรวดเร็ว

ทัพของส่านจิงที่กำลังเผชิญหน้ากับทัพกิจิ๋วอยู่ เมื่อได้ทราบข่าวนี้ก็เกิดความโกลาหล กองซุนจ้านมีบารมีอยู่ในใจของพวกเขาอย่างไม่อาจมีผู้ใดเทียบ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเขายังคงติดตามส่านจิงเพื่อสู้ต่อแม้จะเสียเมืองปักเป๋งไปแล้ว

ทางหนึ่งเขาก็ปลอบขวัญแม่ทัพนายกองและไพร่พล อีกทางหนึ่งก็ส่งคนไปสืบหาข่าวที่อำเภอจี้ หากว่าเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเขาก็ต้องไตร่ตรองเรื่องราวอย่างรัดกุม

"รายงานท่านแม่ทัพ ใต้เท้าส่งคนมาขอความช่วยเหลือขอรับ"

บุนทิวไม่กล้าเพิกเฉย เขารีบให้ทหารเชิญอีกฝ่ายเข้ามา

บุนทิวเห็นทหารทัพกิจิ๋วนายหนึ่งซึ่งร่างส่ายโงนเงนเดินเข้ามา บนร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต เมื่อเขามองเห็นบุนทิว ทหารคนนั้นก็รีบก้มหน้าลง "ท่านแม่ทัพ บัดนี้เมืองจี้กำลังตกอยู่ในคราวคับขัน ขอท่านแม่ทัพโปรดส่งคนไปช่วยเหลือใต้เท้าที่กำลังตกอยู่ในอันตรายด้วยขอรับ"

บุนทิวรีบคว้าทหารนายนั้นไว้พลางเอ่ยถามด้วยความกังวล "เกิดอะไรขึ้นที่เมืองจี้?"

"เรียนท่านแม่ทัพ ทัพปิ้งโจวและทัพเหยียนโร่วพลันหันไปผนึกกำลังกันโจมตีทัพเรา ทัพเราที่ไม่ทันระวังป้ปองกันจึงบาดเจ็บล้มตายอย่างสาหัส บัดนี้เมืองจี้ถูกลิโป้และเหยียนโร่วโอบล้อมเอาไว้แล้วขอรับ"

"เมืองจี้ถูกล้อม? เหยียนโร่ว? บัดซบ!" บุนทิวสบถด้วยใบหน้าขาวซีด

"ท่านแม่ทัพ ทหารนายนี้ถูกพวกเราพบที่นอกเมืองห่างออกไปราวยี่สิบลี้ ตอนนั้นเขากำลังถูกทัพปิ้งโจวไล่ล่าอยู่ขอรับ" ทหารนายหนึ่งก้าวออกมารายงาน

"รีบสั่งการลงไป ให้ไพร่พลทั้งหมดเตรียมไปที่อำเภอจี้กับข้า!" บุนทิวรีบสั่งการ

"ท่านแม่ทัพ ควรแจ้งต่อใต้เท้าจอก่อนนะขอรับ" รองแม่ทัพกระตุ้นเตือน

บุนทิวพลันหันไปตวาด "เมืองจี้กำลังคับขัน นายท่านถูกพวกกบฏโอบล้อม บอกใต้เท้าจอตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร?"

บุนทิวมีบารมีอยู่ในกองทัพกิจิ๋วอย่างสูง ดังนั้นรองแม่ทัพนั้นจึงไม่กล้าทัดทานอีก

บุนทิวสั่งให้ไพร่พลเตรียมเคลื่อนทัพไปยังอำเภอจี้ แม้ว่าในเมืองยีหยงจะยังมีส่านจิงอยู่ แต่ก็ไม่น่ากังวลสักเท่าใด บัดนี้กองซุนจ้านตายไปแล้ว ไพร่พลทหารที่กระจัดการยของเขาย่อมไม่อาจก่อคลื่นลมใดได้

จอสิวเมื่อทราบเรื่องก็รีบมุ่งหน้าไปที่กระโจมแม่ทัพเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของบุนทิว แม้ว่าจอสิวจะเป็นขุนนางบุ๋น หากแต่ก็มีบารมีในทัพกิจิ๋วอยู่ไม่น้อย ดังนั้นแม้ว่าบุนทิวจะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อจอสิว

"แม่ทัพบุนมีเจตนาใด?" น้ำเสียงของจอสิวแฝงความไม่พอใจอยู่บ้าง ก่อนที่จะส่งทหารออกมา อ้วนเสี้ยวก็ได้มอบหมายหน้าที่สำคัญนี้ให้จอสิวและบุนทิว ซึ่งความจริงนั้น น้อยครั้งที่เขาจะเข้าไปยุ่งกับกิจการในกองทัพ อีกทั้งบุนทิวยังเป็นแม่ทัพที่อ้วนเสี้ยวให้ความสำคัญ ดังนั้นจอสิวจะไม่ต้องการขัดแย้งกับบุนทิว การเคลื่อนทัพเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง หากแต่บุนทิวกลับสั่งเคลื่อนทัพโดยไม่บอกไม่กล่าว ดังนั้นจอสิวจะโมโหมาก

แม้ว่ากองซุนจ้านจะถูกโค่นลงไปแล้ว กระนั้นในอิวจิ๋วก็ยังมีทัพปิ้งโจวจับจ้องอิวจิ๋วอยู่ และกองทัพของเหยียนโร่วเองก็คงไม่พอใจกับเมืองเพียงแค่สามเมือง ภายในอิวจิ๋วจึงยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอยู่มากเกินไป การก้าวเท้าผิดแม้แต่ก้าวเดียวก็อาจจะแก้ไขกลับคืนไม่ได้ สถานการณ์ในยีหยงเองก็ซับซ้อนยิ่ง นี่เป็นสถานที่ที่จัดการได้ยากที่สุดในอิวจิ๋ว แม้แต่ตอนที่เล่าหงียังมีชีวิตอยู่ เขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับยีหยงมาก

ด้วยเหตุนี้ เมื่อส่านจิงรวบรวมไพร่พลถอยร่นไปตั้งมั่นที่เมืองยีหยง จอสิวจึงไม่ได้กังวลสักเท่าใด ขอเพียงอ้วนเสีย้วสามารถทำให้สถานการณ์ในอำเภอจี้มั่นคงได้ ไม่ช้าก็เร็วเมืองยีหยงจะต้องเป็นของอ้วนเสี้ยวแน่นอน

"ใต้เท้าจอ บัดนี้นายท่านถูกทัพปิ้งโจวและทัพเหยียนโร่วปิดล้อมอยู่ที่เมืองจี้ นายท่านได้ส่งทหารมาขอความช่วยเหลือ ที่ข้าสั่งเคลื่อนทัพก็เพราะด้วยเหตุนี้ หวังว่าใต้เท้าจะเข้าใจ" บุนทิวกล่าวขึ้นเบาๆ ดูเหมือนเขาจะทราบดีว่าการเคลื่อนทัพโดยพลการนั้นเป็นเรื่องผิด ดังนั้นบุนทิวจึงหน้าแดงอยู่เล็กน้อย

"แม่ทัพบุนได้เห็นจดหมายสั่งการจากนายท่านหรือ?" จอสิวเอ่ยถาม

"ไม่เห็น"

"ได้เห็นตราคำสั่งของนายท่านหรือไม่?"

"ไม่เห็น"

หลังจากถูกซักถามอยู่หลายคำ บุนทิวก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดปกติ จู่ๆทหารนายนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นับว่าแปลกมาก

"แม่ทัพบุน ตอนนี้ทหารที่มาขอความช่วยเหลืออยู่ที่ใด?" เมื่อเห็นว่าบุนทิวเริ่มเข้าใจเรื่องราว จอสิวก็ไม่ซักถามต่อ

"อยู่ในกองทัพ" บุนทิวรีบนำทางไป

ทันทีที่ได้เห็นทหารที่มาขอความช่วยเหลือ จอสิวก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง "ทหาร นำเจ้าคนผู้นี้ไปตัดหัวประจาน!"

เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารที่มาขอความช่วยเหลือก็คุกเข่าลงกับพื้น เขารีบหันไปกล่าวกับบุนทิว "ท่านแม่ทัพโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยเพียงเดินทางมาขอความข่วยเหลือเท่านั้นขอรับ!"

จอสิวแค่นเสียง "นายท่านเอาชนะกองซุนจ้านที่เมืองจี้ได้แล้ว และกำลังจะส่งกองทัพมาที่นี่ แล้วจะส่งคนมาขอความช่วยเหลือได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นทัพกิจิ๋วและทัพเหยียนโร่วยังเป็นพันธมิตรต่อกัน จะหันมาต่อสู้กันได้อย่างไร? เจ้าได้รับคำสั่งให้มาขอความช่วยเหลือ ทว่ากลับไม่มีจดหมายหรือตราคำสั่งใด เจ้าช่างโอหังบังอาจนัก!"

"ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยถูกไล่ล่ามาจากอำเภอจี้จริงๆขอรับ ก่อนที่กองซุนจ้านจะตาย เขาได้เผาเสบียงที่อยู่ภายในเมืองจนสิ้น และระหว่างความวุ่นวายนั้น จู่ๆพวกอูหสนก็หันมาโจมตีพวกเรา แม้ทัพเราจะขับไล่ทัพเหยียนโร่วออกไปจากเมืองได้สำเร็จ แต่ก็สูญเสียไพร่พลอย่างหนัก จากนั้นทัพปิ้งโจวก็ยกมาถึง พวกเขาผนึกกำลังกับทัพเหยียนโร่วทำการปิดล้อมเมืองจี้เอาไว้ ดังนั้นนายท่านจึงส่งทหารหน่วยหนึ่งให้ตีฝ่าออกมา" ทหารนายนั้นรีบอธิบาย

"ตอนที่หน่วยของข้าน้อยตีฝ่าออกมาได้ ท่านแม่ทัพที่บัญชาหน่วยก็ถูกสังหาร พวกเราถูกตามเข่นฆ่ามาตลอดทาง หากไม่ใช่เพราะบังเอิญพบกับเพื่อนทหารที่กำลังลาดตระเวนเข้าพอดี ข้าน้อยคงตายในมือของทัพปิ้งโจวไปแล้วขอรับ"

บุนทิวหันไปมองจอสิวด้วยความเคลือบแคลง จากคำกล่าวและท่าทางของทหารนายนี้แล้ว เขาไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกแต่อย่างใด "ใต้เท้าจอ ในทัพของเหยียนโร่วมีชาวอูหวนอยู่มากมาย ชาวอูหวนเหล่านี้อิจฉาความมั่งคั่งของชาวฮั่นมานาน ครั้งนี้หลังจากตีเมืองจี้ได้แล้ว พวกเขาคงไม่ยับยั้งชั่งใจอีก หากว่าพวกเขาต้องการผลประโยชน์ที่มากขึ้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะผนึกกำลังกับทัพปิ้งโจว"