อ้วนเสี้ยวเมื่อทราบข่าวความสำเร็จก็เบิกบานใจ เขาสั่งจัดเตรียมไพร่พลสามหมื่นเพื่อส่งไปยังอิวจิ๋ว เขากระทั่งออกคำสั่งให้งันเหลียงที่เพิ่งไปอำนวยความสะดวกทัพปิ้งโจว ให้เป็นทัพหน้า นำทหารม้าจำนวนสามพันบุกไปก่อน
..............................
ระยะหลังมานี้กองซุนจ้านมีสภาพทุลักทุเลยิ่ง
หลังจากเล่าหงีถูกสังหาร ไพร่พลที่จงรักภักดีต่อเล่าหงีและอ๋องแห่งชนเผ่าอูหวนเป๊กตุ้นได้แต่งตั้งเหยียนโร่วให้เป็นผู้บัญชาการทัพอูหวนซึ่งรวมกำลังกันได้สามหมื่นกว่าก็เปิดศึกกับกองซุนจ้าน เหยียนโร่วนั้นมากเล่ห์เพทุบาย ดังนั้นกองซุนจ้านจึงไม่อาจมีเปรียบได้ในช่วงระยะหนึ่ง
เป๊กตุ้นเดิมเป็นบุตรเขยของอ๋องแห่งอูหวนชิวลี่จู หลังจากชิงลี่จูตาย บุตรชายของเขาโหลวปานยังเด็กเกินไป กอปรเป๊กตุ้นนั้นค่อนข้างกล้าหาญและมีปัญญา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฉานอวี๋ เขาได้รับการสนับสนุนจากชาวอูหวนสามเมืองอันได้แก่ ปักเป๋ง ยีหยง และซ่างกู่ ทำให้ชนเผ่าทั้งหมดเชื่อฟังคำสั่ง
เหยียนโร่วนำทัพทำศึกกับโจวตาน แม่ทัพของกองทัพกองซุนจ้านและเอาชนะมาได้ เขาสังหารและตัดหัวของทหารไปสี่พันกว่าคน รวมถึงโจวตานด้วย ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังในอิวจิ๋ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กองซุนจ้านสังหารเล่าหงี เขาก็มีแม่ทัพและไพร่พลไม่น้อย ภายในอิจิ๋วนั้นมีผู้ที่สนับสนุนกองซุนจ้านอยู่ไม่น้อยเลย หลังจากสั่งกะเกณฑ์กำลัง เขาก็มีไพร่พลใต้บัญชาห้าหมื่นกว่าคน
เหยียนโร่วทราบว่าหากปะทะโดยตรงก็คงยากจะเอาชนะกองซุนจ้านได้ ดังนั้นจึงต้องหากำลังจากภายนอกเข้ามาช่วย ลิโป้แห่งปิ้งโจวย่อมตัดทิ้งทันที ลิโป้และกองซุนจ้านมีความสัมพันธ์อันดี และทั่วทั้งแผ่นดินก็ทราบว่าเขาจะไม่กระโจนเข้ามาร่วมวงในอิวจิ๋วเวลานี้อย่างแน่นอน ดังนั้นเหยียนโร่วจึงเบนสายตาไปหากิจิ๋ว
อ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋วเคยมีสัมพันธ์อันดีกับเล่าหงีมาก่อน เขากระทั่งยังสนับสนุนให้เล่าหงีขึ้นเป็นฮ่องเต้ อีกทั้งกิจิ๋วยังมีไพร่พลมากมาย หากอีกฝ่ายยื่นมือเข้าช่วย เขาจะต้องเอาชนะกองซุนจ้านได้แน่
ในความขัดแย้งก่อนหน้านี้ระหว่างอ้วนเสี้ยวและกองซุนจ้าน กองซุนจ้านประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของทัพกิจิ๋ว
อ้วนเสี้ยวที่กำลังคิดจะส่งกองทัพเข้าไปในอิวจิ๋วพลันหัวเราะร่าเมื่อได้รับจหมายขอความช่วยเหลือจากเหยียนโร่ว หลังจากเรียกรรวมเหล่าที่ปรึกษาเพื่อหารือกันแล้ว เขาตัดสินใจส่งกองทัพไปยังอิวจิ๋ว
"นายท่านส่งทัพเข้าไปในอิวจิ๋วเช่นนี้ แม้ว่าจะได้รับคำร้องขอจากเหยียนโร่ว แต่นี่ก็ดูไม่เหมาะสมสักเท่าใด แม้ว่าเล่าหงีจะตายไปแล้ว เขาก็ยังมีบุตรชาย คือ เล่าโห จะเป็นการดีสำหรับกิจิ๋วมากกว่าหากชูธงสนับสนุนให้เล่าโหขึ้นเป็นผู้ปกครองอิวจิ๋ว เมื่อเป็นเช่นนี้ทั้งแผ่นดินก็จะไม่มีผู้ใดกล่าวตำหนิเอาได้" ฮองกี๋เสนอแนะ
อ้วนเสี้ยวพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย หากไม่มีความชอบธรรมก็จะถูกผู้คนติฉินนินทาเอาได้ หลังจากครอบครองความชอบธรรมได้แล้ว สิ่งต่างๆก็จะสะดวกดายขึ้นมาก ยังมีขุนนางอีกไม่น้อยที่ยังคงจงรักภักดีต่อเล่าหงี นี่จะทำให้พวกเขายอมรับได้โดยง่าย สำหรับอำนาจสั่งการในอิวจิ๋วนั้นย่อมไม่ตกไปถึงมือเล่าโหอยู่แล้ว
เตียนห้องไม่ได้คัดค้าน สำหรับเรื่องผลการเจรจาระหว่างเขาฮิวและเตียวเอี๋ยนนั้น ต่อให้หลับตาก็เดาก็ทราบได้ เตียนห้องให้ความสนใจต่อการส่งกองทัพเข้าไปในอิวจิ๋วมากขึ้น กองซุนจ้านโจมตีเล่าหงี ถือว่ามีความผิดร้ายแรง เล่าหงีเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น ทั้งยังเป็นผู้ที่มีโอกาสได้ขึ้นเป็นฮอ่งเต้มากที่สุด ดังนั้นการส่งกองทัพไปยังอิวิจ๋วเพื่อปราบกองซุนจ้านครั้งนี้จะสามารถเพิ่มชื่อเสียงในด้านให้กับกิจิ๋ว
ข่าวเรื่องที่กองทัพกิจิ๋วเคลื่อนกำลังเข้าสู่อิวจิ๋วได้ล่วงรู้มาถึงหูของกองซุนจ้าน ทำให้กองซุนจ้านบังเกิดความวิตกขึ้นมา ที่เขากลัวที่สุดก็คือกลัวว่ากองทัพกิจิ๋วจะสอดมือเข้ามาในช่วงสำคัญเช่นนี้เอง เขาเคยมีความบาดหมางกับอ้วนเสี้ยวมาก่อน สงครามในอิวิจ๋วนั้นกำลังดำเนินมาถึงช่วงสำคัญ ที่เขาต้องการก็คือเวลาอีกเล็กน้อยเท่านั้น ตอนที่กองทัพภูเขาดำยกพลเข้าตีกิจิ๋ว กองซุนจ้านที่ได้ข่าวก็รู้สึกโล่งใจมาก ความแข็งแกร่งของกองทัพภูเขาดำนั้นเป็นที่เลื่องลือ และเตียวเอี๋ยนที่เป็นผู้นำก็อ้างว่าตนมีไพร่พลสามแสนกว่าคนอยู่ใต้บัญชา ดังนั้นการรับมือกับกองทัพของเขาย่อมไม่ง่ายแน่นอน
กองซุนจ้านทราบได้ทันทีว่าอ้วนเสี้ยวคงมีข้อตกลงบางอย่างกับเตียวเอี๋ยน เขาจึงกล้าส่งทัพกิจิ๋วเข้ามาในอิวจิ๋วเช่นนี้ ดังนั้นกองซุนจ้านจึงได้ส่งเถียนยู่ไปที่ภูเขาดำเพื่อโน้มน้าวให้เตียวเอี๋ยนเคลื่อนทัพบุกโจมตีกิจิ๋ว
ในเวลานี้ กำลังหลักของกองซุนจ้านล้วนถูกส่งออกไปทำศึกกับเหยียนโร่ว ดังนั้นในมือของเขาตอนนี้จึงเหลือกำลังทหารอยู่ไม่มาก กองกำลังม้าขาวเองก็เป็นกำลังสำคัญและจะไม่เคลื่อนพลโดยไม่ได้รับอนุญาต ดีที่เต๊งไก๋และจูล่งซึ่งนำกำลังไปช่วยเหลือยังชีจิ๋วได้กลับมาแล้ว เต๊งไก๋เป็นแม่ทัพคนแรกที่ติดตามกองซุนจ้าน ไม่ว่าจะความสามารถในการบัญชาทัพหรือฝีมือส่วนตัวก็ล้วนดีหมด ดังนั้นกองซุนจ้านจึงแต่งตั้งให้เต๊งไก๋เป็นแม่ทัพใหญ่ และให้จูล่งเป็นรองแม่ทัพ นำกองกำลังม้าขาวจำนวนหนึ่งพัน และทหารราบจำนวนสามพันไปต้านทัพของงันเหลียง
งันเหลียงเข้าสู่เขตแดนของอิวจิ๋วด้วยความคับข้องใจ เขากำลังหาโอกาสกู้หน้าที่พ่ายแพ้ต่อลิโป้ หลังจากพ่ายแพ้ครั้งนี้ เขารู้สึกว่าบารมีของเขาลดลง ดังนั้นจึงต้องการกอบกู้หน้าตาโดยด่วน
ในฐานะแม่ทัพเจนศึก งันเหลียงย่อมเข้าใจหลักชิงเป็นฝ่ายชนะ เขาเป็นทัพหน้าของกิจิ๋ว ทหารใต้บัญชาทั้งหมดล้วนแต่เป็นทหารม้า สามารถเคลื่อนกำลังได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพอิวจิ๋ว ต่อให้ไม่อาจเอาชนะ แต่ก็ไม่ยากที่จะถอนตัวออกจากสนามรบ ในระหว่างทาง หน่วยสอดแนมของกิจิ๋วถูกส่งออกไปรวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมไว้รายงานต่อทัพใหญ่
ไม่ช้า งันเหลียงก็ได้ทราบข่าวการเคลื่อนทัพของเต๊งไก๋และจูล่ง เขาพลันตื่นเต้นยินดี ดูเหมือนสวรรค์จะได้ยินคำวิงวอนของเขา จึงมอบโอกาสออกศึกมาให้
ด้วยทหารม้าจำนวนสามพันที่อยู่ในมือ งันเหลียงก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะทหารม้าจำนวนหนึ่งพันและทหารราบจำนวนสามพันของอีกฝ่ายได้ ในการเผชิญหน้ากับทัพม้า ทหารราบแทบจะมีเพียงชะตาเดียว นั่นก็คือ ถูกล้างสังหาร เมื่อเข้าปะทะกันแล้วก็คงสายเกินกว่าที่ทหารราบจะถอนตัวจากไปได้ ทัพม้าที่เขาพามามีความแข็งแกร่งเพียงใด มีหรือที่เขาจะไม่ทราบ?
เพียงแต่งันเหลียงยังคงกริ่งเกรงต่อทหารม้าขาวอยู่บ้าง ตัวเขาเคยได้ประจักษ์พลังต่อสู้ของทหารม้าทัพนี้มาแล้ว และภายใต้เงื้อมมือของกองกำลังม้าขาว ทัพกิจิ๋วต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก
หากแต่ในครั้งนี้ กองทัพกิจิ๋วเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ตระเตรียมใช้ทหารม้าจำนวนสามพันจัดการกองกำลังม้าขาว งันเหลียงมั่นใจว่าจะสามารถทำให้กองกำลังม้าขาวกลุ่มนี้ทิ้งชีวิตไว้ในสมรภูมิได้ สำหรับทหารม้าขาวที่เหลือใต้บัญชาของกองซุนจ้านนั้น ขอเพียงทัพใหญ่กิจิ๋วยกกำลังมาถึง กองซุนจ้านก็จะได้ทราบว่ากองกำลังม้าขาวของเขาไม่ได้ไร้เทียมทานดังที่เขาคิด และทัพม้าเฟยฉีก็เช่นกัน สิ่งนี้คือความลับสุดยอดของกองทัพกิจิ๋ว
จูล่งหรี่ตามองดูทหารม้าของข้าศึก พิจารณาจากจำนวนแล้ว ทัพกิจิ๋วเป็นฝ่ายได้เปรียบ อย่างไรก็ตาม หากได้เผชิญหน้ากับทัพม้าชั้นยอดอย่างทหารม้าขาว ความแตกต่างด้านจำนวนนี้ก็สามารถกลบลบช่องว่างได้ด้วยฝีมืออันกล้าแข็ง สำหรับการปะทะกันด้วยทหารม้านั้น จูล่งไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย
สิ่งที่จูล่งต้องทำมีเพียงแค่ทำลายทัพม้าของกิจิ๋วลง ให้พวกกิจิ๋วได้ทราบว่าพวกเขาไม่อาจดูแคลนทัพอิวจิ๋ว อิวจิ๋วยามนี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว หากทัพกิจิ๋วยังบุกเข้ามาได้อีกก็จะยิ่งมีชาวบ้านต้องเดือดร้อนจากไฟสงครามเพิ่มมากขึ้น
แม้ว่าจูล่งจะไม่พอใจกองซุนจ้าน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอ้าแขนออกต้อนรับการมาถึงของกองทัพกิจิ๋ว
งันเหลียงเมื่อเห็นว่าแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงชายหนุ่มผู้หนึ่งก้เกิดความคิดดูแคลน เขาเพิ่งพ่ายแพ้ต่อชายหนุ่มเช่นลิโป้มาย่อม ความคับข้องใจในอกย่อมเป็นที่คาดคำนวณได้ แม่ทัพหนุ่มที่เบื้องหน้าจึงเหมาะจะเป็นเป้าระบายแค้นให้กับเขามาก ขอเพียงสังหารแม่ทัพของอิวจิ๋วผู้นี้ลง ในอนาคต ยามพบปะกับบรรดาแม่ทัพกิจิ๋ว เขาก็จะสามารถเชิดหน้าชูตาได้
เมื่อพบพานศัตรู งันเหลียงก็ไม่คิดเปลืองวาจาจะเอ่ยทักทาย เขากระชับง้าวในมือ นำทหารม้าสามพันโถมพุ่งออกไป สนามรบบังเกิดฝุ่นผงลอยตลบ
จูล่งกระชับหอกสีเงินในมือแน่น เท้ากระตุ้นอาชาขาวใต้ร่างเบาๆ อาชาขาวนั้นก็คล้ายเข้าใจ มันส่งเสียงร้องก่อนจะพุ่งโจนทะยานออกไป ที่ด้านหลังของเขามีทหารม้าขาวหนึ่งพันคนติดตามไปโดยกระชั้นชิด สำหรับทหารจำนวนสามพันของเต๊งไก๋นั้นก้ค่อยรุกคืบไปทีละก้าว ขอเพียงขบวนทัพมั่นคงไม่สับสน พวกเขาก็สามารถขู่ขวัญให้ทหารม้าของงันเหลียงไม่กล้าผลีผลามลงมือได้
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved