หลังจากที่ไพร่พลของทั้งสองฝ่ายมาถึงสนามรบแล้ว เตียนอุยที่ถือทวนคู่อยู่ในมือก็กระตุ้นม้าออกไปด้านหน้าพลางตะโกนขึ้นว่า "ข้าเตียนอุย แม่ทัพของทัพปิ้งโจว มีผู้ใดกล้าออกมาต่อสู้หรือไม่?"
การประลองระหว่างแม่ทัพก่อนการศึกนั้นสามารถเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างมหาศาล ความเก่งกล้าสามารถของแม่ทัพจะส่งผลต่อไพร่พลที่เบื้องล่างได้อย่างมาก
เห็นดังนั้น หยิ่นสงก็ปรายตามองเหล่าแม่ทัพนายกองที่อยู่ด้านข้าง
"ข้าน้อยขออาสา! ข้าน้อยจะออกไปตัดหัวเตียนอุยผู้นี้เอง!" แม่ทัพนายหนึ่งกระตุ้นม้าโถมเข้าหาเตียนอุย
หยิ่นสงผงกศีรษะเบาๆ เงียมจู้เป็นหนึ่งในแม่ทัพที่เก่งกาจที่สุดของเขา มือทหารเซียนเป่ยจำนวนไม่น้อยที่ตายภายใต้เงื้อมมือของเขา
"มา ออกมาแล้วแจ้งชื่อแซ่ด้วย ข้าไม่ฆ่าคนไร้หัวนอนปลายเท้า!" เตียนอุยตะโกนเสียงดัง
"ข้าคือ เงียมจู้ แม่ทัพของเมืองซ่างกู่ เตียนอุย มารับความตายซะ!" เงยมจู้ตวาด เขากระชับหอกในมือเข่นฆ่าเข้าหาเตียนอุย
อาวุธของเตียนอุยนั้นน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง ผุ้ใดก็ตามที่สามารถใช้ทวนคู่ได้เช่นนี้จะต้องมีกำลังวังชาอันน่ามหัศจรรย์
อย่างไรก็ตาม เงียมจู้เองก็มีความมั่นใจว่าจะชนะเตียนอุยได้ ในการประลองนั้น แม้ว่าพละกำลังจะสามารถสร้างความได้เปรียบ แต่ความละเอียดอ่อนของฝีมือต่างหากจึงจะเป็นตัวตัดสินผลแพ้ชนะ ความแม่นยำของเขาได้พัฒนาขึ้นจากการทำศึกกับพวกเซียนเป่ย แม้ว่าการลงมือของเขาจะยังไม่ถึงขั้นวสมบูรณ์ไร้ตำหนิ กระนั้นก็ยังมีประสิทธิภาพสูงยิ่ง มีพวกเซียนเป่ยจำนวนไม่น้อยที่ตายใต้คมหอกของเขา
เมื่อเห็นว่าเงียมจู้ควบม้าพุ่งเข้าใส่ หลังจากเตียนอุยบิดคอเล็กน้อย เขาออกแรงกระตุ้นท้องม้าเบาๆ ม้าศึกที่ใต้ร่างของเขาก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรู้งาน
ม้าศึกที่เตียนอุยขี่นั้นดีกว่าม้าศึกของเงียมจู้มาก และความเร็วของฝีเท้าย่อมเหนือกว่าเป็นธรรมดา
ระยะห่างระหว่างสองฝ่ายลดลงอย่างรวดเร็ว เงียมจู้แทงหอกในมือออก ในใจตื่นเต้นยินดี ดูจากท่าทางของเตียนอุยแล้ว อีกฝ่ายคงไม่ได้ทรงพลังดังที่คาด
เตียนอุยตวัดทวนในมือซ้ายออกไปเบาๆ ปัดป้องหอกที่พุ่งเข้ามาของเงียมจู้ จากนั้นจึงสะบัดทวนในมือขวา ดวงตาของเงียมจู้พลันแข็งค้าง ร่าพลิกร่วงจากหลังม้าไป
"มีใครกล้าออกมาสู้กับข้าอีกไหม?" เตียนอุยตะโกนถามอย่างองอาจ
เตียนอุยสังหารเงียมจู้ในกระบวนเดียว สร้างความตื่นตะลึงแก่กองทัพหยิ่นสงอย่างหนัก ฝีมือของเงียมจู้นั้นเป็นที่ทราบกันดีในกองทัพของหยิ่นสง มิคาด เขากลับต้านทานเตียนอุยไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว แสดงให้เห็นว่าระดับฝีมือของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันจนเกินไป
หยิ่นสงกระตือรือร้นจะออกไปประลองเอง เขาเป็นทั้งแม่ทัพบู๊และเป็นทั้งเจ้าเมือง ดังนั้นจึงยากจะพบพานคู่ต่อสู้ แต่ขณะที่เขากำลังจะกระตุ้นม้าโถมออกไป เหล่าแม่ทัพที่อยู่ด้านข้างต่างก็พากันเกลี้ยมกล่อมเอาไว้ หยิ่นสงเป็นแม่ทัพใหญ่ หากชนะก็แล้วไป แต่หากว่าเพลี่ยงพล้ำ นั่นจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจของพวกทหารอย่างหนัก แม้ว่าเตียนอุยจะชนะไปรอบหนึ่ง กระนั้นทางฝ่ายเขาก็ยังมีความได้เปรียบอยู่
เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดกล้าลงสนามอีก ลิโป้ก็ควบม้าออกไปตะโกนถามว่า "ข้าคือเจ้าเมืองปิ้งโจวลิโป้ มีผู้ใดกล้าออกมาสู้กับข้าบ้าง?"
ทันทีที่สิ้นเสียง ทหารกองทัพปิ้งโจวที่อยู่ด้านหลังก็ส่งเสียงโห่ร้องอย่างถล่มทลาย ศักดิ์ศรีบารมีของลิโป้ในกองทัพปิ้งโจวนั้นไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ การลงสนามของลิโป้จะทำให้ทหารของทัพปิ้งโจวฮึกเหิมถึงขีดสุด
เหล่าแม่ทัพที่อยู่ด้านข้างหยิ่นสงต่างอดรนทนไม่ไหว พวกเขาต่างร้องขอออกศึก แม้ว่าลิโป้จะมีชื่อเสียงโด่งดังประดุจฟ้าร้องดังกรอกหู แต่ในสนามรบนั้นไม่มีความแน่นอน ทั้งยังผู้คนอีกมากมายที่ไม่ได้หวาดกลัวต่อชื่อเสียงของศัตรู คนที่มีฐานะสูงส่งอย่างลิโป้คงจะสุขสบายอยู่บนตำแหน่งมานานจนฝีมือตกก็ได้ หากว่าสามารถเอาชนะลิโป้ลงได้ ชื่อเสียงบารมีที่จะได้รับนั้นก็จะเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน และคงไม่กล่าวเกินจริงนักหากจะบอกว่าคนผู้นั้นจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งแผ่นดินทันที
โดยไม่รอฟังคำตอบจากหยิ่นสง แม่ทัพนายหนึ่งก็ควบม้าพุ่งออกไปพร้อมกับง้าวในมือ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ สายตาของเขาคล้ายมองเห็นลิโป้ที่อยู่ห่างออกไปกำลังกวักมือเรียกให้ตนเข้าไปตัดหัว
มุมปากของลิโป้ยกยิ้มเหยียดหยัน เดิมทีเขาคิดจะล่อหยิ่นสงออกมาประหารฆ่า อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนออกมาแทนก็ช่วยไม่ได้ แม้แต่ยอดขุพลพยัคฆ์อย่างจูล่งและเตียนอุยยังไม่ใช่คู่มือของเขา แล้วมีหรือที่แม่ทัพปลายแถวของหยิ่นสงจะต่อกรกับเขาได้?
เขากระตุ้นท้องม้าเบาๆ ย่ำอัคคีก็เข้าใจความหมาย มันส่งเสียงร้องและพุ่งทะยานออกไปดุจสายลม
"ม้าดี!" หยิ่นสงอดชื่นชมออกมาไม่ได้ ตัดสินจากขนาดและความเร็วของม้าศึกที่ลิโป้ขี่อยู่แล้ว นี่จะต้องเป็นยอดอาชาอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้จะเห็นฝีมือของเตียนอุยแล้ว แม่ทัพของหยิ่นสงผู้นี้ก็หาหวั่นเกรงไม่ เมื่อครุ่นคิดว่าเขากำลังจะได้สร้างความดีความชอบชิ้นใหญ่ มือที่กำง้าวอยู่ก็กำแน่นยิ่งกว่าเดิม
ความเร็วของย่ำอัคคีนั้นรวดเร็วเสียจนก่อนที่แม่ทัพของหยิ่นสงจะทันรู้สึกตัว ม้าของลิโป้ก็พุ่งมาถึงด้านข้างของเขาแล้ว ทวนกรีดนภาสะท้อนแสงเย็นเยียบ แม่ทัพของหยิ่นสงร่างร่วงฟาดพื้นเสียงดัง ม้าศึกที่ไร้นายค่อยๆหันหลังวิ่งกลับไปในทางที่จากมา....
แม่ทัพคนอื่นๆที่กำลังจะบังคับม้าพุ่งออกไปต่างหยุดชะงัก ในใจบังเกิดความเย็นเยียบ ตัดสินจากความเคลื่อนไหวอันเรียบง่ายของลิโป้แล้ว แสดงว่าเขายังไม่ได้เอาจริงแต่อย่างใด ที่สร้างความตื่นตะลึงให้แก่พวกเขายิ่งกว่าก็คือ แม่ทัพของทางฝั่งเขายังไม่ทันยกง้าวขึ้นด้วยซ้ำ! นี่เป็นความรวดเร็วถึงเพียงไหน?
หยิ่นสงขมวดคิ้วมุ่น เขาพลันรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนเองออกจะดูแคลนลิโป้เกินไป ยิ่งดูแคลนทัพปิ้งโจวเกินไป ในอดีต เขาเคยคิดว่าที่ทัพปิ้งโจวสามารถเอาชนะเซียนเป่ยได้ก็เพราะพึ่งพาทัพม้าชั้นยอดอย่างเฟยฉี ขอเพียงลากถ่วงทัพเฟยฉีเอาไว้ได้ กองทัพซ่างกู่ก็จะมีโอกาสชนะสูงยิ่ง
เกาทัณฑ์เมื่อขึ้นสาย ก็ต้องยิงเต็มเหนี่ยว เขาอยู่ในจุดที่ไม่อาจถอยหลังได้อีกแล้ว หากว่าเขายกมือขอยอมแพ้ตอนนี้ อีกฝ่ายจะต้องไม่รับไว้อย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นผู้ที่เขาชื่นชอบมากกว่าก็คืออ้วนเสี้ยว ในความเห็นของเขานั้น ลิโป้ยังด้อยกว่าอ้วนเสี้ยวมาก ถึงอย่างไรภูมิหลังของตระกูลระหว่างสองฝ่ายก็เห็นกันอยู่ชัดเจน
หากว่าลิโป้ได้ทราบว่าหยิ่นสงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็คงจะพูดไม่ออกอย่างแน่นอน นี่เป็นยุคสมัยที่ตัดสินกันด้วยพื้นหลังครอบครัว ปราศจากภูมิหลังของตระกูลที่ดี การจะก้าวหน้าได้นั้นก็จะยากเย็นยิ่ง
ทัพปิ้งโจวชนะสองรอบติดต่อกัน ทำให้สภาวะของทัพปิ้งโจวพุ่งขึ้นถึงขีดสุด โดยเฉพาะกับเหล่าทหารใหม่ที่เพิ่งได้เข้าร่วมกับกองทัพปิ้งโจว หลังจากได้เห็นความองอาจของผู้นำทัพของตน พวกเขาก็แทบจะไม่อาจระงับความตื่นเต้นภายในใจได้อีกต่อไป พวกเขาอยากจะโถมพุ่งออกไปสังหารศัตรูที่เบื้องหน้าเสียเดี๋ยวนี้
ทวนกรีดนภาชี้ออกไปเบาๆ ทหารม้าเฟยฉีที่อยู่แถวหน้าก็เข้าใจสัญญาณ ทั้งหมดบังคับม้าโถมพุ่งเข้าหากองทัพของหยิ่นสงทันที สองแม่ทัพหลักอย่างลิโป้และเตียนอุยก็คล้ายเปลี่ยนร่างเป็นเทพสังหาร ไม่ว่าพวกเขาจู่โจมไปทางใดก็ไร้ผู้ต้านทานติด
มีเพียงถึงยามที่สองทัพพุ่งเข้าประจัญบานกัน เหล่าหทารของหยิ่นสงค่อยได้รับทราบความร้ายกาจของลิโป้และเตียนอุย เมื่อเห็นทั้งสองคนพุ่งเข้ามา แม้แต่จะหนียังหนีไม่ทัน แล้วพวกเขาจะเอาอะไรไปสู้ด้วย? เหล่าแม่ทัพต่างรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ขณะที่พวกทหารก็ไม่ได้โง่ ทหารที่เจนศึกย่อมเข้าใจดีว่ามีเพียงมีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้นถึงจะมีโอกาสสร้างชื่อเสียง
เมื่อหยิ่นสงเห็นทหารม้าเฟยฉีพุ่งเข้ามา เขาก็รีบออกคำสั่งให้ทัพม้าออกไปต้านทานอีกฝ่ายไว้ ขณะเดียวกันก็รีบถ่ายทอดคำสั่งแล้วคำสั่งเล่า
เมื่อเห็นทหารม้าของข้าศึกเข่นฆ่าเข้ามา ทหารม้าเฟยฉีก็เป็นฝ่ายทักทายพวกเขาก่อน หลังจากต่อสู้กับพวกเซียนเป่ยครานั้น แม้ว่าทัพเฟยฉีจะเสียหายอย่างหนัก แต่เหล่าทหารเจนศึกที่รอดกลับมาได้ก็ได้นำกลิ่นอายอันไร้เทียมทานกลับมาด้วย และด้วยรูปแบบกองทัพของปิ้งโจว ทหารเฟยฉีที่เพิ่งผ่านการคัดเลือกเข้ามาใหม่ย่อมกระตือรือร้นที่จะสร้างผลงานและเป็นการพิสูจน์ตนไปด้วยในตัว ผู้ที่สามารถเข้าร่วมกับทัพม้าเฟยฉีได้มีแต่ทหารที่เป็นสุดยอดของสุดยอดเท่านั้น พวกเขาย่อมไม่หวาดหวั่นต่อการต่อสู้กับศัตรูที่เข้มแข็ง ยิ่งไปกว่านั้น ทหารม้าของหยิ่นสงเองก็ไม่อาจนับว่าเป็นศัตรูเข้มแข็งแต่อย่างใด
หลังจากพุ่งปะทะกันรอบหนึ่ง ทหารม้าของหยิ่นสงจำนวนมากก็ถูกฟันร่วงหลังม้าไป ช่องว่างความแตกต่างในด้านทักษะขี่ม้าทำให้พวกเขาแทบจะทำได้เพียงงอมือรอรับความตาย ทหารม้าหลายคนยังรู้สึกว่าทหารม้าที่เบื้องหน้านี้ยังแข็งแกร่งกว่าทหารม้าเซียนเป่ยหลายเท่า ทันใดนั้นหลายคนก็นึกได้ว่า ทหารม้าทัพนี้ก้คือทหารม้าที่กวาดพิชิตไปทั่วทุ่งหญ้า นึกได้ถึงตรงนี้ หลายคนก็เริ่มมือไม้สั่น ขนาดเผชิญหน้ากับทหารม้าเซียนเป่ย พวกเขายังหวาดกลัวอยู่บ้าง นับประสาอะไรกับทหารม้าเฟยฉีที่เบื้องหน้า ซึ่งยังร้ายกาจกว่าทหารม้าเซียนเป่ยหลายเท่า....
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved