ตอนที่ 129 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"เฟิ่งเซี่ยว เวลานี้ทัพเราควรทำอย่างไร?" ระยะหลังมานี้ลิโป้ให้ความสำคัญกับความเห็นของกุยแกอย่างมาก

กุยแกขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า "บัดนี้ทัพเราได้ผ่านศึกใหญ่มาแล้ว พวกเราควรตรวจนับความสูญเสียและพักผ่อนเอาแรง"

"พักผ่อน?" ลิโป้สงสัย "แม้ชาวเซียนเป่ยจะสูญเสียอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ยังคงพอมีกำลังที่จะสู้ หากพวกเขาระดมกำลังอีกครั้ง พวกเราจะไม่แย่เอาหรือ?"

"ใต้เท้า ท่านอาจให้แม่ทัพจูล่งหรือแม่ทัพหลี่นำทหารม้าเฟยฉีไปยังพื้นที่ต่างๆของเซียนเป่ย เมื่อพื้นที่ต่างๆล้วนเกิดเรื่องขึ้น พวกเขายังจะรวมกำลังกันได้อีกหรือ?" กุยแกยิ้มกล่าวด้วยความมั่นใจ

เพราะเชื่อมั่นในสติปัญญาของกุยแก ลิโป้สั่งให้ทหารม้าเฟยฉีส่งหน่วยสอดแนมออกไปรวบรวมข้อมูล ขณะเดียวกันก็สั่งให้จูล่งและหลี่เยี่ยนนำทหารม้าห้าร้อยนายไปแสดงตัวใกล้ๆกับเผ่าเซียนเป่ยต่างๆ

ศึกครั้งนี้เป็นศึกกับกองกำลังผสมที่มาจากชนเผ่าต่างๆในเซียนเป่ยภาคกลาง ฝ่ายเขาต้องสูญเสียทหารม้าเฟยฉีและทหารม้าขาวไปหกร้อยสิบนาย นับเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ทหารม้าขาวที่ติดตามจูล่งมา บัดนี้เหลืออยู่เพียงหนึ่งร้อย หากว่ากองซุนจ้านทราบเรื่อง ไม่ทราบจะมีความรู้สึกเช่นไร

บารมีธงเหยี่ยวของทัพม้าเฟยฉีสร้างความตกตะลึงให้กับชาวเซียนเป่ยในภาคกลางอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิต ทหารม้ากว่าห้าพันถูกสังหารจนแทบหมดสิ้น นักรบจากหลายเผ่ายามกล่าวถึงทหารม้าทัพฮั่นก็มักจะเผยสีหน้าหวาดผวา พวกเขากลัวแล้วจริงๆ ทหารม้าเซียนเป่ยที่ยกตัวเป็นจ้าวแห่งทุ่งหญ้า มาบัดนี้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวต่อศัตรูต่างถิ่นแล้ว

ความตายของน่าปู้เกินทำให้พันธมิตรที่เกิดจากการรวมตัวของชนเผ่าต่างๆต้องล่มสลาย บัดนี้ทุกเผ่าต่างตกอยู่ในอันตราย ข่าวที่กองทัพฮั่นเหยียบย่ำไปทั่วทุ่งหญ้าทำให้ประมุขเผ่าต่างๆรีบร้อนเดินทางกลับเผ่าของตัวเอง

หลังจากหยุดพักเป็นเวลาสองวัน ทหารม้าเฟยฉีก็ออกกวาดล้างอีกครั้ง สถานการณ์ของชาวเซียนเป่ยในเวลานี้เรียกได้ว่าเลวร้ายยิ่ง ไม่ว่าธงรูปเหยี่ยวโบกสะบัดไปทางใด ชาวเซียนเป่ยก็ต่างอกสั่นขวัญแขวน ชื่อเสียงบารมีของทัพม้าเฟยฉีขจรขจายออกไปทั่วทุ่งหญ้า

"นี่ก็เผ่าที่สิบแล้ว ภูเขาต้านหานอยู่ห่างออกไปไม่ไกลแล้ว!" การสังหารอย่างต่อเนื่องในสนามรบทำให้ทั่วร่างของลิโป้แผ่กลิ่นอายสังหารออกมาจางๆ

"ภูเขาต้านหานเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจของชาวเซียนเป่ย" กุยแกกล่าว

แม้ชาวเซียนเป่ยจะกำลังตกอยู่ในอันตราย กระนั้นกำลังที่เฝ้ารักษาภูเขาต้านหานก็ไม่ได้อ่อนแอ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซียนเป่ย แม้ทัพม้าเฟยฉีจะอาละวาดไปทั่วทุ่งหญ้าภาคกลาง กระนั้นประมุขเผ่าต่างๆก็ไม่ได้ขอความช่วยเหลือไปยังกำลังที่เฝ้าปกปักษ์ภูเขาต้านหานทัพนี้ ภูเขาไม่อาจปล่อยให้ภูเขาต้านหานเกิดเรื่องขึ้นได้ เพราะที่แห่งนี้ก็คือตัวแทนอำนาจสูงสุดของชนเผ่าเซียนเป่ย

"เรียนนายท่าน มีข่าวจากหน่วยเฟยอิงว่าภายในภูเขาต้านหานมีกำลังรักษาการณ์ราวหนึ่งพันคน เรียกว่ากองกำลังหวังถิง เป็นกองกำลังที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยถานสือหวย ทั้งหมดล้วนเป็นนักรบเก่งฉกาจ หากไม่ได้เป็นชนชั้นสูงของเผ่าก็หมดสิทธิ์จะเข้าร่วมกับกองกำลังกลุ่มนี้" หลี่เยี่ยนเข้ามากล่าวรายงานเบาๆ

ตอนที่เขาวางแผนจะยึดราชสำนักแห่งภูเขาต้านหาน ลิโป้ก็ส่งหน่วยเฟยอิงมาสืบหาข่าวล่วงหน้า กองทหารม้าที่เฝ้ารักษาภูเขาต้านหานย่อมไม่ธรรมดา ลิโป้ย่อมไม่อาจดูแคลนอีกฝ่าย

ก่อนหน้าที่ที่พวกเขาต่อสู้ด้วยเป็นกองกำลังผสมที่เกิดจากการรวมตัวของหลายๆเผ่า เทียบกับทหารม้าเซียนเป่ยของจริงแล้วก็ยังมีช่องว่างความห่างชั้นกันอยู่ กองกำลังหวังถิงแห่งภูเขาต้านหานคงต้องแข็งแกร่งยิ่ง

อูน่าถาผู้เป็นผู้นำของกองกำลังหวังถิงย่อมทราบเรื่องที่ทัพฮั่นบุกเข้ามาในเซียนเป่ยภาคกลางแล้ว แม้ว่าชนเผ่าเซียนเป่ยจะแบ่งแยกออกเป็นสามกลุ่ม และราชสำนักเซียนเป่ยจะค่อยๆเสื่อมโทรม หากแต่ในใจของชาวเซียนเป่ยทุกคนนั้น ราชสำนักยังคงมีอำนาจสูงสุด แม้แต่ปู้ตู้เกินก็ยังยอมรับอำนาจจากราชสำนัก

ทหารม้าทั้งหนึ่งพันใต้บัญชาของอู่น่าถาล้วนแต่เป็นยอดนักรบในหมู่ยอดนักรบของเซียนเป่ย เขามั่นใจว่าทหารม้าทัพฮั่นย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เพียงแต่ราชสำนักมีความสำคัญเกินกว่าที่เขาจะสามารถเคลื่อนกำลังอย่างบุ่มบ่าม

จากข่าวของหน่วยสอดแนมนั้น อูน่าถาก็ทราบจุดมุ่งหมายของทัพฮั่น อีกฝ่ายคิดจะมาโจมตีที่นี่จริงๆ หากไม่อาจปกป้องที่นี่เอาไว้ได้ เขาคงได้แต่ใช้ความตายเพื่อชดเชยความผิดแล้ว

"นักรบเซียนเป่ยทั้งหลาย บัดนี้ชาวฮั่นต้องการจะปักธงเหยี่ยวของพวกมันไว้ที่ราชสำนักแห่งนี้ จงกุมอาวุธในมือของพวกเจ้าเอาไว้ให้มั่น แล้วบอกต่อชาวฮั่นเหล่านั้นว่าทหารม้าที่แท้จริงเป็นอย่างไร ทหารฮั่นเหล่าเข่นฆ่าพี่น้องชาวเราไปมากมายนับไม่ถ้วน บัดนี้ทัพฮั่นอยู่ห่างจากราชสำนักแห่งนี้ไปเพียงร้อยกว่าลี้ ไม่นานก็จะเคลื่อนกำลังมาถึง" อู่น่าถาในชุดเกราะกล่าวปลุกใจจากบนหลังม้า

กองกำลังหวังถิงนั้นไม่เหมือนกับกองทหารทั่วไปของเซียนเป่ย ทหารม้าทั้งหนึ่งพันนายนี้ล้วนสวมใส่ชุดเกราะ นี่อาจเป็นทหารม้าเพียงทัพเดียที่สวมใส่ชุดเกราะเหมือนทหารทัพฮั่น

แม้ว่าชาวเซียนเป่ยจะกล้าหาญและครองทุ่งหญ้ามาหลายปี กระนั้นพวกเขาก็ยังขาดเทคนิคการหลอมสร้างอาวุธและชุดเกราะ อาวุธและชุดเกราะของพวกเขาล้วนต้องปล้นชิงมาจากชาวฮั่น การซื้อหาจากพ่อค้าที่ลักลอบนำมาขายนั้นมีราคาสูงเกินไป และบางครั้ง แม้จะอยากซื้อสักเท่าใด แต่พ่อค้าทั่วไปก็ไม่อาจหามาขายให้ได้ ในด้านนี้ต้าฮั่นมีการควบคุมไว้อย่างเข้มงวด

การจะติดอาวุธและชุดเกราะให้ทหารม้าเซียนเป่ยจำนวนหนึ่งพันนายนั้นนับว่ายากเย็นยิ่ง

"ฆ่าชาวฮั่น! ฆ่าชาวฮั่น!" ทหารม้าทั้งหนึ่งพันชูอาวุธพลางตะโกนดังกึกก้อง พวกเขาย่อมทราบเรื่องที่ทัพฮั่นเข้ามาอาละวาดในทุ่งหญ้าตั้งนานแล้ว หากแต่เพราะมีหน้าที่สำคัญ พวกเขาจึงไม่อาจไปจากราชสำนักอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

ในความคิดของพวกเขานั้น ที่ทัพฮั่นสามารถสร้างความเสียหายได้ขนาดนี้ก็เพราะฉวยโอกาสที่ทหารเซียนเป่ยส่วนใหญ่กำลังบุกโจมตีด่านเยี่ยนเหมิน เทียบกับกองทัพของจริงแล้ว กองกำลังทหารม้าที่ก่อตั้งขึ้นอย่างลวกๆย่อมเทียบกันไม่ติด

"ทัพฮั่นเจ้าเล่ห์ยิ่ง ดังนั้นยามปะทะอย่าได้ประมาทอย่างเด็ดขาด!" อู่น่าถากำชับ แม้ว่าเหล่านักรบที่เบื้องหน้านี้จะมีฝีมือส่วนตัวสูงยิ่ง แต่เมื่อเข้าสู่สนามรบไปแล้ว การควบคุมสั่งการกลับทำได้ยาก โดยเฉพาะยามที่กองทัพกำลังโถมบุก

.........................

หลังจากพบเจอหน่วยสอดแนมของเซียนเป่ยถี่ขึ้น สีหน้าของลิโป้ก็เริ่มเคร่งขรึม นี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้ทำศึกกับยอดทัพของเซียนเป่ย เขาไม่มั่นใจว่าทัพม้าเฟยฉีจะชนะได้หรือไม่

เมื่อสีหน้าที่ฉายแววกังวลของลิโป้ กุยแกก็กล่าวขึ้นว่า "แม้ชาวเซียนเป่ยจะเก่งกาจด้านการรบ หากแต่ทหารม้าเฟยฉีก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน ก่อนหน้านี้นายท่านเคยเอาชนะทัพม้าจำนวนห้าพันของเซียนเป่ยมาได้แล้ว ทหารม้าเฟยฉีไม่เพียงแต่มีทักษะขี่ม้ายิงธนูที่เหนือกว่าทัพม้าทั่วไป แต่การเคลื่อนกำลังยังคล่องตัวยิ่ง ด้วยความเร็วของทัพเราแล้ว หากทัพเซียนเป่ยกล้าไล่ตามมา พวกเราก็สามารถลากถ่วงพวกเขาด้วยธนูจนตาย"

ลิโป้พยักหน้า เขาเอาแต่คิดว่าชาวเซียนเป่ยนั้นร้ายกาจจนลืมมองดูกำลังของฝ่ายตัวเอง "เฟิ่งเซี่ยวกล่าวถูกแล้ว หากไม่ได้เฟิ่งเซี่ยวกระตุ้นเตือน ทัพม้าเฟยฉีคงต้องเสียหายอย่างหนัก"

"ใต้เท้ากล่าวเกินไปแล้ว ต่อให้ข้าน้อยไม่ได้กล่าวอะไร ทว่าใต้เท้าย่อมสามารถนึกได้เอง" กุยแกกุมมือกล่าวตอบ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นวิธีที่ลิโป้เคยใช้มาก่อน เขาเพียงแค่กระตุ้นเตือนเท่านั้น

"ว่ากันว่าราชสำนักเซียนเป่ยนั้นมั่งคั่งยิ่ง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่" เมื่อมีวิธีรับมืออยู่ในใจแล้ว ลิโป้ก็ผ่อนคลายลง