เหยียนหลานเอนตัวพิงอกของลิโป้อย่างมีความสุขอยู่สักพัก จากนั้นจึงดิ้นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำพลางเอ่ยว่า "ท่านสามี รีบไปหาน้องหญิงทั้งสามเถอะเจ้าค่ะ"
หลังจากถูกเหยียนหลานดันหลังออกจากห้อง ลิโป้ก็เผชิญปัญหาอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือจะไปห้องใดก่อน? ทั้งเขายังไม่รู้ด้วยว่าแต่ละคนพักอยู่ห้องไหน
"งั้นเริ่มจากห้องทางซ้ายก่อนก็แล้วกัน" ลิโป้พึมพำ จากนั้นจึงเดินไปเคาะประตูห้องที่อยู่ทางซ้าย
เตียวเสี้ยนกำลังนั่งอยู่ที่ขอบเตียงด้วยความประหม่า แต่ในใจก็เกิดความคาดหวัง จากฉางอันจนถึงจิ้นหยาง ในที่สุดลิโป้ก็แต่งนางเข้าบ้าน เป็นช่วงเวลาที่นางรอคอยมานาน เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เตียวเสี้ยนก็พลันหน้าแดงโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อนึกถึงคำพูดของเหยียนหลานเคยกล่าวกับนางในวันนี้แล้ว แม้แต่ลำคอที่งามระหงก็ยังถูกเปลี่ยนเป็นสีแดง
เมื่อเปิดประตูออก ลิโป้ก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นเตียวเสี้ยน เขาก็ชะงักนิ่งไป คืนนี้ เตียวเสี้ยนยังคงแต่งกายด้วยชุดเดียวกับคืนวันแต่งงาน ภายใต้ท่าทางที่เต็มไปด้วยความเขินอาย เสน่ห์ของนางก็ถูกขับเน้นขึ้นอย่างเด่นชัด เสน่ห์ของเตียวเสี้ยนในยามนี้สามารถทำให้ผู้คนเกิดความหลงใหลไม่สิ้นสุด
"พี่ใหญ่ลิ" เตียวเสี้ยนกล่าวเสียงเบาราวกับกระซิบ
ลิโป้หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า "เสี้ยนเอ๋อร์ บัดนี้เจากลายเป็นภรรยาข้าแล้ว ยังเรียกข้าว่าพี่ใหญ่อีกหรือ?"
"ท่าน....ท่านพี่" หลังจากเตียวเสี้ยนพูดจบ นางก็หน้าแดงราวกับลูกตำลึงสุก
ลิโป้นิ่งตะลึง แม้ว่าเขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับเตียวเสี้ยนไม่มากนัก แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่เห็นเตียวเสี้ยนเขินอายถึงเพียงนี้ ดังนั้นจึงอดยื่นมือออกไปดึงเตียวเสี้ยนเข้าสู่อ้อมอกไม่ได้
เตียนเสี้ยนพึมพำเสียงเบา แต่ไม่ได้ปฏิเสธใด นางหลงรักกับอ้อมอกอันอบอุ่นมั่นคงนี้ เตียวเสี้ยนค่อยๆยกแขนขึ้นกอดเอวของลิโป้พลางซบหน้าลงบนอกของลิโป้
ลิโป้ที่เดิมทีต้องการจะแกล้งเตียวเสี้ยนเล่นพลันแข็งทื่อ กลิ่นหอมจรุงที่ลอยกระทบจมูกและร่างกายอันนุ่มนิ่มของหญิงสาววัยแรกแย้มคล้ายเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงที่คุโชนขึ้นในใจของเขา
เมื่อสัมผัสได้ถึงส่วนล่างที่แข็งขึ้นมาของลิโป้ เตียวเสี้ยนก็น่าแดงยิ่งกว่าเดิม แขนที่กอดเอวลิโป้เอาไว้จึงยิ่งรัดแน่นด้วยความเขินอาย ใบหน้าอันงามบัดนี้แทบจะร้อนลวกราวปลวเพลิงไปแล้ว
เตียวเสี้ยนถอนมือมายันอกลิโป้ไว้อย่างนุ่มนวลพลางเอ่ยขึ้นว่า "ท่านพี่ ดับเทียนก่อนค่ะ"
ลิโป้ยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ ข้าอยากจะมองดูเสี้ยนเอ๋อร์ตัวน้อยของข้าให้แจ่มชัด"
เตียวเสี้ยนรู้สึกถึงดวงตาอันเร่าร้อนที่ลิโป้มองมา นางจึงได้แต่หลับตาลง ขนตาอันงดงามสั่นระริกเบาๆ
ลิโป้รีบถอดชุดออกด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้นภายในห้องเกิดเสียงดังขึ้น เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่คนนอกไม่อาจร่วมแบ่งปัน
เมื่อฟ้าฝนคะนองสงบลง ลิโป้ก็มองเตียวเสี้ยนซึ่งยิ่งมายิ่งดูงดงามมีเสน่ห์ น้องชายของเขาลุกขึ้นตั้งอีกครั้ง ทว่าเตียวเสี้ยนกลับผลักเขาออกอย่างนุ่มนวลพลางกล่าวว่า "ท่านพี่ พี่สาวซัวเอี๋ยม และน้องสาวบิเจินเองก็ยังรอคอยท่านพี่อยู่นะเจ้าคะ"
ลิโป้ลูบแผ่นหลังอันเปลือยเปล่าของเตียวเสี้ยน สัมผัสได้ถึงผิวพรรณอันเรียบเนียนของนาง เขายิ้มกล่าวว่า "คืนนี้ข้าจะอยู่กับเสีย้นเอ๋อร์ตัวน้อยของข้า"
"ท่านพี่ เสี้ยนเอ๋อร์และพี่สาวน้องสาวทั้งสองแต่งงานกับท่านพี่พร้อมกัน ท่านพี่จะต้องไม่ทอดทิ้งผู้ใดไว้นะเจ้าคะ" เตียวเสี้ยนเอ่ยเตือนอย่างอ่อนโยน
ลิโป้นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลูบหลังเตียวเสี้ยนเบาๆพลางกล่าวว่า "ตกลง ข้าจะเชื่อฟังเสี้ยนเอ๋อร์ของข้า"
เตียวเสี้ยนพยายามลุกขึ้นยืน หากแต่ความเจ็บปวดจากท่อนล่างก็ทำให้นางขมวดคิ้วเบาๆ เมื่อพยายามลุกขึ้นสองครั้งแล้วไม่ได้ผล นางจึงได้เอนตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง
มองดูคราบเลือดที่อยู่บนเตียง ดวงตาของลิโป้ก็เป็นเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา
"ท่านพี่ยังมองดูอะไรอีก ทั้งหมดเป็นความผิดของท่าน หากว่าเสี้ยนเอ๋อร์ลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ จะต้องถูกพี่สาวซัวเอี๋ยมหยอกล้อเป็นแน่" เตียวเสี้ยนบ่นอย่างแง่งอน
"เสี้ยนเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปที่ห้องซัวเอี๋ยม และทำให้นางลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้เช่นเดียวกัน" ลิโป้กล่าวยิ้มๆ
ที่ทำให้ลิโป้ประหลาดใจก็คือ ซัวเอี๋ยมเองก็เป็นสาวบริสุทธิ์เช่นกัน หลังจากเขาลองเลียบเคียงถามดู เขาก็ได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ที่แท้ ตอนที่เว่ยจงเต้าแต่งงานกับซัวเอี๋ยม เขาก็ป่วยหนักอยู่ก่อนแล้ว ทุกวันเขาได้แต่ต้องกินยาไม่ได้ขาด ดังนั้นย่อมไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่น ลิโป้พลันนึกฉากที่เว่ยจงเต้าทำได้เพียงมองดูยอดหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้า หากทว่าไม่อาจแตะต้องได้ ช่างเป็นบุรุษที่น่าสงสารจริงๆ
เทียบกับเตียวเสี้ยนที่เขินอายแล้ว ซัวเอี๋ยมดูจะเป็นฝ่ายรุกมากกว่า แน่นอน ว่านี่เป็นเพียงความเห็นของลิโป้เท่านั้น ในบรรดาหญิงสาวทั้งสาม ซัวเอี๋ยมดูเป็นผู้ใหญ่มากที่สุด กลิ่นอายของนางดูเป็นหญิงสาวที่โตเต็มวัยแล้ว
สุดท้าย ลิโป้ก็นอนค้างที่ห้องนอนของบิเจิน
เมื่อตะวันโด่งฟ้า ลิโป้ก็ตื่นขึ้นมาด้วยความเกียจคร้าน เมื่อสัมผัสถึงความนุ่มนิ่มของร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขน ลิโป้ก็ดึงบิเจินเข้ามากอดเบาๆ
บิเจินที่กำลังนอนหลับสนิทอุทานขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าอันงดงามของนางเปลี่ยนเป็นแดงก่ำเมื่อมองไปยังทวนที่ตั้งตรงของลิโป้
"ท่านพี่ ไม่ ตอนนี้เช้าแล้ว"
"เช้าแล้วอย่างไร เจินเอ๋อร์อยู่ข้างบนก็แล้วกัน" มุมปากของลิโป้ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
บิเจินหน้าแดงฉาน "ท่านพี่ เจินเอ๋อร์จะอยู่ข้างบนได้อย่างไร?"
"แค่ข้าบอกว่าได้ก็ได้แล้ว" ลิโป้ยกตัวบิเจินขึ้นด้วยท่าทางวางอำนาจ
หลังจากสักพัก ภายในก็เกิดเสียงครวญครางขึ้นอีกครั้ง หญิงรับใช้ที่อยู่นอกห้องได้แต่ก้มหน้ามองพื้นด้วยใบหน้าขึ้นสี จากนั้นจึงรีบเดินหนีไป
"เป็นดั่งโบราณว่าไว้จริง วีรบุรุษไม่อาจฝ่าด่านสาวงาม" เมื่อนึกถึงฉากอันบ้าคลั่งและวาบหวามเมื่อคืน ลิโป้ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ บัดนี้เงาร่างอรชรทั้งสามได้สลักฝังลึกอยู่ในใจของเขาแล้วเรียบร้อย
ลิโป้ส่ายหน้าเบาๆ หลังแต่งตัวแล้วก็มุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมือง
ทางด้านหม่าอวี้ หลังจากได้เมื่อวานได้เข้าพบกับลิโป้แล้ว เขากลับไม่ได้เดินทางกลับ แต่เลือกที่จะเดินท่องเที่ยวภายในเมือง แน่นอนว่าเขาย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงของสุราจิ้นมาก่อน หลังจากสอบถามทางแล้ว เขาก็มายังเหลาอาหารที่ใหญ่ที่สุดภายในเมือง เหลาซื่อฟาง
เหลาอาหารแห่งนี้เป็นกิจการที่เปิดโดยตระกูลบิหลังจากย้ายเข้ามาอยู่ที่เมืองจิ้นหยาง ด้วยการสนับสนุนจากจวนเจ้าเมือง กิจการแห่งนี้จึงเฟื่องฟูขึ้นมา บิต๊กมีประสบการณ์ในการประกอบการค้ามานานหลายปี ดังนั้นเหลาซื่อฟางจึงเติบโตขึ้นและกลายเป็นเหลาอาหารชั้นนำของจิ้นหยางอย่างรวดเร็ว
กล่าวได้ว่าลูกค้าที่มาใช้บริการเหลาอาหารแห่งนี้ล้วนแต่เป็นผู้มีชื่อเสียง ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะรู้สึกดูแคลนตระกูลบิมาก่อน แต่หลังจากที่ลิโป้แต่งงานกับน้องสาวของบิต๊ก ฐานะของตระกูลบิในปิ้งโจวก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนตระกูลบิอีก
หม่าอวี้ย่อมไม่ทราบเบื้องหลังของเหลาอาหารซื่อฟาง นอกจากนั้น โดยปกติแล้วร้านค้าต่างๆยังไม่จำเป็นต้องมีพื้นหลังใด ขอเพียงเป็นพ่อค้าที่ทำธุรกิจ พวกเขาย่อมได้รับการคุ้มครองจากจวนเจ้าเมืองโดยปริยาย มิเช่นนั้น ต่อให้เป็นตระกูลบิก็จะต้องได้รับโทษหากฝ่าฝืนกฏของจวนเจ้าเมือง ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ บรรดาพ่อค้าย่อมเต็มใจจ่ายภาษี
แหล่งทรัพยากรหลักของปิ้งโจวนั้นคือ การค้า ด้วยการขยายกองทัพ จำนวนผู้ที่ได้รับการงดเว้นภาษีจึงยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นภาษีจากชาวบ้านทั่วไปจึงไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูกองทัพได้ อย่างไรก็ดี ภาษีจากเหล่าพ่อค้านั้นกลับเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล เมื่อผู้คนมีฐานะดีขึ้น พวกเขาก็จะจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น แม้แต่พวกพ่อค้าต่างถิ่นเองก็ใช้จ่ายอย่างมือเติบ
เพียงรายได้ที่มาจากการให้เช่าพื้นที่ค้าขายก็นับเป็นเม็ดเงินอันมหาศาลแล้ว
"นำเหล้ามา" หม่าอวี้พาพวกองค์รักษ์เดินเข้าไปในเหลาพลางตะโกนขึ้น
มีเสี่ยวเอ้อร์ของร้านเดินมากล่าวทักทาย "นายท่าน อาหารในเหลาของเราจะต้องทำให้ท่านพึงพอใจอย่างแน่นอนขอรับ"
"ในเหลามีสุราจิ้นหรือไม่?" หม่าอวี้ถาม
"มองเพียงปราดเดียวก็ทราบได้ว่านายท่านมาจากเมืองอื่น ภายในจิ้นหยางแห่งนี้นั้น ร้านอาหารทุกร้านล้วนมีสุราจิ้น อีกทั้งราคายังเท่ากันหมดขอรับ"
"ดี นำมาไหนึงก่อน" หม่าอวี้กล่าวอย่างขุ่นข้องรำคาญ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved