ซี่จื่อไฉค้อมคำนับอย่างนอบน้อมคราหนึ่งก่อนจะออกจากห้องไป เขาย่อมเข้าใจความหมายในวาจาของซัวหยง ในแผ่นดินเวลานี้มีหลายคนที่เชื่อว่าซัวหยงถูกลิโป้บีบบังคับพาตัวมา ซัวหยงต้องการจะบอกต่อคนทั่วหล้าผ่านโจโฉว่าเขามาที่ปิ้งโจวด้วยความสมัครใจเอง
ซี่จื่อไฉเองก็เคยมีข้อสงสัยในเรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน แต่หลังจากได้เห็นตำราที่ทำขึ้นมาจากกระดาษแล้ว ความสงสัยภายในใจของเขาก็สลายหายไปโดยพลัน ยังมีสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าตำราเรียนอีกงั้นหรือ? เขาสามารถคาดการณ์ได้เลยว่า เมื่อหนังสือตำราเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกสู่สายตาของผู้คนในแผ่นดิน มันจะต้องได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และบรรดาบัณฑิตนักศึกษาจะต้องแห่แหนกันมาที่ปิ้งโจวอย่างแน่นอน สิ่งที่บัณฑิตผู้ยากไร้ขาดแคลนที่สุดก็คือโอกาสในการศึกษา ชื่อเสียงของซัวหยงนั้นย่อมไม่มีผู้ใดคลางแคลงใจ ยิ่งกว่านั้นจิ้นหยางยังมีหนังสือตำรามากมาย ถึงแม้ทุกคนจะทราบว่าเจ้าเมืองปิ้งโจวคือลิโป้ผู้หยาบกร้านก็ตาม แต่นั่นก็ไม่อาจจะหยุดยั้งเหล่าผู้ที่ฝักใฝ่ต่อวิชาการได้
ที่สร้างความฉงนให้กับซี่จื่อไฉนยิ่งกว่าก็คือ หนังสือตำราเหล่านี้ล้วนเป็นของล้ำค่า หากแต่โรงเรียนจิ้นหยางกลับมีฉบับคัดลอกอยู่อย่างละเล่ม นี่ต้องใช้กระดาษมากมายเพียงใดจึงจะจัดสร้างขึ้นมาได้? ราคาของกระดาษแผ่นหนึ่งก็ไม่ใช่ถูกๆ บางคราต่อให้มีเงินร้อยตำลึงก็ยังซื้อหามาไม่ได้เสียด้วยซ้ำ พ่อค้าเหล่านั้นฉลาดยิ่ง พวกเขาไม่ได้ปล่อยขายกระดาษออกมาคราเดียวหมด แต่พวกเขาจะติดต่อกับชนชั้นสูง ทำให้ยากที่นักศึกษาทั่วไปจะมีโอกาสได้ครอบครองหรือกระทั่งได้เห็นของจริง
ซี่จื่อไฉเคยตรวจสอบแหล่งที่มาของกระดาษจิ้น เขาเคยสงสัยว่ามันอาจจะถูกผลิตขึ้นในเมืองจิ้นหยาง หากแต่พวกพ่อค้านั้นต่างปิดปากสนิท กระนั้นก็ยังมีข้อบ่งชี้หลายประการที่บ่งบอกว่ากระดาษจิ้นนั้นถูกลำเลียงมาจากจิ้นหยาง ทันใดนั้นเขาก็พลันนึกถึงตำราที่ทำขึ้นจากกระดาษหลายเล่มนั้น นึกมาถึงจุดนี้ ซี่จื่อไฉก็พลันเข้าใจแล้วว่า ผู้คนในใต้หล้านั้นดูหมิ่นดูแคลนลิโป้ว่าเป็นเพียงนักรบหยาบกระด้าง แต่คนเหล่านั้นกลับไม่รู้เลยว่าการกระทำของลิโป้นั้นได้ล้ำหน้าบรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายในแผ่นดินไปแล้ว ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เพียงเอ่ยถึงกำไรของกระดาษจิ้นเพียงอย่างเดียว เกรงว่าลิโป้จะมั่งคั่งมากแล้ว หากแต่การทำสำเนาหนังสือนั้นต้องใช้กำลังคนไม่ใช่น้อย เป็นเรื่องนี้เองที่สร้างความสับสนให้กับเขา ความสำเร็จของปิ้งโจวนั้นเหนือจินตนการมาก อย่างน้อยที่สุด ที่กุนจิ๋วก็ยังทำเช่นนี้ไม่ได้
ผู้คนที่เดินสวนกันขวักไขว่ทำให้ซี่จื่อไฉรู้สึกราวกับว่าเขากำลังอยู่ภายในมหานครอันเจริญรุ่งเรือง ร้านค้าที่เรียงรายอยู่สองฟากข้างของถนนทำให้เมืองแห่งนี้ดูคึกคักมีชีวิตชีวา จู่ๆเขาก็เริ่มจะสนใจลิโป้ขึ้นมา ต้องเป็นบุรุษแบบใดกันจึงจะสามารถพลิกโฉมปิ้งโจวได้ถึงเพียงนี้ ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของลิโป้จริงๆ?
กุยแกรู้สึกยินดียิ่งเมื่อทราบว่าสหายเก่าของเขา ซี่จื่อไฉ เป็นทูตของกุนจิ๋วมายังจิ้นหยาง ทว่าน่าเสียดายที่ทั้งสองคนไม่ได้รับใช้นายคนเดียวกัน อันที่จริงกุยแกไม่ได้ตั้งใจจะทำงานอยู่ที่ปิ้งโจวนานนัก แต่การรุกรานของชาวเซียนเป่ยทำให้เขาสนิทสนมกับลิโป้ และสงครามก็ทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของปิ้งโจว ดังนั้นสุดท้ายแล้วเขาจึงเลือกที่จะอยู่ที่ปิ้งโจวแห่งนี้
กุยแกอยากจะเกลี้ยมกล่อมให้ซี่จื่อไฉรั้งอยู่ที่ปิ้งโจวคอยช่วยงานลิโป้ด้วยกัน แต่เขาก็ทราบนิสัยใจคอของสหายผู้นี้ ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยปากชักชวน ทั้งสองนั่งดื่มสุราโอภาปราศัย ในช่วงเวลานี้ ทั้งสองต่างก็บอกเล่าถึงประสบการณ์ที่ตนเองได้ประสบพบเจอมา แต่เมื่อซี่จื่อไฉหยิบยกเรื่องหนังสือตำราที่เป็นความลับของปิ้งโจวขึ้นมา กุยแกก็เพียงแค่แย้มยิ้ม แต่ไม่ได้อธิบายอะไร
สหายเก่าทั้งสองเลือกรับใช้เจ้านายคนละคน นี่ทำให้ทั้งสองต่างก็รู้สึกเสียดาย ซี่จื่อไฉล่วงรู้พรสวรรค์ของกุยแกดี ดังนั้นจึงเอ่ยปากแนะนำต่อโจโฉ
เมื่อมีทูตจากกุนจิ๋วเดินทางเข้ามา ลิโป้ก็ให้ความสำคัญกับมันมาก ขุมกำลังของโจโฉนั้นไม่อาจมองข้ามได้โดยเด็ดขาด อีกทั้งพวกเขาสองคนยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
เมื่อได้เห็นที่ปรึกษาผู้เลื่องชื่ออย่างซี่จื่อไฉ ลิโป้ก็ทอดถอนใจอยู่ภายใน แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เหล่าผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ก็ยังคงมีทางเลือกเป็นของตัวเอง โชคดีที่บัดนี้ปิ้งโจวได้ตัวกาเซี่ยงและกุยแกมาแล้ว ในแง่ความสามารถของกุนซือที่เขามีตอนนี้นั้น เพียงสองยอดกุนซือนี้ก็ทำให้ฝ่ายของเขาไม่ได้ด้อยกว่าบรรดาเจ้าเมืองคนอื่นๆแล้ว
ซี่จื่อไฉสูงราวเจ็ดฉื่อ มีผิวพรรณดูดี ทั่วร่างปกคลุมไว้ด้วยกลิ่นอายของผู้คงแก่เรียน หากแต่สีหน้าของเขาดูซีดขาวอยู่บ้าง ร่างกายของเขาค่อนข้างซูบผอมจนราวกับจะถูกพัดพาไปตามลม ซึ่งนี่มีส่วนคล้ายกับกุยแกอยู่หลายส่วน
"ข้าไม่ได้พบกับพี่เมิ่งเต๋อมานาน ไม่รู้ว่าเขายังสบายดีหรือไม่?" ลิโป้กล่าวด้วยรอยยิ้ม ที่ด้านข้างยืนไว้ด้วยสองยอดกุนซืออย่างกาเซี่ยงและกุยแก
"ข้าน้อยขอขอบคุณใต้เท้าแทนนายท่าน" ซี่จือไฉกุมมือกล่าวตอบ
หลังจากกล่าวทักทายตามมารยาทแล้ว ซี่จื่อไฉก็อธิบายถึงจุดประสงค์การมาเยือน "มีคำกล่าวว่าประเทศนั้นไม่อาจขาดประมุขได้แม้เพียงวันเดียว กบฏตั๋งโต๊ะจับองค์ฮ่องเต้ ยึดครองฉางอัน เผาพระราชฐาน ทำให้องค์ฮ่องเต้ต้องสิ้นพระชนม์ในความวุ่นวาย ในฐานะข้าราชบริพารแห่งต้าฮั่นแล้ว ท่านโจโฉแห่งกุนจิ๋วจึงมีความกังวลต่อเรื่องนี้ ทั้งยังมีความคิดจะสถาปนาฮ่องเต้พระองค์ใหม่เพื่อสืบทอดราชบัลลังก์และฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นให้กลับมารุ่งเรืองอีกครา ใต้เท้ามีใจจงรักต่อราชวงศ์ ครั้งหนึ่งยังเคยทำศึกกับตั๋งโต๊ะ และบัดนี้ใต้เท้ายังได้นำทัพบุกทำลายทัพเซียนเป่ยจนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน"
ลิโป้นั่งอยู่บนเก้าอี้ เขารับชมบทละครเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม
"นายท่านของข้าได้รับพระบัญชาให้เฝ้ารักษาปิ้งโจว มิได้หย่อนหยานแม้สักวัน บัดนี้ราชวงศ์ฮั่นกำลังเสื่อมโทรม ดังนั้นจึงยิ่งต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ ไม่ทราบว่าใต้เท้าโจมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้วหรือไม่?" กาเซี่ยงที่อยู่ด้านข้างพลันเอ่ยถามขึ้น
"เล่าหงีแห่งอิวจิ๋วมีชื่อเสียงดีงาม ปฏิบัติต่อประชาราษฏรด้วยใจเมตตา เล่าเปียวแห่งเกงจิ๋วเองก็เป็นผู้มีคุณธรรม ปกครองเมืองด้วยความสุจริต" ซี่จื่อไฉไม่ได้ตอบอย่างชัดเจนว่าโจโฉนั้นจะเลือกใคร มิเช่นนั้นคงทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีเอาไว้
"เล่าเอี๋ยนแห่งเอ็กจิ๋วเองก็เป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่นเช่นกัน" ลิโป้กล่าวเสริม
"เป็นข้าน้อยที่กล่าวตกหล่นไป" ซี่จื่อไฉกุมมือกล่าวขออภัยด้วยท่าทีเรียบเฉย
การสถาปนาเชื้อพระวงศ์ขึ้นเป็นฮ่องเต้นั้นเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของกาเซี่ยงและกุยแกแล้ว ลิโป้ก็เข้าใจประโยชน์ของการเข้าร่วม ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ลำบากเพียงเอ่ยปากเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องส่งกำลังทหารออกไป เพียงแค่ต้องแสดงท่าทีเท่านั้น ลิโป้ย่อมยินดีกระทำ เพราะหลังจากจบสงคราม ปิ้งโจวยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกสักพัก
"อ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋วนั้นเป็นหมาป่าที่มีความทะเยอทะยาน ยามที่ทัพเซียนเป่ยบุกโจมตีด่านเยี่ยนเหมิน เขาก็ส่งงันเหลียงนำทัพจำนวนหลายหมื่นมาบุกตีด่านหูกวน ไม่ทราบว่าเรื่องนี้ใต้เท้าโจมีความเห็นว่าอย่างไร?" กาเซี่ยงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ซี่จื่อไฉรู้สึกหนักใจ เขาจ้องมองกาเซี่ยงที่ยืนอยู่ด้านข้างลิโป้อย่างลึกซึ้ง หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยออกมาว่า "ที่กุนจิ๋วมีทัพกบฏโจรโพกผ้าเหลืองชูธงลุกฮือ ดังนั้นจึงไม่ทราบรายละเอียดถึงเรื่องนี้ ทั้งยังไม่อาจคาดเดาโดยไม่รู้ความ หวังว่าใต้เท้าจะให้อภัย"
การเดินทางมายังปิ้งโจวในฐานะทูตครั้งนี้ ซี่จื่อไฉก็ได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย ที่นี่ไม่ใช่ดินแดนอันแร้นแค้นที่ขาดแคลนผู้มีความสามารถเลยแม้แต่น้อย ยังไม่ต้องกล่าวถึงแม่ทัพนายกอง เพราะหากกล่าวถึงเรื่องนี้ เกรงว่าจะไม่มีเจ้าเมืองคนใดกล้าบอกว่ากองทัพของตนนั้นแข็งแกร่งกว่ากองทัพปิ้งโจวที่สามารถมีชัยเหนือชนเผ่าเซียนเป่ย วันนี้ เขายังได้พบพานกับที่ปรึกษาอย่างกาเซี่ยงและกุยแกอีก นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้
"เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ขุนนางผู้นี้คงต้องหารือกับผู้ใต้บังคับบัญชาก่อน จากนั้นจึงจะให้คำตอบได้ ใต้เท้าซี่เดินทางมาไกล นับว่าลำบากใต้เท้าแล้ว" กล่าวจบ ลิโป้ก็หันไปกล่าวกับกุยแก "ในระหว่างนี้ ให้เฟิ่งเซี่ยวคอยต้อนรับขับสู้ใต้เท้าซี่ก็แล้วกัน"
กุยแกกุมมือรับคำ ก่อนหน้านี้ทั้งสองได้พบปะกันอย่างเปิดเผย ขอเพียงส่งคนไปตรวจสอบก็จะทราบได้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด พบปะกันอย่างเปิดเผยย่อมดีกว่า
ซี่จื่อไฉมองดูลิโป้อย่างลึกซึ้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงสงบนิ่ง เขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจ จากท่าทีของลิโป้แล้ว จะเห็นได้ว่าลิโป้นั้นเชื่อใจกุยแก
คืนนั้น ลิโป้จัดงานเลี้ยงต้อนรับซี่จื่อไฉขึ้นที่จวนเจ้าเมือง หลังจากแสดงมารยาทของเจ้าบ้านพอเป็นพิธีแล้ว ก่อนที่จะออกจากงานเลี้ยง ลิโป้ยังให้ซี่จื่อไฉนำกระดาษหนึ่งหีบกลับไปมอบต่อโจโฉ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved