ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกว่าครั้งหนึ่งทหารม้าของเซียนเป่ยเคยพ่ายแพ้ต่อทหารม้าชาวฮั่นทั้งมีกำลังมากกว่าอีกฝ่ายหลายเท่า พวกเขาถูกไล่โจมตีจนมีสภาพราวกับสุนัขที่สูญเสียเจ้าของ เชวี่ยจีอยากจะหันกลับไปสู้ตายให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาก็หักห้ามใจเอาไว้ เขาจะต้องกลับไปยังด่านเยี่ยนเหมินเพื่อแจ้งข่าวเรื่องของทัพฮั่น เมื่อคิดถึงการโจมตีด่านเยี่ยนเหมิน หัวใจของเขาก็สงบลงได้บ้าง หากแต่เขาไม่คิดหวังพึ่งทัพพันธมิตรเซียนเป่ยซึ่งอยู่ที่นั่น เพราะต่อให้ส่งทัพม้ามาอีกทัพ มันก็เปล่าประโยชน์ เชวี่ยจีได้รู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของทัพฮั่นที่อาละวาดไปทั่วเซียนเป่ยภาคกลางก็วันนี้เอง
เชวี่ยมองเห็นความเป็นระเบียบวินัยจากกองทัพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวเซียนเป่ยไม่มี แม้ชาวเซียนเป่ยจะเก่งกาจในการรบ แต่ยามเผชิญกับกองทัพที่รุกและถอยได้อย่างเป็นระบบแล้ว ความสามารถส่วนบุคคลก็กลายเป็นถอยจำกัดไป
ทหารม้าเฟยฉีผลัดเปลี่ยนม้าไปตลอดการไล่ล่า ดังนั้นความเร็วของพวกเชวี่ยจีย่อมไม่อาจเทียบได้
หลังจากถูกไล่่ล่าตลอดสามวัน ทหารเซียนเป่ยที่ติดตามเชวี่ยจีมาก็เหลืออยู่เพียงร้อยกว่าคน อีกทั้งทุกคนยังอยู่ในสภาพที่สะบักสะบอม
เมื่อเห็นว่าทัพฮั่นไม่ได้ไล่ล่าต่อ เชวี่ยจีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตลอดสามวันมานี้ สิ่งแรกที่เชวี่ยจีกระทำเมื่อพบเห็นทหารม้าเฟยฉีก็คือหนี แม้แต่ทหารของเขาเองก็พลอยได้รับอิทธิพลนี้ไปด้วย ทันทีที่เจอทัพฮั่น ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาไม่ใช่คิดต่อสู้ หากแต่รีบวิ่งไปขึ้นมาก่อนจะลงแส้ให้ม้าวิ่งสุดกำลัง ผู้ใดตอบสนองได้รวดเร็ว ผู้นั้นก็จะมีโอกาสรอดมากกว่าคนอื่นๆ
ไม่เพียงแต่กลุ่มของเชวี่ยจีเท่านั้น แม้แต่ทหารเซียนเป่ยที่แตกทัพกระจัดกระจายก็เป็นเช่นเดียวกัน การศึกครั้งนี้ได้ทิ้งเงามืดเอาไว้ภายในใจของพวกเขาอย่างลึกล้ำจนเพียงแค่เห็นธงรูปเหยี่ยว ทุกคนก็จะลนลานหลบหนีไปทันที ซึ่งสิ่งนี้จะมีผลกระทบถึงการกรีธาทัพเข้ามาของทัพฮั่นในภายภาคหน้าเช่นกัน เมื่อพบเห็นทหารชาวฮั่น สิ่งแรกที่พวกเขากระทำคือตรวจสอบว่าอีกฝ่ายใช่ทหารม้าเฟยฉีหรือไม่ หากว่าไม่ใช่ เช่นนั้นก็ตรวจสอบว่าอีกฝ่ายใช่เป็นทหารม้าจากปิ้งโจวหรือไม่
ทัพเฟยฉีนับว่าได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ หากแต่ราคาที่ต้องจ่ายออกไปก็น่าเจ็บปวดเช่นกัน ศึกครั้งนี้ทำให้ทหารม้าเฟยฉีเหลือเพียงหนึ่งพันสี่ร้อยนาย
หากแต่ขณะเดียวกัน ศึกนี้ก็ได้ทำให้ทหารที่รอดมาได้พัฒนาไปอีกขั้นใหญ่ แม้ชุดเกราะบนร่างจะเต็มไปด้วยรอยฉีกขาด หากแต่สีหน้าของพวกเขากลับยังคงแน่วแน่ ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนแผ่ซ่านกลิ่นอายฆ่าฟันบางๆ ทั้งยังกลิ่นอายอันตรายที่ทำให้ศัตรูต้องหวั่นเกรง
นี่เป็นทัพม้าที่แปลกประหลาดยิ่ง ธงรูปเหยี่ยวโบกสะบัดตามลม แม้จะเหลือคนเพียงพันกว่า ทว่าพวกเขากลับมีม้าศึกมากกกว่าหกพันตัว หากขาดแคลนอาหาร พวกเขาก็สามารถนำม้าศึกมาประทังความหิว
เชวี่ยหนีกลับไปถึงด่านเยี่ยนเหมินด้วยความอับอาย เขาได้แจ้งข่าวความพ่ายแพ้ต่อเหล่าประมุข ปู้ตู้เกินและคนอื่นๆพลันตะหนักได้ว่าเรื่องนี้ดูเหมือนจะร้ายแรงกว่าที่คาด ความร้ายกาจของทัพฮั่นได้ส่งผลกระทบมาถึงทัพพันธมิตรที่บุกตีด่านเยี่ยนเหมิน มีแนวโน้มสูงยิ่งว่าการรุกรานครั้งนี้ของพวกเขาจะประสบกับความล้มเหลว
ซูลี่มีสีหน้าเขียวคล้ำ "นักรบเซียนเป่ยของข้าไร้เทียมทาน แล้วจะถูกทัพฮั่นทำลายจนย่อยยับได้อย่างไร เชวี่ยจี เจ้าเล่ารายละเอียดทั้งก่อนและหลังการศึกมา"
ความพ่ายแพ้อย่างอัปยศทำให้ยอดนักรบแห่งเซียนเป่ยผู้นี้หน้าม่อยคอตก "ข้านำทัพม้าหนึ่งหมื่นคนเร่งเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน ผู้ใดจะไปคิดว่าทัพฮั่นจะลอบเข้าโจมตีกลางดึก ดังนั้นกองทัพหนึ่งหมื่นคนของข้าจึงถูกจู่โจมแตกพ่าย" จากนั้นเชวี่ยจีจึงเล่าถึงรายละเอียดของการศึกทีละขั้น
เกิดความเงียบขึ้นภายในกระโจม พวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆทัพฮั่นจะเปลี่ยนเป็นร้ายกาจเช่นนี้ เพียงครึ่งเดือนก็ปราบพิชิตทัพม้าเซียนเป่ยจำนวนหนึ่งหมื่นลงอย่างราบคาบ เชวี่ยจีต้องหนีอย่างหัวซุกหัวซุนกลับมาด้วยทหารที่เหลือไม่ถึงร้อยคน ทัพม้าของอีกฝ่ายไฉนจึงร้ายกาจถึงเพียงนี้?
ผู้ที่มีสีหน้าอัปลักษณ์ที่สุดก็คือเคอปี่เหนิง ในฐานะนักรบที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาประมุขทั้งสาม เขาก็รู้สึกได้ถึงวิกฤติ กล่าวได้ว่าเวลานี้เซียนเป่ยภาคกลางนับว่าเสียหายหนักที่สุดในบรรดาเซียนเป่ยทั้งสามกลุ่ม ทั้งยังเป็นการสูญเสียโดยไม่ได้อะไร ราชสำนักที่ภูเขาต้านหานก็ถูกทัพฮั่นบุกทำลาย เมื่อกลับไปแล้วเขาก็ยังไม่ทราบว่าจะปลอบใจบรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆได้อย่างไร
"ทหารปิ้งโจวแข็งแกร่งยิ่ง สามารถยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้ ทำให้พวกเรามีเวลาไม่พอ พรุ่งนี้ข้าจะกลับแล้ว" กล่าวจบ เคอปี่เหนิงก็เดินออกจากกระโจมไป
"เซียนเป่ยตะวันออกก็มีเรื่องให้ต้องจัดการเช่นกัน ดังนั้นพรุ่งนี้ทัพข้าก็จะถอนตัวด้วย" หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว ซูลี่ก็คิดว่าทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือการถอยทัพ ไม่ว่าผู้ใดก็บอกไม่ได้ว่าหลังจากอาละวาดจนเซียนเป่ยภาคกลางย่อยยับแล้ว ทัพฮั่นจะบุกไปยังเซียนเป่ยตะวันออกด้วยหรือไม่ หากแม่ทัพชาวฮั่นผู้นั้นเกิดนึกอยากไปเยือนเซียนเป่ยตะวันออกขึ้นมา ตำแหน่งในเซียนเป่ยตะวันออกของเขาก็จะสั่นคลอนทันที
"เป้าหมายที่ทัพฮั่นทำเช่นนี้ก็เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้ด่านเยี่ยนเหมิน ดังนั้นขอเพียงพวกเราอดทนเอาไว้ ทัพฮั่นนั่นก็ทำอย่างไรพวกเราไม่ได้แล้ว" ปู้ตู้เกินยังพยายามโน้มน้าว
"ฮึ่ม เซียนเป่ยนับหมื่นยังทำอะไรทัพม้าปิ้งโจวไม่ได้ ผู้ใดจะทราบว่าในปิ้งโจวยังมีทัพม้าที่ร้ายกาจเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่? เซียนเป่ยตะวันตกสามารถลองเดิมพันดูได้ แต่เซียนเป่ยตะวันออกจะไม่ยอมนำความอยู่รอดของชนเผ่าต่างๆมาเดิมพันด้วย" ซูลี่กลาวด้วยความขุ่นเคือง
สงครามในครั้งนี้ เซียนเป่ยตะวันตกเองก็สูญเสียกำลังไปไม่น้อย ความสัมพันธ์ของปู้ตู้เกินกับเซียนเป่ยตะวันออกก็เพียงผิวเผิน ซูลี่ทราบว่าปู้ตู้เกินมีใจทะเยอทะยาน แต่หลังจากเสียกำลังไปคราวนี้ เซียนเป่ยภาคกลางก็ยากจะประชันขันแข่งกับเซียนเป่ยอีกสองกลุ่ม
ปู้ตู้เกินส่ายหน้าด้วยความจนใจ นับแต่มีทัพหนุนมาเสริมกำลัง ด่านเยี่ยนเหมินก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ทัพพันธมิตรเซียนเป่ยไม่อาจยึดด่านได้ในเวลาอันสั้น ยังดีที่คนของเขาทางฝั่งเมืองหยุนจงยังพอมีผลลัพธ์อยู่บ้างเล็กน้อย หากยึดด่านเยี่ยนเหมินได้ ฤดูหนาวปีนี้พวกเขาก็จะไม่ต้องทนหิวอีกต่อไป การต้องลามือจากด่านเยี่ยนเหมินไปนั้น เขารู้สึกไม่เต็มใจเลยจริงๆ
ด้วยทัพหนุนจำนวนแปดพันของโกซุ่น สถานการณ์ของด่านเยี่ยนเหมินก็ค่อยๆมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากโกซุ่นรับสมัครทหารอาสาจากภายในเมืองตามคำแนะนำของลิโป้ การป้องกันด่านก็ง่ายขึ้นมาก ชาวบ้านบางคนรับหน้าที่ขนส่งเสบียง บางคนก็รับหน้าที่จัดส่งยุทธภัณฑ์ ทำให้ทหารรักษาด่านไม่ต้องรับผิดชอบหลายหน้าที่ การรับมือกับทัพเซียนเป่ยจึงมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เมื่อใดที่กำแพงด่านเกิดความเสียหาย ทหารอาสาก็จะจะรีบมาช่วยกันซ่อมแซมอย่างแข็งขัน
ความกระตือรือร้นของผู้คนภายในด่านนั้นสูงยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากที่โกซุ่นประกาศจ่ายค่าแรง ผู้คนก็พากันมาเข้าร่วมอย่างคึกคัก แทนที่จะซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านเพื่อรอให้พวกเซียนเป่ยถอยทัพกลับไป ไม่สู้ออกมาช่วยงานทางการเพื่อปกป้องบ้านเกิด
ด้วยการสนับสนุนจากเหล่าชาวบ้าน ด่านเยี่ยนเหมินก็มั่นคงดุจปราการเหล็ก ทหารรักษาด่านเองก็รู้สึกฮึกเหิมกันมาก เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกดีเมื่อได้รับการสนับสนุนจากผู้คน ขณะเดียวกัน หทารใหม่ของทัพปิ้งโจวก็ได้รับประสบการณ์ในการรบไปด้วย
"ซุ่นจื่อ แม่ทัพเซียวเล่า? พวกเซียนเป่ยเริ่มถอยทัพแล้ว!" โจเส็งตะโกนด้วยความตื่นเต้นโดยไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์ใดอีก
โกซุ่นตกตะลึง เขารีบขึ้นไปบนกำแพงด่านทันที เมื่อเห็นว่าทัพเวียนเป่ยที่หน้าด่านค่อยๆถอยทัพกลับแล้วจริงๆ แววตาก็ฉายแววยินดี "ไฉนพวกเซียนเป่ยจึงถอยทัพแล้ว? มีข่าวจากเมืองจิ้นหยางส่งมาหรือไม่ว่าทัพเซียนเป่ยที่แยกตัวออกไปเมื่อครึ่งเดือนก่อนนั้นไปยังที่ใด? หรือนี่จะเป็นอุบายของพวกเซียนเป่ย?"
"ไม่มี จวนเจ้าเมืองเพียงแจ้งว่า หากมีข่าวความเคลื่อนไหวใดจะรีบแจ้งให้พวกเราทราบทันที" โจเส็งกล่าวด้วยความสับสน เข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดลิโป้จึงไม่ได้มาบัญชการที่ด่านเยี่ยนเหมินด้วยตนเอง เขาคุ้นเคยกับนิสัยของลิโป้ดี เขาทราบว่าลิโป้นั้นเสพพ์ติดการออกรบด้วยตนเองเป็นอย่างยิ่ง
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved