ตอนที่ 257 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"นายท่าน หากเป็นเช่นนี้ ราชวงศ์ฮั่นก็จะไม่คงอยู่อีก" สีหน้าของกุยแกไม่อาจปกปิดความหดหู่ได้

"เฟิ่งเซี่ยว ท่านและข้ามีหรือจะคาดเดาจิตใจของเจ้าเมืองคนอื่นๆได้ทั้งหมด? ขอเพียงพยายามอย่างสุดความสามารถ ไม่ให้ถูกลากเข้าไปในพายุด้วยก็ยากแล้ว พวกเรายังจะทำอย่างไรได้? หากว่าปิ้งโจวไม่คงอยู่ พวกเรายังจะไปที่ใดได้?" ลิโป้ตบบ่าปลอบใจกุยแก

"ผู้น้อยเข้าใจแล้วขอรับ" กุยแกกุมมือกล่าว

วันรุ่งขึ้น ลิโป้ก็นำสุราเดินทางไปยังที่พักของเถียนยู่พร้อมกับเตียนอุย แน่นอนว่าย่อมมีองค์รักษ์ลอบให้ความคุ้มครองอย่างแน่นหนา มองจากผิวเผิน เมืองปักเป๋งอาจจะสงบสุข กระนั้นภายในกลับยังคงมีอันตรายซ่อนเร้นอยู่ ไม่ว่าจะอย่างไร ทัพปิ้งโจวก็ถือว่าเป็นคนนอก ขณะที่ชาวเหนือนั้นมีจิตใจที่ยึดมั่นถือมั่น

เถียนยู่รู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อได้ยินว่าลิโป้จะมาเยือน เขารีบออกไปต้อนรับที่ด้านนอก

หลังจากเข้ามานั่งภายในที่พักกันแล้ว ลิโป้ก็กล่าวขึ้นว่า "ใจจริงข้าอยากจะมาเยี่ยมใต้เท้าเถียนตั้งนานแล้ว ติดแต่เพียงในเมืองมีเรื่องราวให้จัดการมากเกินไป อ้วนเสี้ยวและเหยียนโร่วผนึกกำลังกันโจมตีเมืองปักเป๋ง จนกระทั่งวันนี้ค่อยมีเวลาว่าง จึงแวะมา"

เถียนยู่ลุกขึ้นกุมมือกล่าวว่า "จิ้นโหวกล่าวหนักเกินไปแล้วขอรับ ข้าน้อยเป็นเพียงแม่ทัพพ่ายศึก ขอเพียงจิ้นโหวสั่งการมา ข้าน้อยก็พร้อมจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อทำตามคำสั่งให้สำเร็จ"

"ใต้เท้าเถียนเพิ่งหายดี ข้าจะไปรบกวนได้อย่างไร?" ลิโป้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เถียนยู่ซาบซึ้งใจ และจากรอยยิ้มของลิโป้ เขาก็เหมือนจะเข้าใจความหมายบางอย่าง

ลิโป้โบกมือกล่าวว่า "ที่นี่ไม่มีคนนอก ท่านไม่ต้องสุภาพเกินไป นี่คือสุราที่ผลิตขึ้นในจิ้นหยาง ท่านลองชิมดู"

เตียนอุยที่อยู่ด้านข้างเดินเข้ามาเปิดไหสุรา หลังจากนั้นครู่หนึ่ง กลิ่นหอมของสุราก็ลอยตลบอบอวลภายในห้อง เตียนอุยถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะช่วงก่อนนี้อยู่ในสภาวะทำศึก เขาจึงไม่ได้แตะต้องสุราแม้แต่หยดเดียว ในฐานะองค์รักษ์ของลิโป้ เขาย่อมต้องมีสติแจ่มชัดตลอดเวลา แม้ว่าจะมีสุราดีอยู่ แต่เขาก็จะดื่มเมื่อไม่ได้อยู่ในช่วงการศึก นอกจากนั้นสุราจิ้นยังมีราคาแพง ด้วยเงินเดือนของเขาแล้วย่อมไม่พอใช้ดื่มได้บ่อยๆ

เมื่อเห็นลิโป้ชูจอกขึ้น เถียนยู่ก็ยกจอกขึ้นพลางกล่าวด้วยอารมณ์ "สามารถรับการเยี่ยมเยียนจากจิ้นโหว ข้าน้อยรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง หากไม่ใช่เพราะทัพปิ้งโจวยื่นมือเข้าช่วย ข้าน้อยก็คงจะตายอยู่ในสนามรบไปแล้ว"

"ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ใต้เท้าไม่ต้องใส่ใจ"

"สุราดี!" เถียนยู่หน้าแดงก่ำ รู้สึกได้ถึงความร้อนแรงของสุรา เขาก็อดเอ่ยปากชมไม่ได้

"ใต้เท้าอยู่ภายในเมืองเป็นอย่างไรบ้าง?" ลิโป้เอ่ยถาม

เถียนยู่กุมมือกล่าวว่า "ทำให้จิ้นโหวกังวลแล้ว ข้าน้อยอยู่ภายในเมืองไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่ที่กินแต่ประการใด เพียงแต่ผ่อนคลายเกินไปบ้าง"

หลังจากพูดคุยกันสักพัก ลิโป้ก็จ้องเถียนยู่พลางเอ่ยถามว่า "ไม่ทราบใต้เท้ามีแผนการสำหรับอนาคตแล้วหรือยัง?"

เถียนยู่ถอนหายใจ "ในแผ่นดินที่วุ่นวายเช่นนี้ ข้าน้อยเพียงปรารถนามีชีวิตรอดปลอดภัย นั่นก็เพียงพอแล้วขอรับ"

ลิโป้ยิ้มก่อนจะกล่าวว่า "ใยใต้เท้าจึงดูถูกตนเองเยี่ยงนั้นเล่า หรือใต้เท้าอยากจะเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา?" จากน้ำเสียงของเถียนยู่ ลิโป้ก็สัมผัสได้ว่าเถียนยู่ไม่ต้องการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไปจนแก่เฒ่า มิเช่นนั้นตอนที่สนทนากับกุยแก เขาคงไม่เผยความสามารถออกมา นอกจากนั้นเถียนยู่ยังเป็นคนหนุ่ม แลฃะคนหนุ่มมักคิดหวังก้าวหน้า

ดวงตาของเถียนยู่เกิดประกายขึ้นวูบ เขามาจากตระกูลที่ดี ศึกษาตำรับตำราด้วยความพากเพียรตั้งแต่ยังเด็ก อีกทั้งเขายังเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ต้องการชีวิตที่จืดชืดไร้รสชาติเช่นนี้ เพียงแต่หลังจากกองซุนจ้านถูกโค่นล้ม เขาก็กลายเป็นคนระมัดระวังตัวมากขึ้น แม้ว่าทัพปิ้งโจวจะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านการทหาร หากทว่าเถียนยู่ยังมีเงื่อนไขมากกว่านั้น

ในแผ่นดินต้าฮั่น หากไม่มีผู้ใดชื่นชมความสามารถ ต่อให้ท่านจะมีความรู้ความสามารถสักเพียงไหน ท่านก็ได้แต่ใช้ชีวิตอย่างสมถะโดยที่ไม่มีคนรู้จักไปตลอดชีวิต ในแผ่นดินฮั่นนั้นมีผู้มีความรู้ความสามารถมากมายดุจก้อนเมฆ แต่จะมีสักกี่คนที่ได้รับการใช้สอยและโดดเด่นขึ้นมาได้?

"พรสวรรค์ของใต้เท้า ข้ารู้สึกเลื่อมใสยิ่ง หากว่าท่านไม่เต็มใจใช้ชีวิตอย่างสมถะ ท่านสามารถเข้าร่วมกับปิ้งโจว" เมื่อเห็นว่าเียนยู่หวั่นไหวใจแล้ว ลิโป้ก็เอ่ยปากชักชวนโดยตรง

หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน เถียนยู่ก็ค้อมคำนับพลางกล่าวว่า "ผู้น้อยคำนับนายท่าน!"

ลิโป้ก้าวออกไปประคองเถียนยู่ให้ลุกขึ้น จากนั้นจึงหัวเราะอย่างเบิกบานใจ "เมื่อมีท่านอยู่ ข้าก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอิวจิ๋วแล้ว"

เถียนยู่ซาบซึ้งใจมาก จากคำพูดของลิโป้แล้ว ลิโป้มีเจตนาจะส่งมอบกิจการในอิวจิ๋วให้เขาดูแล เป็นไปไม่ได้ที่ลิโป้จะไม่ทราบถึงสถานการณ์ภายในเมืองปักเป๋ง กระนั้นเขากลับยังมีจิตใจที่กล้าหาญเช่นนี้ ด้วยความเชื่อใจนี้ก็เพียงพอจะให้เถียนยู่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ รับใช้อย่างสุดความสามารถแล้ว แม้ว่ากองซุนจ้านจะเป็นวีรบุรุษผู้กล้าคนหนึ่งแห่งยุค กระนั้นเขาก็ยังคงด้อยกว่าลิโป้อยู่บ้าง

"เรื่องเมืองปักเป๋งคงต้องยกให้กั๋วรั่งจัดการดูแลแล้ว ไม่ทราบว่าท่านมีความเห็นอย่างไร?" การสวามิภักดิ์ของเถียนยู่เป็นไปตามความคาดหมายของเขา

"ขอบคุณความไว้วางใจของนายท่าน ผู้น้อยด้อยสามารถ ด้อยสติปัญญา เกรงว่าจะรับหน้าที่สำคัญนี้ไม่ไหว" เถียนยู่กุมมือกล่าว แสดงท่าทีว่าไม่เต็มใจจะรั้งอยู่ในอิวจิ๋ว ภายในเมืองปักเป๋งยังมีกองซุนซู่อยู่ หากว่ากองซุนซู่ก่อความวุ่นวาย เขาควรจะรับมืออย่างไร? ถึงอย่างไรเขาก็เคยเป็นข้าเก่าของกองซุนจ้าน และกองซุนจ้านก็ดีต่อเขามาก

"กั๋วรั่งไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ ท่านคุ้นเคยกับกิจการในอิวจิ๋วมากยิ่งกว่าขุนนางคนใดของปิ้งโจว เมื่อมีท่านอยู่ในอิวจิ๋ว ข้าก็สามารถวางใจ" ลิโป้มองเถียนยู่พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในเมื่อเลือกเถียนยู่แล้ว เขาก็ต้องไว้ใจเถียนยู่ มีเพียงวิธีนี้จึงจะได้รับความภักดีจากเถียนยู่อย่างแท้จริง

ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความไว้วางใจจากเจ้านาย ซึ่งนี้นับว่าอันตรายที่สุด

"ผู้น้อยจะทุ่มเทกำลังสุดความสามารถขอรับ!" หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เถียนยู่ก็ตอบตกลง

"ในอีกสองสามวันข้างหน้า ข้าจะนำทัพออกจากเมือง เรื่องราวต่างๆภายในเมืองปักเป๋งคงต้องฝากท่านจัดการแล้ว" ลิโป้กล่าว

"นายท่าน ผู้น้อยใคร่ขอยืมตัวแม่ทัพเตียวไว้ชั่วคราว ปักเป๋งเวลานี้ยังมีคลื่นลมที่ไม่สงบขอรับ" เถียนยู่เป็นคนฉลาด แม้ว่าลิโป้จะไว้วางใจเขา เขาก็ยังต้องการทำให้อีกฝ่ายเบาใจยิ่งขึ้น จูล่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานของลิโป้ ด้วยสายสัมพันธ์เช่นนี้ ลิโป้ย่อมไว้วางใจจูล่งมากกว่าเขา อีกทั้งจูล่งยังนับเป็นขุนพลพยัคฆ์ เมื่อรั้งอยู่ในปักเป๋ง ก็จะสามารถสะกดให้ตระกูลทั้งสองและกองซุนซู่ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวได้บ้าง

ลิโป้กล่าวว่า "ตกลง จูล่งเก่งกล้าสามารถ เชี่ยวชาญการศึก เมื่อมีเขาอยู่ ชาวอูหวนและทัพกิจิ๋วย่อมไม่อาจฉกฉวยโอกาสใดๆ"

"ไม่ทราบว่าท่านมีแผนการที่จะทำให้เมืองปักเป๋งสงบสุขหรือไม่?" หลังจากตอบตกลงแล้ว ลิโป้ก็เอ่ยถาม

เถียนยู่ซาบซึ้งใจ ทราบว่าลิโป้เริ่มให้ความสำคัญกับเขาแล้ว หลังจากเรียบเรียงความคิดแล้ว เขาก็ค่อยๆกล่าวว่า "นายท่าน หลังจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น จิตใจของผู้คนก็สงบลง เรื่องสำคัญในตอนนี้คือ พวกเราควรพักเพื่อฟื้นฟูกองทัพ สะสมกำลังและคอยลับคมไว้ และรอคอยโอกาสที่จะปราบเมืองจี้และเมืองตุ้นกวน ชาวอูหวนค่อนข้างกริ่งเกรงทัพปิ้งโจว ภายในเวลาอันสั้นต้องไม่กล้ารุกรานเมืองปักเป๋ง เพียงแต่ต้องระวังป้องกันตระกูลกองซุนแห่งเลียวตั๋งไว้ ตระกูลกองวุนหยั่งรากลึกอยู่ในเลียวตั๋งมานาน พวกเขาไม่ยอมรับคำสั่งจากผู้ใด อีกทั้งยังกล่าวกันว่าตระกูลกองซุนแห่งเลียวตั๋งและอ้วนเสี้ยวนั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน"

"ปิ้งโจวผ่านสงครามมาอย่างต่อเนื่อง แผ่นดินจงหยวนก็เกิดสงครามขึ้นไม่หยุดหย่อน นายท่านควรสงบศึกกับอ้วนเสี้ยวเพื่อรอดูความแปลงเปลี่ยนในแผ่นดินจงหยวน"

ลิโป้พยักหน้าเบาๆ สงครามในภาคกลาง ในเวลาอันสั้นนี้ ปิ้งโจวยังไม่อาจเข้าไปแทรกแซง ถึงอย่างไรในปีที่ผ่านมา ทัพปิ้งโจวก็ทำศึกแล้วศึกเล่าจนแทบไม่ได้หยุดพัก แม้ว่าชาวปิ้งโจวจะให้การสนับสนุนกองทัพอย่างมาก ทว่าไพร่พลที่สูญเสียไปก็ยังต้องเกณฑ์คนเข้ามาเติม ในแง่ของวินัยกองทัพแล้ว ทัพใหม่ของปิ้งโจวยังยากจะเทียบกับทัพหลักของเจ้าเมืองคนอื่นๆอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรก็มีทหารอยู่มากมายที่ไม่เคยเข้าร่วมสงคราม เทียบกับกองทัพของเจ้าเมืองภาคกลางที่รบทัพจับศึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้ว กองทัพของปิ้งโจวก็ยังล้าหลังอยู่ ซึ่งสิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับความต้องการในการปลุกปั้นกองทัพชั้นยอดของลิโป้