ตอนที่ 216 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ผ่านไปเพียงสิบห้านาที เหล่าแม่ทัพทหารม้าของหยิ่นสงก็อยากจะหลบหนีออกไปจากที่นี่ ในสนามรบนี้ พวกเขามองไม่เห็นโอกาสที่จะชนะได้เลย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงลิโป้และเตียนอุยที่กำลังเข่นฆ่าอยู่กลางสนามรบ แม้แต่ทหารม้าเฟยฉีทั่วไปก็สามารถรับมือกับพวกเขาได้แล้ว หากการสู้รบยังดำเนินต่อไป เกรงว่าไม่ถึงชั่วโมง ทหารม้าของเมืองซ่างกู่คงถูกสังหารจนสิ้น

เมื่อหยิ่นสงมองดูจากทางด้านหลัง เขาก็เห็นว่าแม้ทหารของเขาจะร่วงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว กระนั้นก็ยังสามารถพัวพันทหารม้าเฟยฉีไว้ได้สำเร็จ หยิ่นสงรีบสั่งให้ทหารราบบุกโจมตี เสียงกลองศึกดังกระหึ่มทั่วฟ้า

ทหารใหม่ของทัพปิ้งโจวก็เริ่มออกรบเช่นกัน หลายคนเพิ่งมีประสบการณ์ลงสนามรบเป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงเกิดความประหม่าอยู่บ้าง มือที่จับอาวุธของพวกเขาสั่นเทาเล็กน้อย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสนามรบจริง หาใช่สนามฝึกซ้อมไม่

ผู้บัญชาการทหารนายหนึ่งของทัพปิ้งโจวพลันตะโกนขึ้นว่า "ยามฝึกพวกเจ้าปฏิบัติอย่างไรก็ปฏิบัติเช่นนั้นให้กับบิดา! เอาแต่ตัวสั่นกันอยู่แบบนี้แล้วจะไปฆ่าศัตรูได้อย่างไร? ทหารอีกฝ่ายก็เป็นแค่หมูหมากาไก่เหมือนกับพวกเจ้า พวกเจ้ายังอยากจะเป็นทหารชั้นยอด ยังอยากจะเป็นทหารม้าที่ไร้เทียมทานอยู่หรือไม่?!"

ผู้บัญชาการทหารยังคงตะโกนด่าเหมือนยามฝึกซ้อม ทหารบางคนเริ่มสงบจิตใจลงได้ หลายคนหันมองไปยังเหล่าทหารรุ่นพี่ที่เคยเข้าร่วมสงครามมาก่อน พวกเขาก็เพียงแค่ต้องทำเหมือนกับตอนฝึก เพียงปฏิบัติตามขั้นตอนไปทีละขั้น

เลือดทำให้พวกเขาสงบจิตใจลงได้โดยไว ขอเพียงได้เห็นสังหารศัตรูสักครั้ง พวกเขาก็จะไม่ตัวสั่นด้วยความกลัวอีกต่อไป ตรงกันข้าม พวกเขาจะสามารถสังหารศัตรูได้ด้วยความคิดที่ไม่ต่างจากตอนที่ฝึก พลทำตามคำสั่งของนายหมู่อย่างเป็นระเบียบ เมื่อเห็นศัตรูล้มลงคนแล้วคนเล่า นอกจากความรู้สึกหน่วงอยู่ในอกเล็กน้อยแล้ว พวกเขาก็เกิดความตื่นเต้นขึ้นมา

ขณะเดียวกันสนามรบก็ยังเป็นสถานที่ที่ใช้กำจัดทหารได้ดีที่สุด ที่แห่งนี้จะไม่อ่อนโยนเพียงเพราะเจ้ากลัว และจะไม่เมตตาเพียงเพราะเจ้าขี้ขลาด ที่นี่ก็คือสถานที่ที่ใช้ทดสอบความกล้าของทหาร

ทหารใหม่ปิ้งโจวนายหนึ่งแทงหอกเสียบทะลวงอกของข้าศึก จากนั้นเขาก็เกิดความสับสน ในใจอดบังเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างเสียมิได้ ที่นี่คือสนามรบ คือสนามรบจริงๆ!

ขณะที่เขากำลังนิ่งอึ้ง ศัตรูคนหนึ่งก็แทงหอกยาวใส่เขา เขาสามารถมองเห็นสีหน้าเย้ยหยันของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน อีกฝ่ายดูราวกับจะหัวเราะให้กับความขี้ขลาดของเขา ในวินาทีที่เขาคิดว่าตนเองกำลังจะตาย เขาก็พลันนึกถึงขั้นตอนที่เคยฝึกฝนมา ขั้นตอนนั้นปรากฏขึ้นในจิตใจของเขาอย่างเด่นชัด แต่การเสียเลือดมากก็ทำให้เขาล้มลงอย่างอ่อนแรง

สงครามก็คือสถานที่ที่จะกำจัดทหารหน้าใหม่ทิ้งไป หลังจากผ่านสงครามสักครั้งแล้ว ทหารใหม่ที่ไม่รู้อะไรเลยก็เติบโตขึ้นกลายเป็นทหารเจนศึก เติบโตและเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม และเพราะจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น พวกเขาก็จะไม่ลังเลที่จะเรียกเลือดจากศัตรู

ทหารม้าเฟยฉีเข่นฆ่าสังหารไปทั่วสนามรบและบอกต่อหยิ่นสงว่าทหารม้าชั้นยอดนั้นเป็นอย่างไรด้วยอาวุธในมือของพวกเขา ตอนที่ลิโป้และเตียนอุยนำทหารม้าเฟยฉีเจาะทะลวงเข้าไปในกระบวนทัพของทหารม้าของเมืองซ่างกู่ ทหารม้าเหล่านี้ก็ใกล้จะแตกพ่ายเต็มที การสูญเสียกำลังคนอย่างหนักและไร้หนทางจะต่อกรทำให้พวกเขาหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ ความภาคภูมิใจยามเผชิญหน้ากับทหารราบของพวกเขาสลายหายไปจนสิ้น ตอนนี้พวกเขารับทราบแล้วว่า สิ่งที่เรียกว่าทหารม้าชั้นยอดนั้นเป็นอย่างไร เมื่อเผชิญหน้ากับทหารม้าเฟยฉี พวกเขาก็คล้ายกลายเป็นเพียงทหารราบที่ต้องหลบหนีทันทียามพบเจอทหารม้า

"ฆ่า!" ลิโป้ชักบังเหียนม้าเปลี่ยนทิศก่อนจะตะโกนออกมา เขายกทวนโถมเข้าหาทหารม้าของหยิ่นสงอีกครั้ง คมทวนสะท้อนประกายเย็นเยียบยามแสงอาทิตย์ส่องต้องลงมา เป็นประกายแสงที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าจ้องมองโดยตรง

เสียงกลองศึกพลันเปลี่ยนเป็นกระชั้นเร่งเร้า เมื่อได้ยินจังหวะกลองนี้ ทหารปิ้งโจวก็ได้แต่เร่งจังหวะการโจมตีให้เร็วขึ้น

ทหารม้าที่เหลือของหยิ่นสงพากันชักม้าหลบหนีก่อนที่ลิโป้และเตียนอุยจะเข่นฆ่ากลับมาเสียอีก พวกเขาเป็นทหารม้า ดังนั้นความสามารถในการหลบหนีจึงเข้มแข็งเป็นธรรมดา เผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่มีหนทางเอาชนะอย่างทหารม้าเฟยฉี พวกเขาก็เลือกที่จะหลบหนี กระทั่งเหล่าแม่ทัพนายกองทหารม้าหลายคนเองก็เริ่มควบม้าหลบหนีไปแล้วเช่นกัน สำหรับคำสั่งของหยิ่นสงนั้น คนก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คำสั่งของเขาย่อมไม่มีผลอีก ถึงอย่างไรฝ่ายศัตรูก็เป็นทหารชาวฮั่นเหมือนกัน ไม่ใช่ทหารม้าที่ชั่วร้ายอย่างเซียนเป่ยเสียหน่อย ไม่จำเป็นจะต้องสู้จนตัวตาย บางทีหลังจากที่ลิโป้ยึดครองซ่างกู่ได้แล้ว พวกเขาก็จะกลับมาสวามิภักดิ์ต่อทัพปิ้งโจว

มีทหารจำนวนไม่น้อยในกองทัพของหยิ่นสงที่มีความคิดเฉกเช่นเดียวกันนี้ หากว่าศัตรูเป็นชาวเซียนเป่ย พวกเขาก็คงได้แต่กัดฟันสู้ตาย เพราะถึงอย่างไรชาวเซียนเป่ยก็จะฆ่าชาวฮั่นโดยไม่ละเว้นอยู่แล้ว สองชนชาติดำเนินมาจนถึงจุดที่ต่างฝ่ายต่างเคียดแค้นเข้ากระดูกดำ ทว่าศัตรูที่เบื้องหน้านี้คือทัพปิ้งโจว เป็นทหารชาวฮั่นเหมือนกัน ดังนั้นหลังจากยอมแพ้ไปแล้วคงไม่ได้รับการปฏิบัติที่ย่ำแย่เกินไปนัก

ทหารม้าต่างหลบหนี จิตใจของหยิ่นสงพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา ด้วยการหลบหนีของพวกทหารม้า ความได้เปรียบในสนามรบจึงเอนเอียงไปทางทัพปิ้งโจวทันที ในการต่อสู้ระหว่างทหารราบนั้น ทัพปิ้งโจวแม้จะเสียเปรียบในด้านจำนวน แต่พวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ทำให้ยากจะจัดการได้ในเวลาอันสั้น จากสีหน้าและแววตาของทหารทัพปิ้งโจว หยิ่นสงก็พบว่าพวกเขามองเห็นความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ จากการต่อสู้ของพวกเขา หยิ่นสงมองไม่เห็นความหวาดกลัวใดๆ บงคนแม้กระทั่งก่อนตายก็ยังลากศัตรูอีกหลายคนให้ตกตายร่วมกัน หากยังสู้รบกันต่อไป หากทหารของเขาจะพ่ายแพ้จนย่อยยับก็คงไม่แปลก

ตอนนี้เอง หยิ่นสงพลันเข้าใจแล้วว่าทำไมตันเทียนจึงไม่เต็มใจจะผนึกกำลังกับเขาในการทำศึกกับทัพปิ้งโจว ความเกรียงไกรของทัพปิ้งโจวไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถกลบลบได้ด้วยจำนวนที่มากกว่า โดยเฉพาะทหารม้าของพวกเขา นั่นเปรียบดั่งกับการนำเด็กทารกไปต่อยตีกับผู้ใหญ่ ไร้หนทางสู้โดยสิ้นเชิง ความสามารถในการรบของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันหลายช่วงชั้นใหญ่

เมื่อเห็นทหารม้าฝ่ายศัตรูหลบหนีจากไปแล้ว ลิโป้ก็ไม่ได้ไล่ตามไป ถึงอย่างไรนี่ก็คือทหารของเมืองซ่างกู่ ต่อให้หนีไปตอนนี้ พวกเขาก็ยังคงต้องกลับมาอยู่ดี ดังนั้นจึงจะเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้พวกทหารที่กำลังเสียขวัญเหล่านั้นหนีไปแพร่กระจายความน่าเกรงขามของทัพปิ้งโจว

ม้าศึกส่งเสียงร้อง การจู่โจมของทหารม้าเฟยฉีทำให้ทหารราบของหยิ่นสงหมดหนทางสู้อย่างสิ้นเชิง ทหารราบเผชิญหน้ากับทหารม้า ชะตาที่รออยู่มีเพียงความย่อยยับ แม่ทัพหลายคนซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทหารและออกคำสั่งให้ไพร่พลเดินหน้า ตรงกันข้ามกับทัพปิ้งโจว นายทหารระดับสูงมักจะยืนอยู่แถวหน้าสุด คอยนำทหารออกไปสู้รบ จากสภาพการณ์จะเห็นได้ว่าทหารของเมืองซ่างกู่นั้นแทบจะหมดกะจิตกะใจจะรบต่อแล้ว

ทหารม้าเฟยฉีเจาะทะลวงเข้าไปใจกลางทัพของทัพกลาง ลิโป้และเตียนอุยที่ควบม้านำอยู่ด้านหน้านั้นดูโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ ธงรูปเหยี่ยวที่โบกสะบัดอย่างรุนแรงนั้นคล้ายกับกำลังประกาศศักดาอย่างเต็มที่

เมื่อแม่ทัพนายหนึ่งเห็นลิโป้ควบม้าเข้ามา เขาก็รีบร้อนหลบหนี เมื่อเห็นแม่ทัพยังเป็นเช่นนั้น ทหารใต้บัญชาของเขาจึงพากันวิ่งหนีไป เมื่อมีตัวอย่างให้เห็น ทหารหน่วยอื่นๆก็พากันหลบหนีทันทีที่เห็นธงรูปเหยี่ยวบิน การหลบหนีคล้ายกับเชื้อที่แพร่ลุกลาม ไม่ช้ากระบวนทัพก็พังทลายลงโดยสิ้นเชิง

"ฆ่า!" เมื่อมองเห็นโอกาส ลิโป้ก็ตวาด นำทหารม้าเฟยฉีเข่นฆ่าเข้าสู่ทัพกลาง จากสถานการณ์ในตอนนี้ ขอเพียงฟันธงทัพกลางลงได้ กองทัพของหยิ่นสงก็จะแตกพ่ายโดยสมบูรณ์

หยิ่นสงใจหายวาบ แม้เขาจะมั่นใจในฝีมือของตนเอง แต่เขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับทหารของอีกฝ่าย ความกล้าหาญของทหารม้าเฟยฉีทำให้ทหารราบของหยิ่งสงต่างก็ต้องการจะหลบหนี ในสงครามเช่นนี้ ไม่ว่าแม่ทัพจะมีฝีมือส่วนตัวสูงส่งเพียงใด สิ่งที่รออยู่ก็มีเพียงความพ่ายแพ้เท่านั้น อีกอย่าง บัดนี้กองทัพของเขาก็พ่ายแพ้ลงเรียบร้อยแล้ว หากยังฝืนสู้ต่อ ในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ทหารของเขาคงจะถูกฆ่าตายจนเกือบหมดสิ้น และถึงตอนนั้นเขาก็จะไม่มีโอกาสให้หลบหนีแล้ว