ลิโป้ส่ายหน้าเบาๆ เล่าเต๋อผู้นี้นับว่ามีพรสวรรค์จริงๆ ไม่เพียงแต่สามารถนึกเรื่องปล่อยเงินกู้ขึ้นมาได้ แต่ยังรู้จักการตบทรัพย์ หากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไปมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้เข้า พวกเขาก็คงจะลนลานและทำอะไรไม่ถูกจนถูกเล่าเต๋อจัดการไปแล้ว เพราะถึงอย่างไรกลุ่มของเล่าเต๋อก็ดูจะมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผล และต่อให้ไปถึงสำนักงานเมือง เล่าเต๋อก็มีบิดารับราชการอยู่ที่นั่น
บิเจินเมื่อเห็นผู้คุ้มกันห้าหกคนย่างสามขุมเข้ามาด้วยสีหน้าดุร้าย มือที่งดงามราวกับหยกของนางก็กำชายเสื้อของลิโป้แน่น
เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของสาวน้อย ดวงตาของเล่าเต๋อก็ยิ่งเป็นประกาย ความคิดที่จะจัดการลิโป้ยิ่งมายิ่งรุนแรง
ผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามา ยังไม่ทันได้เห็นลิโป้ขยับเคลื่อนไหวอันใด เขาก็ลอยกระเด็นออกไปก่อนจะร่วงฟาดลงกับพื้นห่างออกไปห้าหกเมตร ความเจ็บปวดที่หน้าอกทำให้เขาตะเกียกตะกายพยายามลุกขึ้นมา เมื่อลุกขึ้นมาได้ สายตาที่มองดูลิโป้ก็แฝงไว้ด้วยโทสะ ในเมืองเขตเหนือนั้น ไม่มีผู้ใดกล้าไม่ไว้หน้าต่อคุณชายเล่าเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ทหารลาดตระเวนก็ยังต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากทักทายคุณชายของพวกเขาก่อน
หลังจากลิโป้ต่อยหมัดเตะเท้าไม่กี่ที ผู้คุ้มกันทั้งหกก็ร่วงลงไปกองที่พื้น สำหรับผู้คุ้มกันที่กำลังกลิ้งพลางส่งเสียงร้องโหยหวนผู้นั้นกำลังจ้องมองลิโป้ด้วยสีหน้าโง่งมจนคล้ายลืมเจ็บไป
เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ในใจเล่าเต๋อก็ยิ่งลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ การกระทำของลิโป้ไม่ต่างอะไรกับการท้าทายเขาซึ่งหน้า แล้วมีหรือที่เขาจะทนทานรับได้? "ล้วนแต่เป็นสัดใส่ข้าว ผู้ใดจัดการเจ้าผู้นี้ได้ เราคุณชายจะตกรางวัลให้อย่างงาม!"
ภายใต้การนำรางวัลเข้าล่อ ย่อมไม่ขาดแคลนผู้กล้า ในยามปกตินั้นผู้คุ้มกันเหล่านี้ย่อมไม่มีรางวัลตอบแทนใด
หลังจากได้เห็นฝีมือของลิโป้ เหล่าผู้คุ้มกันก็พากันชักดาบที่เอวออกมาแล้วโอบล้อมลิโป้เอาไว้ด้วยความระมัดระวัง
เมื่อเห็นฉากนี้ เตียนอุยที่อยู่ห่างออกไปก็พลันตึงเครียดขึ้นมา เขาชักทวนคู่ที่สะพายเอาไว้ออกมาถือ ดวงตาถลึงจ้องมองสถานการณ์เขม็ง
หากแต่ที่รอต้อนรับเหล่าผู้คุ้มกันของตระกูลเล่าอยู่ก็คือการทุบตีอย่างโหดร้ายโดยที่แม้แต่กระบี่ที่เอวของลิโป้ยังไม่ทันหลุดจากฝักเสียด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นเหล่าผู้คุ้มกันนอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น สีหน้าที่เคยโกรธแค้นของเล่าเต๋อก็พลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม ในปิ้งโจวนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าสร้างปัญหาขึ้นภายในเมือง มิเช่นนั้นจะต้องพบเจอจุดจบอันเลวร้ายอย่างแน่นอน แม้แต่เหล่าตระกูลใหญ่ภายในเมืองก็ยังต้องซุกหัวหดหาง พวกเขาล้วนได้รับทราบวิธีการจัดการของลิโป้มาแล้ว นั่นคือการลงมือโดยไร้ปราณี ดังนั้นต่อให้มาจากตระกูลใหญ่ก็ยังไม่อาจรอดพ้นความผิดได้
แม้ว่าชายหนุ่มที่เบื้องหน้านี้จะมีฝีมือสูงส่ง แต่เล่าเต๋อก็มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทางการจะต้องมีคำอธิบายให้เขาอย่างแน่นอน
หลังจากได้รับแจ้งเหตุ ทหารที่ลาดตระเวนอยู่ก็รีบเร่งรุดมา เมื่อหัวหน้าทหารเห็นเหล่าผู้คุ้มกันกำลังนอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น สีหน้าของเขาก็พลันมืดครึ้ม เมื่อเห็นเล่าเต๋อกำลังยืนไพล่หลังอยู่ท่ามกลางฝูงชน ในใจก็ยิ่งตกตะลึงกว่าเดิม แม้ว่าทหารบางส่วนจะทราบเรื่องสกปรกของเล่าเต๋อ ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าเปิดเผยออกไป ทหารที่เข้าสังกัดกับสำนักงานเมืองได้ย่อมต้องมีไหวพริบ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นทหาร แต่ส่วนใหญ่ก็เพียงทำหน้าที่รักษาความสงบภายในเมือง ไม่จำตเป็นต้องเข้าร่วมสงครามแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าชาวบ้านทั่วไป พวกเขาจึงรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่า
ที่สำคัญกว่านั้นคือ เล่าเต๋อมักจะลงมือโดยไม่ทิ้งร่องรอยให้สืบสาวเอาผิดได้ นี่ก็คือสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวที่สุด
เรื่องราวในครั้งนี้เป็นอย่างไร หัวหน้าทหารก็พอจะคาดเดาได้หลายส่วน
เล่าเต๋อลอบขยิบตาให้ออกไปพูดคุยกันที่ด้านข้าง จากนั้นกล่าวขึ้นเบาๆว่า "ใต้เท้าหม่า คนพวกนี้มาจากซือลี่ พวกเขาทำร้ายผู้คุ้มกันของข้าน้อยโดยไร้เหตุผล ขอเพียงแม่นางน้อยที่อยู่ด้านหลังนั้นยอมแต่งงานกับข้าน้อย ข้าน้อยก็จะไม่ถือสาเอาความ ส่วนผลประโยชน์ของใต้เท้าหม่านั้น เหอๆ"
เมื่อหม่าอวี้ได้ยินคำสัญญาจากเล่าเต๋อเขาก็เกิดความยินดี การจัดการกับชาวบ้านจากซือลี่นั้นนับว่าง่ายดายยิ่ง และยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้ลงมือก่อนแล้วก็ยิ่งง่ายดายเข้าไปใหญ่ ต่อให้พาไปถึงสำนักงานเมือง นายอำเภอของจิ้นหยางย่อมไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ บ่อยครั้งจึงมักจะเป็นบิดาของเล่าเต๋อที่จัดการดูแลเรื่องยิบย่อยระดับชาวบ้าน หากสามารถตักตวงผลประโยชน์เข้าตัว ทั้งยังสามารถสร้างบุญคุณต่อตระกูลเล่าได้ มีหรือที่จะไม่กระทำ
อย่างไรก็ดี การที่หม่าอวี้สามารถขึ้นมาถึงตำแหน่งปัจจุบันได้ เขาย่อมมีไหวพริบและความระมัดระวัง เขาลอบชำเลืองดูลิโป้และบิเจิน ทันใดนั้นก็เกิดสะดุดตากับรูปโฉมอันงดงามของบิเจิน ในใจลอบทอดถอนใจ ทว่ายามที่มองดูลิโป้นั้น ในใจของเขาก็พลันเกิดความตื่นตัวขึ้นมา แม้ว่าลิโป้จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูธรรมดาสามัญ แต่จากร่างของลิโป้เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ผู้คนทั่วไปไม่มี แม้จะเผชิญหน้ากับขบวนทหารของทางการ หากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไปคงจะหวาดกลัวจนตัวสั่นไปแล้ว มีหรือที่จะยังสงบนิ่งเหมือนกับลิโป้ได้?
"ท่านแน่ใจหรือว่าสองคนนี้มาจากซือลี่จริงๆ? พวกเขาไม่มีคนรู้จักอยู่ในปิ้งโจวนี้เลย?" หม่าอวี้เอ่ยถามเสียงเบา
เล่าเต๋อเพียงนึกฝันแต่เหตุการณ์หลังจากที่ได้ครอบครองบิเจิน เมื่อได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ "หรือว่าใต้เท้าหม่าไม่เชื่อใจข้าน้อย?"
แม้ว่าหม่าอวี้จะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง กระนั้นเขาก็ตัดสินใจะช่วยเหลือเล่าเต๋อ เล่าเต๋อมีชาติตระกูลเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่
หม่าอวี้กระแอมไอเบาๆก่อนจะก้าวเดินเข้ามากล่าวว่า "เมื่อครู่คุณชายเล่าบอกว่าเจ้าทำร้ายผู้คุ้มกันของเขาโดยไร้เหตุผล มีเรื่องเช่นนั้นหรือไม่?" ขอเพียงยืนยันเรื่องนี้ได้ เขาก็มีเหตุผลให้ลงมือ
ลิโป้แค่นเสียงเย็น "ข้าไม่เชื่อว่าในเมืองจิ้นหยางนี้จะไม่มีผู้ที่ตัดสินผิดชอบชั่วดีไม่ได้ ดังนั้นท่านสามารถทำตามกฏระเบียบ"
หม่าอวี้ก้าวออกมาก่อนจะลดเสียงลงกล่าวกับลิโป้ "คุณชายเล่านับว่าค่อนข้างมีอิทธิพลอยู่ภายในเมือง บิดาของเขารับราชการอยู่ในสำนักงานเมือง หากว่าไปที่สำนักงานเมืองจริงๆ ข้าเกรงว่าเจ้าคงเสียเปรียบเป็นแน่ ดั่งที่คุณชายเล่ากล่าว ขอเพียงเจ้ายกแม่นางน้อยที่อยู่ด้านข้างเจ้าให้แต่งงานกับคุณชายเล่า เรื่องนี้ก็ถือเป็นอันสิ้นสุดยุติ ด้วยอิทธิพลของตระกูลเล่าภายในเมืองแล้ว ในอนาคตเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าหรืออาหารการกินอีก แบบนี้ดีหรือไม่?"
แม้ว่าหม่าอวี้จะลดเสียงลง กระนั้นบิเจินก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน ดังนั้นมือน้อยที่กำชายเสื้อของลิโป้จึงยิ่งกำแน่นขึ้นอีก นางก้าวออกมาก่อนจะกล่าวด้วยความโมโหว่า "เป็นคนเหล่านี้ที่รังแกชายชราที่อยู่ตรงนั้น พี่ใหญ่ลิเพียงยืนอยู่เฉยไม่ไปไหน พวกเขาก็เข้ามาหาเรื่องก่อน หากว่าท่านไม่เชื่อ ลองถามคนที่อยู่รอบๆดูก็ได้!"
เมื่อเหล่าชาวบ้านที่ยืนดูอยู่ได้ยินเช่นนั้น มีหรือจะกล้าออกมาเป็นพยาน พวกเขารีบถอยกรูดออกไป
ได้ยินเช่นนั้นหม่าอวี้ก็ไม่ทราบสมควรกล่าวอะไร อีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าต้องการพบขุนนางของทางการ ดูเหมือนว่าแม่นางน้อยที่งดงามผู้นี้คงจะต้องกลายเป็นตุ๊กตาของเล่าเต๋อแน่แล้ว "เช่นนั้นก็ตามขุนนางผู้นี้มา"
บิเจินแลบลิ้นใส่ "ขุนนางผู้นี้งั้นหรือ ช่างวางท่าใหญ่โตนัก"
ลิโป้พยักหน้าเบาๆ ในความเห็นของลิโป้ หม่าอวี้เพียงเป็นเจ้าที่ทางการตำแหน่งเล็กๆ แต่ในสายตาของชาวบ้านทั่วไป พวกเขานับเป็นขุนนางของทางการเพราะพวกเขาเป็นตัวแทนของจวนเจ้าเมือง แล้วมีหรือที่ชาวบ้านทั่วไปจะกล้าต่อต้านทางการ? แม้ว่าจะถูกข่มเหงรังแก พวกเขาก็ได้แต่กลืนคำพูดลงท้องไปเท่านั้น
เล่าเต๋อมองลิโป้พลางยิ้มเยาะ เอาไว้เมื่อไปถึงสำนักงานเมืองเมื่อใด เขาจะทำให้ลิโป้ได้ทราบว่า คำว่านรกสะกดอย่างไร
เมื่อเห็นว่าลิโป้ถูกคุมตัวไปที่สำนักงานเมือง เตียนอุยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าสถานการณ์เมื่อครู่จะไม่หวาดเสียวอันตรายสักเท่าใด สำหรับบุคคลเช่นลิโป้แล้ว การจะจัดการกับคนทั้งกลุ่มก็ลำบากเพียงยกมือเท่านั้น แต่เขาก็กลัวว่าลิโป้จะได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เช่นนั้นเขาก็จะไม่มีข้อแก้ตัวใดๆแล้ว
ไม่ว่ายุคไหนสมัยใดก็ไม่ขาดแคลนซึ่งคนดี เมื่อเห็นว่าทหารคุมตัวพวกลิโป้มุ่งหน้าไปทางสำนักงานเมือง ชาวบ้านที่อยู่ว่างก็พากันติดตามไป หลายคนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พวกเขารู้สึกสงสารลิโป้ที่ออกหน้าให้กับชายชรา พวกเขาทราบว่าคุณชายเล่ามีอิทธิพลอย่างสูง คนนอกที่มีเรื่องกับคุณชายเล่าล้วนไม่อาจลืมตาอ้าปากได้อีกตลอดชีวิต
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved