"หากท่านต้องการจะติดต่อขอซื้อม้าศึก บิต๊กควรจะดูแลรับผิดชอบในเรื่องนี้ ข้านั้นยุ่งวุ่นวายกับเรื่องต่างๆ ดังนั้นจึงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้สักเท่าใด" ลิโป้กล่าว
ซุนเขียนยิ้มเจื่อน "จิ้นโหว เรื่องราวระหว่างใต้เท้าบิและชีจิ๋วนั้นเป็นที่ล่วงรู้ทั่วกันทั้งแผ่นดิน แม้ข้าน้อยต้องการจะติดต่อขอซื้อม้าศึก นั่นก็คงจะไม่ได้ หวังว่าจิ้นโหวจะช่วยพูดกับใต้เท้าบิในเรื่องนี้"
ลิโป้พลันกล่าวขึ้นว่า "อ้อ ที่เรื่องนี้เกิดขึ้นก็เป็นเพราะพวกท่านเองไม่ใช่รึ? หากไม่ใช่เพราะทัพปิ้งโจวแข็งแกร่ง เกรงว่าเล่าเสวียนเต๋อคงต้องการจะรั้งตัวโหวผู้นี้ให้อยู่ในชีจิ๋วใช่หรือไม่?"
ซุนเขียนรีบกุมมือกล่าวว่า "จิ้นโหวเดินทางไปยังชีจิ๋วด้วยคุณธรรม และใต้เท้าเล่าเองก็ซาบซึ้งในบุญคุณครั้งนั้นยิ่ง เขาจะกล้าเสี่ยงต้องแบกรับคำครหาจากผู้คนทั่วแผ่นดินเพียงเพราะความขุ่นเคืองใจด้วยเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร?"
"แม่ทัพเตียน ส่งคนไปเชิญบิต๊กมา บอกว่ามีการค้ารายหนึ่งให้จัดการ มีกำไรมามอบให้ถึงที่ มีหรือที่เขาจะไม่ต้องการ" ลิโป้กล่าว
ซุนเขียนใจเต้นแรง จากน้ำเสียงของลิโป้แล้ว แสดงว่าคิดทำให้ชีจิ๋วต้องจ่ายด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงเพื่อจะซื้อม้าศึก แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับลิโป้ในชีจิ๋วแล้ว เขาก็ได้แต่กล่าวด้วยความอดทนว่า "ขอบคุณจิ้นโหวที่เมตตา ชีจิ๋วจะไม่ลืมเลือนน้ำใจนี้"
ลิโป้หยิบหนังสือขึ้นมาพลางกล่าวว่า "หากว่าใต้เท้าซุนต้องการ ท่านสามารถชมดูหนังสือตำราภายในห้องนี้"
ได้ยินดังนั้น ซุนเขียนก็ปิติยินดี เขากุมมือกล่าวว่า "ขอบคุณจิ้นโหว"
ในปัจจุบัน บัณฑิตทั่วแผ่นดินล้วนทราบแล้วว่ากระดาษจิ้นที่ได้รับความนิยมในหมู่ขุนนางนั้นมาจากจิ้นหยาง นอกจากนั้นในจิ้นหยางยังมีโรงพิมพ์ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดสร้างหนังสือ แม้แต่นักเรียนในโรงเรียนจิ้นก็ยังมีหนังสือสำหรับการเรียนคนละชุด แม้ว่าบัณฑิตทั้งหลายจะดูแคลนลิโป้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่อยากอ่านหนังสือ บัณฑิตทุกคนล้วนกระหายอยากในความรู้ แต่พวกเขาไม่ต้องการจะเดินทางมาที่ปิ้งโจว หรือไม่พวกเขาก็ไม่ต้องการกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของลิโป้
นับเป็นครั้งแรกที่ซุนเขียนรู้สึกว่าเวลาช่างเดินเร็วนัก ขณะที่เขากำลังอ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลิน เสียงที่บิต๊กทำความเคารพต่อลิโป้ก็ปลุกเขากลับมา เขารีบคารวะบิต๊กพลางเอ่ยขออภัย "ข้าน้อยจมอยู่กับความน่าทึ่งของหนังสือเกินไป หวังว่าจิ้นโหวและใต้เท้าบิจะไม่ถือสา" ในฐานะทูต ซุนเขียนทราบว่ามีเพียงการปฏิบัติตัวดีเท่านั้นจึงจะสามารถเอาชนะใจอีกฝ่ายทูตของอ้วนสุดนั้นเป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว หากต้องการจะวางอำนาจบาตรใหญ่ในปิ้งโจว ก็มีแต่ต้องแข็งแกร่งกว่าปิ้งโจวให้ได้
"จื่อจ้ง ท่านทราบเรื่องการขายม้าศึกให้ชีจิ๋วหรือไม่?" ลิโป้หันไปถามบิต๊ก
บิต๊กตอบอย่างนอบน้อม "นายท่าน ใต้เท้าซุนคิดว่าม้าศึกตัวละห้าร้อยตำลึงนั้นเพียงเกินไป ดังนั้นจึงขอคิดดูก่อนขอรับ"
เมื่อลิโป้ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ลอบขำอยู่ในใจ หากซุนเขียนตอบตกลงสิถึงแปลก ปกติแล้วปิ้งโจวจะขายม้าศึกตัวหนึ่งอยู่ที่สี่ร้อยห้าสิบตำลึง แต่นี่กลับคิดราคาเพิ่มอีกตัวละห้าสิบตำลึง หาต้องการซื้อม้าศึกจำนวนสามพันตัว นั่นก็จะเป็นเงินหนึ่งล้านห้าแสนตำลึง
"จื่อจ้ง ข้าได้ยินมาว่าล้วนถูกส่งมาจากจิ่วหยวนและกำลังจะนำมาใช้ในกองทัพปิ้งโจว" ลิโป้กล่าว
บิต๊กพลันเข้าใจ เขากุมมือกล่าวว่า "เป็นผู้น้อยที่บกพร่องไปขอรับ"
ซุนเขียนใจเต้นแรง เขาเองก็ย่อมทราบความหมายในวาจาของลิโป้เช่นกัน เกรงว่าครั้งนี้ชีจิ๋วคงต้องสูญเสียอย่างหนักแล้ว
"ม้าศึกที่ปิ้งโจวขายในปัจจุบันเป็นม้าศึกชั้นดีจากโรงเลี้ยงม้าในจิ่วหยวน ดังนั้นราคาจึงค่อนข้างสูงอยู่บ้าง ผู้น้อยประมาทและเกือบจะทำพลาดครั้งใหญ่ ตอนนั้นเป็นเพราะข้าน้อยเร่งรีบไม่ทันคิด จึงประเมินราคาผิดไปขอรับ" บิต๊กกุมมือกล่าวต่อลิโป้
พ่อค้าย่อมทำการค้าเพื่อแสวงหาผลกำไร อย่างไรก็ตาม บิต๊กเองก็ยังใช้อำนาจในการคิดบัญชีกับเรื่องราวในชีจิ๋วด้วย
"ในเมื่อใต้เ้ทาซุนมาพบข้า เช่นนั้นก็ขายม้าศึกให้ใต้เท้าซุนตัวละห้าร้อยตำลึงก็แล้วกัน อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ขอแลกเปลี่ยนเป็นอาหารก็แล้วกัน ชีจิ๋วเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ มีพืชพรรณธัญญาหารครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่ทราบว่าใต้เท้าซุนมีความเห็นอย่างไร?" ลิโป้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อซุนเขียนได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตอบตกลง สำหรับชีจิ๋วแล้ว เสบียงอาหารไม่ใช่สิ่งของอันหาได้ยาก ต่อให้ลิโป้จะเรียกราคาสูงขึ้นอีก เขาก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้
เมื่อเห็นว่าปัญหาคลี่คลายแล้ว ซุนเขียนก็กล่าวอำลา
"จื่อจ้ง ม้าศึกที่ขายออกไปจะต้องคัดเลือกให้ดี โดยเฉพาะที่ขายให้ชีจิ๋ว จะต้องไม่ปล่อยให้มีม้าดีหลุดไป" ลิโป้เอ่ยเตือน
บิต๊กรับคำแล้วจึงขอตัวอำลา
หลังจากเหตุการณ์ในชีจิ๋วครั้งนั้น ลิโป้ก็ไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อเล่าปี่อีก หากว่าในอนาคต ปิ้งโจวและชีจิ๋วเกิดความขัดแย้งกัน เขาก็ไม่รังเกียจที่จะใช้ตัวหมากที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ในชีจิ๋วล่วงหน้า
ก่อนที่จะได้พบกับเล่าปี่ เขาก็ยังคงรู้สึกดีต่อเล่าปี่ที่มีความพากเพียรพยายามในการขึ้นเป็นจักรพรรดิผู้นี้ แต่หลังจากได้พบเจอตัวจริง เขาก็รู้สึกว่าเล่าปี่แตกต่างจากในคำบอกเล่า
หลังจากสะสางเรื่องราวอื่นๆแล้ว ลิโป้ก็กลับไปที่จวน หลังจากผ่านการกรำศึกในอิวจิ๋ว เขาก็ต้องการจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น
"วันนี้อากาศดี ใยพวกเราไม่ออกไปเดินเที่ยวภายในเมืองสักหน่อยเล่า?" แน่นอนว่าข้อเสนอของลิโป้ได้รับการสนุนจากสตรีภายในบ้านทุกนาง แม้แต่ลิหลิงฉีก็ยังตื่นเต้นและพูดไม่หยุด
แม้ว่าลิหลิงฉีจะนับได้ว่าเป็นเด็กโตแล้ว หากแต่ในสายตาลิโป้นั้น ลิหลิงฉียังคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ยังไม่โต บนใบหน้าของเขาเองก็มีรอยยิ้มอย่างมีความสุข การออกไปเที่ยวดันพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวนับเป็นเรื่องหายากสำหรับลิโป้ เพราะส่วนใหญ่แล้วเขาจะต้องสะสางเรื่องราวต่างๆอยู่ที่จวนเจ้าเมืองเนื่องเพราะเรื่องสำคัญส่วนใหญ่ล้วนต้องได้รับการเห็นชอบจากเขา
เพื่อไม่ให้เป็นการดึงดูดความสนใจของผู้คนมากเกินไป ทั้งครอบครัวจึงผลัดเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา แม้กระนั้น รูปโฉมของเตียวเสี้ยน ซัวเอี๋ยม และบิเจินก็ยังทำให้ลิโป้ต้องนิ่งตะลึง แม้จะเคยได้ใกล้ชิดกับพวกนางแล้ว เมื่อเห็นท่าทางที่เขินอายของเตียวเสี้ยน ความบริสุทธิ์สดใสของบิเจิน และความสง่างามของซัวเอี๋ยม เขาก็อดเกิดความหวั่นไหวใจขึ้นไม่ได้
"พวกเจ้าควรจะปิดคลุมหน้าด้วย ไม่เช่นนั้นในระหว่างที่เดินอยู่คงมีเรื่องเกิดขึ้นเป็นแน่" ลิโป้กล่าวกลั้วหัวเราะ
บิเจินเอ่ยถามด้วยความสงสัย "ท่านพี่ จะเกิดเรื่องะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?"
"ภรรยาทั้งสี่ของข้าล้วนงดงามชวนให้ตกตะลึงเช่นนี้ หากไปเดินตามท้องถนน เกรงว่าจะทำให้บุรุษที่ผ่านไปผ่านมาต้องตกตะลึงจนลืมไปเลยว่ากระทำอะไร คนเดินเท้านั้นยังไม่เป็นไร แต่หากว่าขับรถม้าอยู่เล่า นั่นคงย่ำแย่แล้ว"
หญิงสาวทั้งสี่ต่างพากันแยกย้ายกันกลับห้องด้วยใบหน้าขึ้นสี ในใจรู้สึกหวานฉ่ำ จะมีสิ่งใดน่าฟังไปจากคำชมจากคนรัก?
ลิหลิงฉีองก็ติดตามเหยียนหลานกลับไปในห้อง ยามที่นางออกมา บนใบหน้าก็ถูกปิดคลุมไว้ด้วยผ้าคลุมหน้าผืนหนึ่งเช่นกัน
"ไฉนหลิงฉีเองก็คลุมหน้าด้วยเล่า?" ลิโป้เอ่ยถามด้วยความสงสัยขณะจับมือน้อยๆของลิหลิงฉีไว้
"หลิงฉีเองก็เป็นหญิงงามเมือง!" ท่าทางที่จริงจังของลิหลิงฉีทำให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคน
"ท่านพ่อหัวเราะอะไรกัน? หรือว่าหลิงฉีไม่งดงาม?" ลิหลิงฉีถามอย่างแง่งอน
ลิโป้หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า "งดงามสิ หลิงฉีหน้าตางดงามที่สุดในครอบครัวของเราแล้ว"
ลิหลิงฉีพยักหน้าซ้ำๆเป็นเชิงเข้าใจ
เมื่อเห็นลิโป้จูงมือลิหลิงฉีและมอบรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรักให้กับเหยียนหลาน ซัวเอี๋ยมก็อดจะเกิดความเคาดหวังขึ้นไม่ได้ ในตอนนี้ นางอยากจะตั้งครรภ์โดยเร็ว ในแง่ของอายุแล้ว นางยังอายุมากกว่าเตียวเสี้ยนและบิเจิน ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่นางจะเกิดความกังวลยิ่งกว่า
หลังจากขึ้นรถม้าที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว ทั้งครอบครัวก็ออกเดินทาง การไถหว่านในฤดูใบผลิได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ความเขียวขจีของทุ่งหญ้าทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงอากาศที่บริสุทธิ์ ผู้คนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในทุ่งนาทำให้รู้สึกได้ถึงความเจริญรุ่งเรือง....
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved