หลิวเป้าซึ่งกำลังนั่งดื่มสุราอย่างเพลิดเพลินพลันสบถด่า "ตัวบัดซบที่ไหนกันถึงกล้ามาเอะอะโวยวายอยู่ที่ด้านนอก?"
ฮูลี่พังประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าหลิวเป้ากำลังดื่มสุรา เขาก็แค่นเสียง "ประมุขหลิวช่างมีอารมณ์สุนทรีย์ซะจริงนะ"
สีหน้าของหลิวเป้าเปลี่ยนเป็นซึมเซา รอยเลือดบนชุดของฮูลี่และคนอื่นๆได้ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าผู้มาไม่ได้มาดี "ประมุขฮูลี่ เชิญนั่ง"
"ฮะ...ฮูลี่นำคนบุกรุกเข้ามาแล้วขอรับ" ทหารซยงหนูที่เลือดท่วมร่างพลันวิ่งเข้ามาภายในห้อง เมื่อเห็นหลิวเป้าและฮูลี่อยู่ด้วยกัน เขาก็ก้มหน้าลงไม่กล้าเอ่ยอีก
หลิวเป้าตกตะลึง มือขวาของเลื่อนไปแตะด้ามดาบพลางจ้องฮูลี่เขม็ง "ประมุขฮูลี่ การกระทำนี้ของท่านหมายความว่าอย่างไร? วันนี้คณะทูตของเราก็จะออกเดินทางไปเจรจาสงบศึกกับทัพฮั่นอยู่แล้ว"
ฮูลี่จ้องมองหลิวเป้าที่พยายามถ่วงเวลาก่อนจะกล่าวว่า "ประมุขหลิว เจ้ายุยงปลุกปั่นให้ชนเผ่าซยงหนูโจมตีเมืองของชาวฮั่นและก่อบาปมหันต์ เจ้ารู้ตัวหรือไม่?"
"เจ้า....เจ้า...." หลิวเป้าพลันเข้าใจเรื่องราว เขาชี้หน้าฮูลี่ขณะหน้าถอดสี
"ประมุขหลิว เจ้ามีสัมพันธ์อันดีกับอ้วนเสี้ยวผู้นำแห่งกลุ่มพันธมิตรไม่ใช่หรือ ไฉนจึงไม่เห็นเขาโผล่มาช่วยตอนที่กองทัพของเราพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเลยเล่า?" จากนั้นฮูลี่จึงโบกมือ "พาตัวหลิวเป้าไป ส่งให้ทัพฮั่น"
หลิวเป้าแค่นเสียง เขาชักดาบโถมเข้าฟันใส่ฮูลี่
เทียบกับฮูลี่แล้ว หลิวเป้าย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ประมือกันไม่ถึงสิบกระบวน หลิวเป้าก็ถูกฮูลี่สยบไว้
"ฮูลี่ อวี๋ฟู่หลัว พวกเจ้าต้องไม่ตายดี! ชาวฮั่นจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆแน่ ข้าคือฉานอวี๋แห่งซยงหนู คนถ่อยอย่างพวกเจ้าต้องไม่มีจุดจบที่ดี!" หลิวเป้าพยายามดิ้นพลางสาปแช่ง
วันต่อมา ชาวบ้านต่างก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าประตูเมืองเหม่ยจี้ที่ปิดสนิทมาตลอดหลายวันกำลังค่อยๆเปิดออก เมื่อเห็นขบวนทหารฮั่นเข้ามาในเมือง พวกชาวบ้านก็รีบไปแจ้งข่าวนี้ต่อคนรู้จัก หลายคนหลั่งน้ำตานองหน้า เจ้าเมืองไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา ตอนนี้ทัพฮั่นเคลื่อนกำลังมาถึงแล้ว ชาวซยงที่ชั่วร้ายพวกนั้นกำลังจะถูกขับไล่ออกไปแล้ว จะดีที่สุดหากขับไล่คนเหล่านี้ออกไปนอกด่าน ให้ไปเผชิญชะตากรรมอยู่ในทะเลทราย
ขบวนแถวที่เป็นระเบียบ ทัพใหม่ปิ้งโจวต่างก็เดินอกผายไหล่ผึ่ง นี่เป็นคนแรกที่พวกเขาปรากฏตัวสู่สายตาพลเรือน ราษฏรที่อยู่ทั้งสองฟากข้างต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ทัพฮั่นมาแล้ว วันเวลาดีๆของพวกซยงหนูได้จบลงแล้ว
หลังจากวางกำลังควบคุมเมืองเอาไว้แล้ว ลิโป้ก็ตรงไปพบกับอวี๋ฟู่หลัวและฮูลี่ทันที บัดนี้ทั้งเมืองอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว เขาไม่กลัวว่าชนเผ่าซยงหนูจะกล้าเล่นลูกไม้ใด
"ข้าน้อยอวี๋ฟู่หลัว ผู้นำแห่งชนเผ่าซยงหนู น้อมคำนับใต้เท้าผู้ครองเมือง"
"ข้าน้อยฮูลี่ ผู้นำแห่งชนเผ่าซยงหนู น้อมคำนับใต้เท้าผู้ครองเมือง"
ลิโป้นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเนิบๆ "เชิญนั่ง"
"ขอบคุณใต้เท้า" สถานการณ์ค่อนข้างจะตึงเครียด ดังนั้นผู้นำเผ่าทั้งสองจึงต้องทำตัวนอบน้อมเอาไว้
สายตาของเหล่าบรรดาแม่ทัพที่จ้องมองมาทำให้อวี๋ฟู่หลัวและฮูลี่รู้สึกคล้ายกำลังนั่งลงบนเข็ม
"ฮ่องเต้ทรงมีพระเมตตา พระองค์ไม่อาจทนเห็นชาวซยงหนูต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บที่นอกด่าน ดังนั้นจึงมีพระบรมราชานุญาต ให้พวกเจ้าได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินต้าฮั่น หากทว่าการโจมตีเมืองของชาวฮั่นครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการก่อกบฏ ขุนนางผู้นี้คงต้องทูลเรื่องนี้ต่อองค์ฮ่องเต้" ลิโป้กล่าวเข้าประเด็น
"ใต้เท้าโปรดเมตตาด้วย ที่เมืองเหม่ยจี้และเมืองก่วงเหยี่ยนถูกโจมตีล้วนแต่เป็นเพราะหลิวเป้ายุยงคนทั้งหมด เขาอ้างว่าได้รับคำอนุญาตจากราชสำนักให้ครอบครองเมืองซีเหอ ดังนั้นจึง....." อวี๋ฟู่หลัวหน้าขาซีด เขารีบลุกขึ้นกุมมือกล่าวอ้อนวอน
"อ้อ? มีเรื่องเช่นนี้? ไม่ทราบว่ามีราชโองการหรือไม่?" ลิโป้ถาม
"ไม่เคยราชโองการเลยขอรับ ทั้งหมดล้วนเป็นคำพูดปากเปล่าของหลิวเป้า บอกว่าอ้วนเสี้ยว ผู้นำแห่งจงหยวนได้มอบเมืองซีเหอให้กับชนเผ่าซยงหนู" ฮูลี่กุมมือกล่าว
"ในเมื่อไม่มีราชโองการ อาศัยเพียงคำพูดเพียงข้างเดียวของหลิวเป้า พวกเจ้าก็ทุ่มกำลังโจมตีเมืองของชาวฮั่นแล้ว?" ลิโป้ลอบตะลึงอยู่ในใจ เป็นดั่งที่กาเซี่ยงวิเคราะห์ไว้จริงๆด้วย
"ใต้เท้า ข้าน้อยถูกหลิวเป้ายุยง ขอให้ใต้เท้าโปรดอภัยให้ด้วย หลังจากนี้ข้าน้อยจะเชื่อฟังแต่คำสั่งของท่านเพียงผู้เดียวขอรับ" อวี๋ฟู่หลัวรีบกล่าวแสดงความภักดี
"นายท่าน แม้ว่าประมุขอวี๋ฟู่หลัวจะมีความผิด แต่ก็ยังมีโทษไม่ถึงตาย สามารถสร้างความชอบไถ่ถอนความผิด" กาเซี่ยงก้าวออกมาเกลี้ยมกล่อม
อวี๋ฟู่หลัวส่งสายตาขอบคุณกาเซี่ยง "ขอให้ใต้เท้าโปรดอภัยให้ด้วย"
เมื่อฮูลี่ได้ยินดังนั้น ก็ทราบแล้วว่าควรทำอย่างไร ดังนั้นจึงรีบกล่าวว่า "ใต้เท้า ข้าน้อยเองก็ถูกหลิวเป้ายุยงเหมือนอวี๋ฟู่หลัว ขอให้ใต้เท้าโปรดอภัยให้ด้วย"
ลิโป้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "ในเมื่อชนเผ่าซยงหนูก็อาศัยอยู่ในแผ่นดินฮั่น เช่นนั้นก็ย่อมต้องปฏิบัติตามกฏของชาวฮั่น แต่หากว่าพวกเจ้าต้องการจะกลับไปยังทุ่งหญ้า ขุนนางผู้นี้ก็จะช่วยทูลต่อองค์ฮ่องเต้ให้"
"ใต้เท้า พวกเราเต็มใจจะอยู่ในแผ่นดินฮั่นขอรับ" อวี๋ฟู่หลัวและฮูลี่ตะโกนตอบพร้อมกัน มีผู้ใดไม่ทราบบ้างเล่าว่าผู้ที่เรืองอำนาจที่สุดในทุ่งหญ้าเวลานี้คือชนเผ่าเซียนเป่ย หากชนเผ่าซยงหนูย้ายกลับไปแล้วไม่ยอมอ่อนน้อมคงประสบหายนะเสียเก้าส่วน
"ในเมื่ออาศัยอยู่ในแผ่นดินฮั่นและอยู่ภายใต้การปกครองของขุนนางผู้นี้ พวกเจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่ง หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกครั้ง แผ่นดินฮั่นก็จะไม่มีชาวซยงหนูอีกต่อไป"
อวี๋ฟู่หลัวและฮูลี่ต่างหวาดผวาอยู่ในใจ ใต้เท้าเจ้าเมืองผู้นี้ย่อมมีความสามารถกระทำตามที่พูดได้อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีชาวซยงหนูในแผ่นดินฮั่น ถูกขับไล่ออกจากด่าน หรือถูกฆ่าล้าชนเผ่า คงไม่ต้องเดาให้ยาก
"ชั่วชีวิตเพียงปฏิบัติตามคำสั่งของใต้เท้า" ฮูลี่และอวี๋ฟู่หลัวกล่าวเสียงดัง
"ดี ในเมื่อเช่นนี้ ครั้งนี้ขุนนางผู้นี้จะลงโทษแต่ตัวการ หลิวเป้ายุยงปลุกปั่นให้ชนเผ่าซยงหนูบุกโจมตีเมืองของชาวฮั่น ความผิดนี้ไม่อาจอภัยให้ได้ สามวันให้หลังจะถูกประหารเพื่อปลอบโยนดวงวิญญาณของผู้บริสุทธิ์ที่ตาย" ลิโป้กล่าว
"ใต้เท้าช่างปราดเปรื่อง" อวี๋ฟู่หลัวและฮูลี่ลุกขึ้นกล่าว
"เอาล่ะ เรื่องที่เหลือพวกเจ้าสามารถไปปรึกษากับกุนซือ" ลิโป้ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไป
ทั้งสองคิดว่าจะหลบรอดหายนะได้แล้ว ทว่าหลังจากได้ "พูดคุย" กับกาเซี่ยง สีหน้าของคนทั้งสองก็ทอแววหดหู่ ในอนาคต ชนเผ่าซยงหนูจะต้องจัดส่งทหารม้าจำนวนห้าพันนายให้ปิ้งโจวเป็นประจำทุกปี ถึงแม้ว่าหลังหลิวเป้าตายลงแล้ว ชนเผ่าในปกครองของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้น แต่หลังจากต้องส่งกำลังให้ปิ้งโจวจำนวนห้าพัน ถึงตอนนั้นชนเผ่าซยงหนูยังจะมีกำลังพอจะสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมาได้หรือ?
หลังจากเจรจาต่อรอง สุดท้ายชนเผ่าซยงหนูก็ตกลงที่จะส่งทหารม้าให้สามพันนาย เพียงแต่อาวุธและชุดเกราะนั้น ทางเมืองปิ้งโจวต้องจัดหามาเอง กาเซี่ยงตอบตกลง การเจรจาครั้งนี้ เขาสามารถต่อรองมาได้เพิ่มอีกหนึ่งพันจากความคาดหวังของลิโป้ที่สองพันนาย
ชนเผ่าซยงหนูที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินฮั่นจะสามารถมีทหารประจำการได้แค่เพียงห้าพันนาย และมีทหารม้าได้ไม่เกินสองพันนาย นี่ก็คือขีดจำกัดสูงสุด ซึ่งฮูลี่และอวี๋ฟู่หลัวก็เห็นด้วย
หลังจบสงครามครั้งนี้ ขุมกำลังของชนเผ่าซยงหนูก็เสียหายอย่างหนัก และการจัดตั้งกองทัพก็สิ้นเปลืองเกินไป กอปรกับแสนยานุภาพที่กองทัพปิ้งโจวแสดงออกมา ชนเผ่าซยงหนูก็ไม่กล้ามีความคิดเป็นอื่น
ลิโป้นำทหารม้าเฟยฉีสามพันนายปราบพิชิตชนเผ่าซยงหนูได้ภายในหนึ่งเดือน เรื่องนี้ได้สร้างความสนใจให้บรรดาเจ้าเมืองภาคกลางอย่างมาก ชนเผ่าซยงหนูเป็นชนเผ่านักรบบนหลังม้า แต่ลิโป้กลับสามารถใช้คนน้อยสู้คนมาก
ปิ้งโจวกลายมาเป็นที่สนใจของเจ้าเมืองทั้งหลายอีกครั้ง ด้วยแสนยานุภาพทางทหารที่เผยออกมาคราวนี้ เจ้าเมืองต่างๆก็ไม่กล้าประมาทกองทัพปิ้งโจวอีก ปิ้งโจวนั้นอยู่ใกล้กับซือลี่ กิจิ๋ว และอิวจิ๋ว ส่วนผู้ที่รู้สึกกังวลมากที่สุดย่อมต้องเป็นอ้วนเสี้ยว เขาทราบว่าเมื่อลิโป้ปราบชนเผ่าซยงหนูได้แล้ว ลิโป้ก็จะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง ความไร้ความสามารถของชนเผ่าซยงหนูได้ทำให้เขาโกรธแค้นมาก ยอดนักรบแห่งทุ่งหญ้าอะไรกัน ก็แค่กลุ่มของสวะ
ตอนนี้เขาหันไปมองเตียนห้องอย่างกระอักกระอ่วน เขาต้องการจะสลายความเหินห่างที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร ยิ่งกว่านั้นเตียนห้องยังจ้องมองเขา ราวกับว่าเขาไปติดค้างเงินอีกฝ่ายเสียอย่างนั้น เรื่องนี้ทำให้อ้วนเสี้ยวหงุดหงิดอย่างมาก
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved