ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ลิโป้มาถึงเมืองไต้จิ๋ว สัหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้จะได้ฟังกุยแกบอกเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงภายในเมืองแล้ว แต่การได้มาเห็นด้วยตาตัวเองนั้นแตกต่างกันมาก เมื่อรวมกับการกระทำของตันเทียนแล้ว ลิโป้ก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้น สิ่งที่ปิ้งโจวขาดแคลนที่สุดก็คือ ผู้มีความสามารถด้านกิจการภายใน
เมื่อทราบว่าลิโป้จะมา ตันเทียนก็ไม่กล้าเลินเล่อ เขานำแม่ทัพขุนนางภายในเมืองไต้จิ๋วออกมารอต้อนรับที่นอกเมือง ขณะที่สองฟากของถนนก็เต็มไปด้วยชาวบ้านที่มาชมดู
เมื่อเห็นฉากนี้ ลิโป้ก็รู้สึกไม่สบายใจ ตอนอยู่ที่ปิ้งโจวนั้นเขามักเน้นความเรียบง่าย แต่นี่ก็เป็นความตั้งใจที่จะต้อนรับของตันเทียน ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวเรื่องนี้ต่อหน้าคนทั้งหมด แม้จะมีผู้คนมาอยู่รออยู่สองฟากข้างของถนน แต่เมื่อเทียบกับที่ปิ้งโจวแล้ว เขาก็รู้สึกว่าผู้คนที่นี่ยังขาดความกระตือรือร้นและความตั้งใจจริงไปบ้าง
ตันเทียนมีอายุราวสี่สิบปี บางทีอาจเพราะเขาต้านทานชาวเซียนเป่ยอยู่ที่เมืองไต้จิ๋วมานาน ทั่วร่างของเขาจึงแผ่ซ่านกลิ่นอายของแม่ทัพบู๊ออกมาจางๆ
"เจ้าเมืองตันบริหารจัดการได้ดี นับเป็นวาสนาของเมืองไต้จิ๋วแล้ว" ลิโป้กล่าว เขาได้ทราบข้อมูลของตันเทียนจากหน่วยเฟยอิงมาแล้ว ตันเทียนอยู่ที่เมืองไต้จิ๋วมานานถึงสิบปี ก่อนที่เขาจะมารับตำแหน่งเจ้าเมือง ชาวเซียนเป่ยก็เคยรุกรานเข้ามาถึงในเมืองไต้จิ๋ว แต่หลังจากที่ตันเทียนเข้ามารับตำแหน่งเจ้าเมืองแล้ว ด้วยการนำของเขา ไพร่พลภายใต้การปกครองของเขาก็ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง แม้ว่าชาวเซียนเป่ยจะยังคงเข้ามารุกราน แต่ก็ทำได้เพียงมองมาที่เมืองและทอดถอนใจ ไม่ใช่แม่ทัพปลายแถวอย่างหยิ่นสงจะเทียบได้
"จิ้นโหวมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วแผ่นดิน ส่วนข้าน้อยเพียงกระทำไปตามหน้าที่เท่านั้นขอรับ" ตันเทียนกล่าวตอบอย่างนอบน้อม
หลังจากได้พบขุนนางและแม่ทัพของเมืองไต้จิ๋วแล้ว ลิโป้ก็เดินทางไปที่จวนเจ้าเมืองภายใต้การนำทางของตันเทียน ความเรียบง่ายภายในจวนทำให้ลิโป้รู้สึกประทับใจตันเทียนมากยิ่งขึ้น หากว่าจวนขุนนางนั้นหรูหรา ก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะมาจากการขูดรีดภาษีจากประชาชน ต่อให้ขุนนางผู้นั้นจะมีความสามารถ พวกเขาก็จะเป็นได้เพียงขุนนางกังฉินซึ่งจะกดขี่ข่มเหงชาวบ้านต่อไปในภายหน้า
"จิ้นโหว นี่เป็นห้องหนังสือของข้าน้อย หากไม่ได้รับอนุญาตก็จะไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาได้" ตันเทียนบอกกล่าว
ลิโป้พยักหน้าแล้วจึงเดินเข้าไปคนแรก เมื่อเขามาถึงเมืองไต้จิ๋ว เขาก็ต้องการจะทำให้ตันเทียนจงรักภักดีต่อปิ้งโจวมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงท่าที เพื่อให้ตันเทียนได้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญต่อตันเทียน ซึ่งสิ่งนี้ก็นับว่ามีความหมายเป็นพิเศษสำหรับตันเทียนที่เพิ่งเข้าสวามิภักดิ์ต่อปิ้งโจว
"ในห้องหนังสือของเจ้าเมืองตันมีหนังสือของจิ้นหยางอยู่ไม่น้อยเลย" ลิโป้ยิ้มพลางกล่าวออกมา
"ให้จิ้นโหวได้เห็นเรื่องน่าอับอายแล้วขอรับ บัดนี้ร้านหนังสือจิ้นหยางมีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแผ่นดิน หนังสือพิมพ์ต้าฮั่น ข้าน้อยมักจะติดตามอ่านอยู่เป็นประจำ"
"ไม่ทราบว่าเจ้าเมืองตันมีคำชี้แนะใดหรือไม่?" ลิโป้จ้องมองตันเทียนด้วยดวงตาเป็นประกาย
ตันเทียนกล่าวอย่างจริงจัง "ข้าน้อยขอบังอาจถาม ไม่ทราบว่าจิ้นโหวอยากจะเป็นนายหรือจะเป็นเพียงบ่าว?"
"นายเป็นอย่างไร? บ่าวเป็นอย่างไร?" ลิโป้ถามกลับ
"เป็นนายคือควบคุมอำนาจทางทหารไว้ในมือจนสามารถทอดตาดูแคลนผู้คนในใต้หล้า บัดนี้ชะตากรรมของราชวงศ์ฮั่นนั้นไม่แน่ชัด บรรดาเจ้าเมืองต่างก็แก่งแย่งชิงดีกัน ทั่วทั้งแผ่นดินกำลังปั่นป่วนวุ่นวาย แม้ว่าเล่าเปียวแห่งเกงจิ๋วจะเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น หากเขาก็มีความขัดแย้งกับอ้วนสุดและโจโฉ อีกทั้งอ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋วก็ยังมีความคิดจะยึดครองอิวจิ๋ว เล่าเปียวต้องการจะสืบทอดราชบัลลังก์ เกรงว่าคงไม่ง่าย แม้ว่าปิ้งโจวจะแร้นแค้น แต่ก็มีไพร่พลเข้มแข็ง การทหารเกรียงไกร เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ใต้เท้าก็สามารถนำเหล่ายอดขุนพลกรีธาทัพบุกยึดครองซือลี่(มณฑลราชธานี) จากนั้นจึงบุกโจมตีเอ๊กจิ๋ว เหลียงจิ๋ว จากนั้นด้วยกำลังทหารของเอ๊กจิ๋ว เหลียงจิ๋ว ปิ้งโจว ซือลี่ และอิวจิ๋ว ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีผู้ใดในแผ่นดินสามารถต่อต้านใต้เท้า หากต้องการก็ยังสามารถยึดครองทุ่งหญ้า"
ลิโป้นิ่งตะลึง ตันเทียนเป็นขุนนางของต้าฮั่น แต่กลับกล่าววาจาเหล่านี้ออกมา แต่ยามกล่าวคำเหล่านี้ออกมากลับดูไม่เหมือนเป็นการประดิษฐ์คำขึ้นมาเองเพื่อประจบเอาใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าตันเทียนจะมองสถานการณ์ภายในแผ่นดินได้อย่างทะลุปรุโปร่งและต้องการจะสนับสนุนให้เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิครองแผ่นดิน?
"สำหรับเป็นบ่าวนั้น ใต้เท้าจะต้องเลือกเชื้อพระวงศ์สักคนเพื่อให้การสนับสนุน และเมื่อคนผู้นั้นได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว ด้วยคุณูปการของจิ้นโหว ชื่อเสียงของจิ้นโหวจะต้องได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน"
จากคำพูดของตันเทียน ลิโป้ก็รู้สึกได้ว่าตันเทียนต้องการให้เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิเสียเอง มากกว่าจะแนะนำให้สนับสนุนราชวงศ์ฮั่นและเป็นเพียงขุนนางคุณูปการ
"นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ฟังความเห็นจากเจ้าเมืองตัน คำพูดของข้าทำให้ข้าตกตะลึงจริงๆ" ลิโป้กล่าว
เมื่อเห็นว่าเขามองสีหน้าของลิโป้ไม่ออก ตันเทียนก็เข้าใจว่าลิโป้คงเกิดความกังวลเกี่ยวกับตัวเขา
หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน ตันเทียนก็ตัดสินใจจะเปิดเผยตัวตน หากไม่อาจขจัดความกังวลในเรื่องนี้ของลิโป้ไป เช่นนั้นเขาก็คงยากจะสร้างชื่อในปิ้งโจวแล้ว เขาย่อมเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างลิโป้และตระกูลสูงศักดิ์ ตระกูลสูงศักดิ์เฝ้าระวังลิโป้ แต่ไฉนลิโป้จึงดูไม่กังวลเกี่ยวกับตระกูลสูงศักดิ์?
"ไม่ใช่ว่าข้าน้อยปกปิดความจริง หากแต่ฐานะตัวตนของข้าน้อยนั้นออกจะพิเศษอยู่บ้าง"
สีหน้าของลิโป้ฉายแววสนใจ ตันเทียนเป็นเพียงเจ้าเมืองที่ไต่เต้าตำแหน่งขึ้นมาไม่ใช่หรือ เขายังมีฐานะที่พิเศษอยู่ด้วย?
"ข้าน้อยเป็นทายาทของตันต๋ำ บิดาถูกสิบขันทีโฉดใส่ร้ายจนตาย ผู้คนในตระกูลล้วนถูกกุดหัว ในฐานะสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูล ข้าน้อยจึงได้เปลี่ยนชื่อแซ่แล้วจึงมาที่อิวจิ๋ว แม้ว่าพระเจ้าเลนเต้จะเสด็จสวรรคต และสิบขันทีโฉดจะถูกกวาดล้างไปแล้ว อย่างไรก็ตาม บิดาของข้าน้อยได้ทราบสถานที่เก็บสมบัติของเตียวเหยียงเข้าโดยบังเอิญ มีคนของตระกูลขุนนางบางส่วนที่ทราบความลับนี้เช่นกัน ดังนั้นหากว่าตัวตนของข้าน้อยเกิดรั่วไหลออกไป เกรงว่าจะนำภัยมาถึงตน ข้าน้อยหวังว่าใต้เท้าจะช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป้นความลับ" ตันเทียนกล่าว
ยิ่งฟังลิโป้ก็ยิ่งตกตะลึง ตันต๋ำไม่มีทายาทไม่ใช่หรือ? หากเป็นความจริง เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดที่ถูกสิบขันทีในสมัยพระเจ้าเลนเต้สังหาร แต่คำพูดในประโยคหลังของตันเทียนยังสำคัญยิ่งกว่า เรื่องที่ซ่อนขุมทรัพย์ของเตียวเหยียง แล้วคนของตระกูลขุนนางทราบได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ว่าตันต๋ำโง่เขลาจนถึงขั้นนำเรื่องนี้ออกไปโพนทะนา?
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูสงสัยของลิโป้ ตันเทียนก็อธิบายว่า "หลังจากที่บิดาได้ทราบเรื่องนี้โดยบังเอิญ เขาก็ทราบดีว่าการกำจัดสิบขันทีโฉดนั้นเป้นเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นเขาจึงแพร่งพรายเรื่องราวบางส่วนต่อตระกูลอ้วนและตระกูลหยาง เพื่อที่จะขอให้ปกป้องตระกูลตัน ผู้ใดจะทราบเล่าว่า หลังจากนั้นเตียวเหยียงจะสามารถกระทำการตามอำเภอใจภายใต้การคุ้มครองจากพระเจ้าเลนเต้ ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นผู้สังหารบิดาของข้าน้อยด้วยตัวเอง แต่เขายังกระทั่งสั่งล้างเลือดตระกูลตัน ข้าน้อยโชคดี จึงหนีรอดมาได้ แต่นั่นก็ไม่อาจทำการแก้แค้นใดๆ มีหลายคนในตระกูลขุนนางที่ทราบเรื่องนี้ ดังนั้นข้าน้อยจึงไม่กล้าใช้ชื่อแซ่ที่แท้จริง"
ลิโป้พยักหน้าเบาๆ ขุททรัพย์ของเตียวเหยียง ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องตาร้อน เกรงว่าความมั่งคั่งที่เตียวเหยียงมีจะมากกว่าทรัพย์สินทั้งหมดของหนึ่งแว่นแคว้นเสียอีก การหนุนหลังเตียวเหยียงของพระเจ้าเลนเต้นั้นเป็นที่ล่วงรู้กันดีในแผ่นดิน และภายใต้ความคุ้มครองจากพระเจ้าเลนเต้ ไม่ทราบว่าเตียวเหยียงได้รีดนาทาเร้นผู้คนจนได้ทรัพย์สินเงินทองไปมากน้อยเท่าใด หากบอกว่าเขาไม่รู้สึกหวั่นไหวเลยก็คงจะโกหก เพียงแต่เมื่อตันเทียนแพร่งพรายความลับเรื่องนี้ต่อเขา แสดงว่าจะต้องมีความคิดอื่นอยู่ ที่ลิโป้มายังเมืองไต้จิ๋วก็เพื่อที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับตันเทียนอย่างละเอียดลึกซึ้ง
"ราชวงศ์ปฏิบัติต่อตระกูลตันอย่างเลวร้าย และเหล่าตระกูลขุนนางก็ทำได้เพียงนิ่งเฉยขณะที่มองดูตระกูลตันทั้งตระกูลถูกตัดศีรษะ ไม่มีผู้ใดกล้าลุกขึ้นมาออกหน้าให้กับตระกูลตันแม้แต่ตระกูลเดียว นับแต่นั้นมา ข้าน้อยก็ต้องการจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับตระกูลตันมาโดยตลอด" ในน้ำเสียงของตันเทียนนั้นแฝงไว้ด้วยความโกรธและความเศร้าเสียใจ จากนั้นจู่ๆเขาก้ยิ้มกล่าวว่า "ช่างน่าหัวร่อ หากแต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเองก็สวรรคตภายใต้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากพวกโจรกบฏ หรือนี่จะเป็นลิขิตฟ้า?"
ลิโป้มองดูตันเทียนด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ ต่อให้พระเจ้าเลนเต้จะไม่ทรงทราบเรื่องนี้ แต่เรื่องที่ตระกูลตันถูกปรักปรำจนต้องตัดศีรษะทั้งตระกูล กระนั้นเหล่าขุนนางในแผ่นดินต่างก็ต้องการจะรับใช้ราชสำนัก ขุนนางอย่างตันเทียนก็ควรจะปล่อยวางความแค้นในอดีตเพื่อรับใช้ราชสำนักต่อไปไม่ใช่หรือ ไฉนเขาจึงรู้สึกยินดีเมื่อได้เห็นความเสื่อมโทรมของราชวงศ์ฮั่น? เป็นไปได้หรือไมว่าเพราะทั้งตระกูลของเขาถูกทำร้ายโดยพวกขันทีโฉด เมื่อคนเหล่านั้นถูกสังหารลงจนหมด ความแค้นที่อัดแน่นอยู่ภายในอกจึงไม่มีที่ให้ระบายออก ดังนั้นจึงได้แต่ย้ายความโกรธแค้นทั้งหมดไปที่เหล่าเชื้อพระวงศ์?
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved