"จูล่งรีบขึ้นม้า! ตามข้าไปพบทหารหาญของปิ้งโจว" ลิโป้หัวเราะอย่างเบิกบาน
"ขอบคุณใต้เท้า" จูล่งพลิกตัวขึ้นหลังม้าก่อนจะตะโกนสั่งการ จากนั้นทหารม้าขาวห้าร้อยนายก็ติดตามมาด้วยสภาวะที่ค่อนข้างทรงพลัง
ลิโป้ที่มองดูอยู่พยักหน้าเบาๆ กองกำลังม้าขาวคู่ควรแล้วที่เป็นทหารม้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดของกองซุนจ้าน เพียงดูจากทักษะการควบคุมบังคับม้าก็ทราบว่าทหารม้ากองนี้ไม่อ่อนแอแน่นอน แต่เมื่อเทียบกับทหารม้าเฟยฉีที่ติดตั้งทั้งโกลนและเกือกม้าแล้วก็ยังห่างชั้นกันอยู่ นี่ก็คือข้อได้เปรียบที่สิ่งประดิษฐ์นำมา
เกือกม้าเมื่อสัมผัสกับพื้นดินก็จะทำให้ดินหลุดลอกออกอย่างรวดเร็วจากการเสียดสีของพื้นและการชะล้างด้วยน้ำ จุดประสงค์ของการติตดั้งเกือกม้าคือการชะลอการสึกหรอของกีบเท้าม้า เกือกม้าไม่เพียงแต่จะปกป้องกีบเท้าม้าเท่านั้น แต่ยังทำให้ม้าวิ่งบนพื้นได้อย่างมั่นคง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขี่ม้าอย่างมาก
"เมื่อมีจูล่งมาช่วย ก็เพิ่มโอกาสชนะให้แม่ทัพผู้นี้อีกสามส่วน"
"ใต้เท้าลิยกย่องข้าน้อยไปแล้วขอรับ เมื่อมีแม่ทัพที่ชำนาญการศึกเช่นใต้เท้าเป็นแม่ทัพ การจะจัดการชนเผ่าเซียนเป่ยก็ไม่ยากแล้ว" จูล่งกล่าวถ่อมตัว
เหล่าแม่ทัพของทัพม้าเฟยฉี เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ แววตาของพวกเขาที่มองดูจูล่งก็เป็นมิตรขึ้นหลายส่วน ในฐานะทหารม้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดของปิ้งโจว ทหารม้าทุกนายย่อมมีความภาคภูมิใจ สิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดในยามนี้คือความเชื่อมั่นในชัยชนะ
"จูล่ง เจ้ามีแผนการดีๆในการบุกตีชนเผ่าเซียนเป่ยหรือไม่?" ลิโป้ถามอย่างให้ความสำคัญ
จูล่งกุมหมัดกล่าวตอบ "ใต้เท้า ชาวเซียนเป่ยเป็นคนเลี้ยงสัตว์โดยกำเนิด ชาวเผ่าทุกคนล้วนสามารถขึ้นม้าทำศึก ที่นี่อยู่ใกล้กับภาคกลางของเซียนเป่ย ยิ่งไปกว่านั้น หากทำให้เคอปี่เหนิงถอนกำลังได้ ภัยคุกคามจากชนเผ่าเซียนเป่ยก็จะลดน้อยลง"
"ดี คำกล่าวของเจ้าทำให้ข้าได้คิด" ลิโป้กล่าวด้วยสีหน้าขบคิด
"ชาวเซียนเป่ยมักรุกรานชายแดนของต้าฮั่น บุรุษถูกฆ่า สตรีถูกฉุด หนี้แค้นของชาวฮั่นต้องให้ชาวเซียนเป่ยจ่ายด้วยค่าตอบแทนที่หนักยิ่งกว่า"
"แม่ทัพทุกนายรับคำสั่ง! หากพบเห็นชาวเซียนเป่ย ให้ฆ่าไม่ละเว้น!" ลิโป้กล่าวเสียงเหี้ยม หากเป็นไปได้เขาเองก็ไม่อยากจะโหดร้าย แต่ชาวฮั่นในการปกครองของเขาก็ไม่ควรตายเปล่า หากท่านเมตตาต่อศัตรูที่ไม่รู้จักเมตตา สิ่งที่จะได้รับกลับมาก็คือการทำให้คนรอบตัวท่านต้องเดือดร้อน
สีหน้าของจูล่งเองก็ดุดันขึ้น เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับวิธีการที่ชาวเซียนเป่ยปฏิบัติต่อชาวฮั่นมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกต่อต้านคำสั่งของลิโป้แม้แต่น้อย เมื่อต่างชนชาติก็ต่างความคิด พวกเขาไม่อาจใจอ่อนต่อชนเผ่าเซียนเป่ยที่โหดร้ายทารุณ
"ขอรับ!" แม่ทัพทุกคนขานรับ
"ส่งหน่วยสอดแนมออกไปตรวจดูสถานการณ์ หากพบเห็นชาวเซียนเป่ยก็ให้รีบกลับมารายงานทันที" ลิโป้สั่งการ
.....................
ประตูด่านเยี่ยนเหมินยังคงปิดสนิท รอบด้านมีร่างของพวกทหารนอนกระจัดกระจายอยู่เกลื่อนกลาด เซียวเหยียนที่ใบหน้าแปดเปื้อนคราบโลหิตมองดูชาวเซียนเป่ยที่นอกด่านกำลังถอยร่นกลับไปอย่างเย็นชา ปีนี้ชาวเซียนเป่ยโจมตีหนักหน่วงยิ่งกว่าทุกปีที่ผ่านมา อีกฝ่ายโหมบุกต่อเนื่อง สร้างความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าแก่ไพร่พลพลประจำการอย่างสาหัสจนต้องนอนกระจัดกระจายอยู่บนพื้นกำแพง เวลานี้ แม้แต่เขาก็ไม่อาจสั่งให้พวกทหารลุกขึ้นมาได้
พวกเขาอยู่พิทักษ์ด่านเยี่ยนเหมินมามากกว่าสิบปี ผ่านการกรำศึกมานับครั้งไม่ถ้วน ในปีก่อนๆนั้นชาวเซียนเป่ยจะหยุดยั้งฝีเท้าเมื่อมาถึงด่านเยี่ยนเหมิน หากแต่ปีนี้พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
"แม่ทัพโจ เมื่อใดกองหนุนจึงมาถึง?" เมื่อเห็นโจเส็งเดินผ่านมา เซียวเหยียนก็รีบกล่าวทักและถามออกไป
"แม่ทัพเซียว ปิ้งโจวส่งทัพหนุนมาแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาเดินทางอีกราวห้าวัน" โจเส็งกล่าวตอบอย่างกลัดกลุ้มกังวล
"ห้าวัน? ในด่านเหลือทหารเพียงห้าพัน อีกทั้งส่วนใหญ่ยังบาดเจ็บ นี่จะหยุดยั้งการโจมตีของชาวเซียนเป่ยได้อย่างไร? หากชาวเซียนเป่ยตีด่านแห่งนี้แตก ชาวปิ้งโจวจะต้องพบเจอวิบากกรรมเช่นใด?" ยิ่งกล่าวเซียวเหยียนก็ยิ่งอารมณ์พลุ่งพล่าน เขาเป็นชาวเมืองไต้จิ๋วจากอิวจิ๋ว ครอบครัวของเขาถูกชาวเซียนเป่ยสังหารทั้งครอบครัวตั้งแต่เขายังเด็ก ดังนั้นย่อมมีความชิงชังที่ลึกล้ำต่อชาวเซียนเป่ย
เขารับใช้กองทัพมายี่สิบกว่าปี พบเจอชาวเซียนเป่ยมากกว่าพบเจอชาวฮั่น ประกายความเกลียดชังได้กลายเป็นเพลิงที่โหมกระหน่ำ น่าเสียดาย ราชสำนักกลับอ่อนแอ แม้แต่เงินเบี้ยเลี้ยง ทหารที่ด่านเยี่ยนเหมินก็ไม่ได้รับมาครึ่งปีแล้ว กระนั้นก็ไม่มีทหารนายใดตีจากด่านเยี่ยนเหมินไป พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ที่ชิงชังชาวเซียนเป่ยเข้ากระดูกดำ สถานการณ์อันน่าสลดของชาวฮั่นตามชายแดนทำให้พวกเขาลุกโชนไปด้วยเพลิงแค้น
เฝ้าพิทักษ์ด่านเยี่ยนเหมิน ปกป้องผู้ที่อยู่ด้านหลังจากชาวเซียนเป่ย นี่ก็คือสิ่งที่พวกเขายึดถือมาโดยตลอด
"แม่ทัพเซียว ชาวเซียนเป่ยลงมือกระทันหันเกินไป อีกทั้งตอนนี้อ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋วยังส่งกองทัพมาจ่อประชิดชายแดนของเรา และปิ้งโจวเองก็มีกำลังทหารอยู่ไม่มาก" โจเส็งถอนหายใจ
"บัดนี้ชาวเซียนเป่ยกำลังโจมตีชายแดนอย่างหนัก แต่อ้วนเสี้ยนก็ยังมีกะจิตกะใจยกกำลังมาโจมตีปิ้งโจวอีก ช่างเป็นตัวบัดซบโดยแท้ ตระกูลขุนนางสามสมัยผายลมอะไรกัน ก็แค่พวกหน้าซื่อใจคด" เซียวเหยียนด่าทอ
โจเส็งพยักหน้ากล่าวว่า "ใต้เท้าได้สั่งการให้แม่ทัพโกซุ่นนำไพร่พลจำนวนหนึ่งหมื่นนายเดินทางมาสมทบที่ด่านเยี่ยนเหมินแล้ว พวกเราเพียงต้องยันเอาไว้ให้ได้อีกห้าวันเท่านั้น"
เซียวเหยียนเองก็ทราบว่าบัดนี้ปิ้งโจวกำลังเผชิญวิกฤติถึงขั้นใด เขาไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อจวนเจ้าเมือง เขาเป็นผู้พิทักษ์ชายแดน ดังนั้นย่อมไม่ยอมอยู่ใต้คำสั่งของจวนเจ้าเมือง แต่ครั้งนี้เขารู้สึกตื้นตันต่อจวนเจ้าเมือง ทั้งที่สถานการณ์เลวร้ายรอบด้าน กระนั้นก็ยังส่งกำลังหนุนมาช่วยที่นี่
"ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว" พวกทหารค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ สำหรับพวกเขาในยามนี้นั้น เรื่องที่ทำให้มีความสุขที่สุดก็คือการได้กินอาหารแล้วเข้านอน
ดวงตาของเซียวเหยียนรื้นชื้นขึ้นมา ทหารที่ยังไม่ได้ลุกขึ้นตอนนี้ก็คือทหารที่ไม่อาจลุกขึ้นได้ตลอดกาล ที่นี่เคยมีทหารประจำการอยู่เจ็ดพันนาย แต่ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งเดือนของชาวเซียนเป่ย พวกเขาก็เสียกำลังพลไปกว่าสองพันนาย เขารู้สึกอึดอัดอย่างมากเมื่อเห็นร่างของใบหน้าอันคุ้นเคยทยอยถูกส่งไปฝัง
ชาวเซียนเป่ยที่โหมโจมตีด่านแห่งนี้ยังจ่ายค่าตอบแทนหนักยิ่งกว่า พวกเขาไม่ถนัดในการบุกตีเมือง แม้จะมีจำนวนคนมากกว่ามาก แต่ตราบใดที่ในด่านยังมีเสบียงอาหารและยุทธภัณฑ์เพียงพอ ชาวเซียนเป่ยก็ยากที่จะตีหักด่าน ตอนนี้มีชาวเซียนเป่ยอย่างน้อยก็แปดพันที่ต้องทิ้งชีวิตไว้ที่หน้าด่าน
โจเส็งเป็นรองแม่ทัพรักษาด่านเยี่ยนเหมินที่ได้รับการแต่งตั้งจากจวนเจ้าเมืองให้มาช่วยเหลือที่นี่ หลังจากได้คลุกคลีกับแม่ทัพเฝ้าด่านผู้นี้ โจเส็งก็รู้สึกเลื่อมใสเซียวเหยียนอย่างมาก ในด่านเยี่ยนเหมินนั้นมีประชาชนอาศัยอยู่ราวห้าหมื่นคน ครึ่งหนึ่งเป็นผู้คนที่หลบหนีมาจากการโจมตีของชาวเซียนเป่ย
เสียงแตรเขาสัตว์ของชาวเซียนเป่ยดังขึ้นอีกครั้ง เหล่าทหารที่กำลังกินข้าวอยู่พลันรีบโกยเม็ดข้าวเข้าปาก จากนั้นจึงรีบหยิบอาวุธลุกขึ้นประจำตำแหน่ง สายตาจับจ้องมองดูกองทัพเซียนเป่ยที่กำลังเคลื่อนเข้าใกล้ด่าน
"เป็นทัพเซียนเป่ยตะวันออกของซู่ลี่" สีหน้าของเซียวเหยียนผ่อนคลายลงเล็กน้อย ในบรรดาเซียนเป่ยทั้งสามเผ่า มีเพียงเผ่าเซียนเป่ยตะวันตกของปู้ตู้เกินเท่านั้นที่มีการโจมตีอันดุดัน ปู้ตู้เกินมักจะนำกำลังมาปล้นสะดมในพื้นที่ใกล้เคียงด่านเยี่ยนเหมินเป็นประจำทุกปี เขาเป็นผู้ที่ชาวฮั่นเกลียดชังมากที่สุด กองทัพของปู้ตู้เกินต่อสู้ด้วยความห้าวหาญดุดัน ทำให้รับมือได้ยาก
ชาวเซียนเป่ยขาดแคลนอุปกรณ์ตีชิงเมือง พวกเขาเพียงพึ่งพาบันไดและรถศึกเท่านั้น ชาวเซียนเป่ยชดเชยข้อด้อยด้านอุปกรณ์ด้วยจิตวิญญาณอันห้าวหาญไม่กลัวตาย
ชาวเซียนเป่ยแข็งแกร่งทรงพลัง ทหารของพวกเขาดาหน้าบุกเข้าโจมตีอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด หลังจากปีนขึ้นกำแพงมาได้ก็สู้ชิงพื้นที่ยิบตา เปิดโอกาสให้ทหารที่อยู่ด้านหลังปีนกำแพงตามขึ้นมา ทำให้การป้องกันเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ซู่ลี่มองดูทหารของเขาบุกตีด่านเยี่ยนเหมินด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เซียนเป่ยทั้งสามเผ่าร่วมมือกันโจมตีปิ้งโจวเพราะมีใจทะเยอทะยาน ในบรรดาเผ่าทั้งสาม เผ่าของเขาอ่อนแอที่สุด ดังนั้นทุกครั้งที่บุกตี เขาจึงกำชับแม่ทัพของเขาให้เก็บออมกำลังไว้ ไม่ต้องทุ่มกำลังเข้าตี แม้ว่าซูลี่จะมีกำลังกล้าแข็งที่สุดในฝั่งตะวันออก แต่ที่นั่นก็ยังมีชนเผ่าที่เฝ้าจะชิงอำนาจของเขาอยู่อีกสองชนเผ่า ไม่เหมือนกับเซียนเป่ยภาคกลางกับเซียนเป่ยตะวันตกที่กุมอำนาจไว้อย่างเบ็ดเสร็จ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved