เล่าเหรินใจหายวาบ หากว่ากุยแกต้องการจะเล่นงานเขาถึงตาย เขาก้ไม่อาจทำอย่างไรได้ แม้ว่ากุยแกจะยังหนุ่ม กระนั้นกลับมีตำแหน่งสูงในปิ้งโจว
"ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า" เล่าเหรินถลึงตามองเล่าเต๋อพลางกล่าวเบาๆ ในใจกำลังคิดอ่านหาวิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้
เหล่าชาวบ้านที่มามุงดูต่างส่งต่อข่าวนี้ด้วยความตื่นเต้น เบื้องหลังของคุณชายเล่ามีเล่าเหรินคอยสนับสนุน มีหลายคนที่เคยได้รับความเดือดร้อน บัดนี้เหล่าคนชั่วล้วนถูกตัดสินให้มีความผิด สถานะของสำนักงานเมืองในใจของชาวบ้านจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านหลายคนที่เคยสูญเสียความศรัทธาต่อสำนักงานเมืองก็กลับมาเชื่อมั่นในสำนักงานเมืองอีกครั้ง
เหล่าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเมืองล้วนมองดูลิโป้ด้วยความกลัว นับตั้งแต่อีกฝ่ายเข้ามาในสำนักงานเมืองจนกระทั่งตอนนี้ เขาไม่เผยท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย และบุคคลเช่นนี้จะต้องมีที่ให้ถือดี และการปรากฏตัวของกุยแกก็ดูเหมาะเจาะเกินไป หากบอกว่าทั้งสองไม่รู้จักกันเลยก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อแน่นอน
หลังจากฝูงชนสลายตัวไป กุยแกก็ค้อมตัวคำนับแล้วจึงกล่าวว่า "ผู้น้อยละเลยการควบคุมดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ขอนายท่านโปรดลงโทษ"
ลิโป้มีสีหน้าไม่ค่อยดีสักเท่าใด "ไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอก แม้เจ้าจะมีตำแหน่งเป็นนายอำเภอ แต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ลงมาทำงานสักเท่าใด กล่าวได้เพียงว่ามีคนใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน"
เห็นได้ชัดว่าเล่าเต๋อเองก็หวาดกลัวต่อจวนเจ้าเมืองมาก มิเช่นนั้นเขาคงไม่ลักลอบกระทำการอย่างระวัง ปิ้งโจวในอดีตนั้น เหล่าผู้มีอำนาจสามารถแยกเขี้ยวกางเล็บ วางอำนาจบาตรใหญ่ได้อย่างเปิดเผย ทำให้ส่งผลกระทบต่อฐานะของจวนเจ้าเมืองอย่างร้ายแรง
กุยแกกล่าวว่า "เรื่องนี้เกิดขึ้นภายในจิ้นหยาง ผู้น้อยย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้"
หลังจากได้พูดคุยกับกุยแก ลิโป้ก็ออกจากสำนักงานเมืองด้วยสีหน้าที่หนักอึ้ง หลังจากส่งบิเจินที่ร่าเริงกลับจวนตระกูลบิไปแล้ว เขาก็ตรงไปที่จวนเจ้าเมือง
ตอนนี้ ปัญหาหลักที่ลิโป้เห็นก็คือปัญหาของชาวบ้านทั่วไป ซึ่งขุนนางระดับสูงขึ้นมาไม่เข้าใจ แม้ว่าจวนเจ้าเมืองจะดีต่อผู้คน แต่หลังจากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สิ่งต่างๆก็จะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่ในจิ้นหยางเท่านั้น แม้แต่ที่อื่นๆในปิ้งโจวก็ด้วย
เวลานี้เหล่าขุนนางคนสำคัญของปิ้งโจวล้วนมารวมตัวกันที่จวนเจ้าเมือง ทั้งหมดต่างมองลิโป้เงียบๆ ในปิ้งโจวนั้น น้อยครั้งที่ลิโป้จะเรียกประชุมอย่างจริงจังเช่นนี้ เพราะโดยปกติแล้วหลายคนก็ต่างยุ่งวุ่นวายอยู่กับหน้าที่ของตน ถึงอย่างไรภายในปิ้งโจวที่กว้างขวางก็มีสถานที่ให้จัดการดูแลมากมาย และภาระหน้าที่จึงย่อมมากตามไปด้วย
"ที่วันนี้ข้าเรียกพวกท่านมาก็เพราะประสบการณ์ที่ข้าได้พบเจอภายในเมืองมากับตัว" ลิโป้กล่าว
"เมื่อวานนี้ภายในเมือง บุตรชายของหัวหน้าเสมียนของสำนักงานเมือง ใช้อำนาจในการเอาเปรียบชาวบ้าน ข่มเหงรังแกชาวบ้าน กระทั่งใช้อำนาจของบิดาข่มเหงผู้คนกลางวันแสกๆที่เมืองเขตเหนือ พวกชาวบ้านเองก็ไม่กล้าพูดอะไร เรื่องราวที่เกิดขึ้นคือ ข้าได้ไปพบบุตรชายของเล่าเหรินกำลังรังแกชายชราที่อพยพมาจากต่างถิ่น เพียงข้าพูดไปประโยคหนึ่งก็ทำให้บุตรชายของเล่าเหรินคิดร้าย ยามเผชิญหน้ากันในสำนักงานเมืองก็ยังใช้ตัวตนของบิดามาข่มขู่ แม้แต่เล่าเหรินเองก็ยังใช้อำนาจปกป้องบุตรชาย นี่อาจเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปในช่วงก่อนที่ข้าจะได้ปกครองปิ้งโจว หากทว่าหลังจากนี้ห้ามมิให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก"
กุยแกลุกขึ้นกล่าวว่า "ผู้น้อยละเลยการควบคุมดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ขอนายท่านโปรดลงโทษ"
ลิโป้โบกมือก่อนจะกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่ความผิดของเฟิ่งเซี่ยว ปิ้งโจวเต็มไปด้วยเรื่องสกปรก จำต้องพัฒนาปรับปรุงครั้งใหญ่ ที่ต้องทำก็คือแก้ปัญหาอย่างทันท่วงทีหลังจากที่เราพบมันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ทราบว่าพวกท่านมีผู้ใดมีความคิดดีๆบ้างหรือไม่?"
เหล่าผู้ที่มารวมกันนี้ล้วนแต่เป็นขุนนางพลเรือนที่มีความสามารถในด้านการบริหารบ้านเมือง หากทว่าพวกเขาก็ได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความอับอาย แม้ว่าปิ้งโจวจะเปลี่ยนแปลงไปมาก กระนั้นก็ยังคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกของข้าราชการบางคนได้ เกรงว่าพวกเขาอาจไม่ทราบวิธีดูแลจัดการชาวบ้านเสียด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะชาติตระกูลและฐานะของพวกเขา
กุยแกขบคิด จากนั้นจึงกล่าวว่า "นายท่าน ใยจึงไม่ให้สำนักผู้ตรวจการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเล่าขอรับ?"
ลิโป้ส่ายหน้าเบาๆ "สำนักผู้ตรวจการมีหน้าที่ตรวจสอบขุนนาง ไม่เหลือกำลังพอจะมาจัดกรเรื่องเหล่านี้"
เหล่าขุนนางเมื่อได้ยินชื่อสำนักงานผู้ตรวจการก็ทราบได้ว่านี่เป็นหน่วยงานที่คอยตรวจสอบเหล่าขุนนางโดยเฉพาะ เพียงแต่คนในหน่วยงานนี้ลึกลับยิ่ง พวกเขาไม่ทราบด้วยซ้ำว่าสำนักงานของผู้ตรวจการนั้นตั้งอยู่ที่ใดภายในเมือง นั่นเพราะลิโป้ให้ความคุ้มครองต่อเจ้าหน้าที่ของสำนักผู้ตรวจการ สามารถจิตนาการได้ว่า หากมีคนล่วงรู้ถึงตัวตนของพวกเขา พวกเขาคงจะต้องเผชิญกับการล้างแค้นจากหลายฝ่ายอย่างแน่นอน
ทั่วทั้งห้องโถงจมลงสู่ความเงียบ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนฉลาด แต่เมื่อเผชิญกับเรื่องเช่นนี้ก็รู้สึกยุ่งยากอยู่บ้าง
ลิโป้ค่อยๆกล่าวขึ้นว่า "ข้ามีวิธีแก้ปัญหา บางทีอาจจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้"
"โดยการจัดตั้งหน่วยงานที่จะคอยทำหน้าที่จัดการกับพวกนอกกฏหมายโดยเฉพาะ ขณะเดียวกันก็ให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเมืองใช้เวลาหนึ่งถึงสองวันต่อเดือนรับฟังปัญหาของชาวบ้าน ด้วยวิธีนี้ ปัญหาของชาวบ้านก็จะถูกสะสางไปได้มาก ทั้งยังไม่ทำให้เจ้าหน้าที่และขุนนางต่างๆทำงานหนักจนเกินไป ถึงอย่างไรแต่ละคนก็แบกรับความรับผิดชอบจำนวนมากอยู่ก่อนแล้ว หากว่าเจ้าหน้าที่แก้ไขปัญหาไม่ได้ หรือว่าชาวบ้านไม่พึงพอใจ พวกเขาก็สามารถร้องเรียนที่จวนเจ้าเมืองได้โดยตรง"
ได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็ตาเป็นประกาย วิธีการนี้นับว่าใช้ได้เลยทีเดียว ประการแรกชาวบ้านจะไม่กล้าใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ตามอำเภอใจ ประการที่สอง เรื่องเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับชาวบ้านทั่วไป พวกเขากลายเป็นเหยื่อ ย่อมไม่ให้ที่พักพิงหรือเข้าข้างพวกนอกกฏหมายอย่างแน่นอน
"ทุกท่าน แม้ว่าปิ้งโจวบัดนี้ดูเหมือนจะสงบมั่นคงดี กระนั้นก็ยังมีภัยซ่อนเร้นอีกมากที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข หวังว่าทุกท่านจะช่วยกันเป็นหูเป็นตา ในอนาคตข้าไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก" ลิโป้กวาดตามองขุนนางภายในห้องโถง
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาต่างก็สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงกุมมือขานรับ
..............................
ปิ้งโจว อิวจิ๋ว และกิจิ๋วต่างเงียบสงบลง หากแต่ที่กุนจิ๋วกลับลุกเป็นไฟ โจโฉนำทัพบุกโจมตีโดยไม่สนใจความสูญเสีย นอกจากนั้นอ้วนสุดยังทำการตัดทางถอยของทัพเกงจิ๋ว ทำให้ทัพเกงจิ๋วมีขวัญกำลังใจตกต่ำลง แม้ว่าเหล่าแม่ทัพจะสามารถควบคุมกองทัพได้เป็นอย่างดีก็ตาม กระนั้นเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้นก็ยังอดรู้สึกเป็นกังวลไม่ได้
การต่อสู้อย่างต่อเนื่องทำให้บุนเพ่งได้เห็นความกล้าหาญของทัพกุนจิ๋ว ยามเมื่อไพร่พลจากทัพกุนจิ๋วต่อสู้ พวกเขาจะต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงชีวิต ทำให้พลังสู้รบของพวกเขาน่ากลัวยิ่ง ทันทีที่เสียงกลองศึกดังขึ้น พวกเขาก็จะไม่ถอยหลังกลับจนกว่าจะได้ยินฆ้องสั่งถอยทัพ พวกเขามีเป้าหมายอยู่เพียงอย่างเดียว นั่นคือ ตีชิงเมืองซันหยงกลับมา
เสบียงอาหารของทัพโจโฉนั้นเพียงพอให้ใช้ได้สามวันเท่านั้น กล่าวก็คือ หากไม่อาจพิชิตเมืองซันหยงได้ภายในสามวัน กองทัพของโจโฉก็จะเผชิญกับสถานการณ์ขาดแคลนเสบียงอาหาร เสบียงอาหารนั้นมีความสำคัญต่อกองทัพยิ่ง หากไม่มีเสบียงอาหาร ทั้งกองทัพก็จะแตกกระจาย ย่อมไม่มีไพร่พลคนใดต้องการเข้าสู่สนามรบด้วยท้องที่ยังว่าง
"จื่อไฉ ทัพเกงจิ๋วเฝ้ารักษาซันหยงอย่างมั่นคง แม้จะมีกลยุทธ์ที่สามารถตีหักเมืองได้ แต่นั่นก็จำเป็นต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือน" สีหน้าของโจโฉฉายแววกังวล
เมื่อขุนนางที่ดูแลการจัดการเสบียงอาหารได้ยินคำพูดของโจโฉ เขาก็ผงะไปครู่หนึ่ง เขาที่ทำหน้าที่ดูแลเสบียงย่อมทราบกระจ่างดี ที่ว่าเสียงเหลือพอใช้ใช้ได้สามวันนั้น เป็นเพียงการประหยัดถึงขีดสุด แล้วจะมีเสบียงพอให้ใช้ได้อีกครึ่งเดือนได้อย่างไร?
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved