ตอนที่ 147 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"ดูเหมือนในความเห็นของเจ้าแล้ว พวกเซียนเป่ยจะยังเจ็บปวดไม่มากพอ ดังนั้นจึงคิดมอบบทเรียนให้แก่พวกเขาอีกสักหน่อย" ลิโป้ที่ฟังการเจรจาต่อรองระหว่างกุยแกและทูตของเซียนเป่ยพลันกล่าวขึ้นเมื่อพวกเซียนเป่ยกลับไปแล้ว

"ใต้เท้า ทัพปิ้งโจวอยู่ใกล้กับทัพเซียนเป่ย พวกเขายังคงมีกำลังเหลืออยู่ ไม่สู้พวกเราส่งทัพม้าไปเยี่ยมเยือนพวกเขาสักครา เมื่อเป็นเช่นนั้น ปู้ตู้เกินจะต้องรีบมาขอสงบศึกกับพวกเราอย่างแน่นอน วัวแกะเพียงหนึ่งแสนตัวนั้นยังคงน้อยไป" กุยแกกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ลิโป้ชี้กุยแกก่อนจะหัวเราะออกมา "เฟิ่งเซี่ยว เดิมข้านึกว่าเจ้าเป็นสุภาพชน คิดไม่ถึงว่าจะโหดเช่นนี้"

"เมื่อต่างชาติพันธุ์ก็ต่างจิตต่างใจ ชาวเซียนเป่ยรุกรานต้าฮั่นครั้งแล้วครั้งเล่า บาปที่พวกเขาก่อนั้นยากจะอภัยให้ได้ ดังนั้นสำหรับข้าน้อยแล้ว เงื่อนไขเช่นนี้ถือว่าใจดีกับพวกเขาไปด้วยซ้ำ" กุยแกถอนหายใจ หากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้ถูกเหล่าขันทียุยง เวลานี้ตัวเขาก็อาจจะยังนั่งท่องตำรา ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย คงไม่ได้มาสั่งสอนชนเผ่าเซียนเป่ยอยู่ที่นี่

"ถ่ายทอดคำสั่ง เตรียมเคลื่อนกำลังโจมตีทัพเซียนเป่ย ให้ชาวเซียนเป่ยได้ประจักษ์พลังของทหารม้าปิ้งโจวอีกสักครั้ง ครั้งนี้เอาเป็นทหารม้าหมาป่าก็แล้วกัน" ลิโป้สั่งการ

เผชิญกับทหารเซียนเป่ย ทหารของปิ้งโจวนั้นไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย พวกเขากลับรู้สึกผ่อนคลายเสียด้วยซ้ำ ในใจพวกเขาไม่ได้ยึดถือชาวเซียนเป่ยอยู่ในระดับเดียวกันแต่อย่างใด กลุ่มนักรบที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาตลอดทางนั้นมีอะไรให้ต้องกลัว? ในใจพวกทหารพลันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มอบบทเรียนให้กับพวกเซียนเป่ยอีกครั้ง

แม้อาวุธคุณภาพต่ำและเกราะหนังของชาวเซียนเป่ยจะไม่มีแรงดึงดูดใจแต่อย่างไร แต่การได้เห็นพวกเขาถูกทัพม้าไล่ต้อนจนต้องร้องไห้หาพ่อแม่นั้นเป็นอะไรที่บังเทิงใจยิ่ง

เมื่อเห็นทัพม้าปิ้งโจวมาอีกแล้ว ปู้ตู้เกินก็ตกใจจนเผลอก้าวถอยหลัง จากนั้นเขาก็รีบเข้ามาคว้าอาเหยียนตัวไว้ก่อนจะตะคอก "เจ้าบอกว่าทัพฮั่นก็ต้องการจะสงบศึกไม่ใช่รึ ไฉนพวกเขายกทัพมาอีกแล้ว?"

อาเหยียนตัวได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่ทราบจะตอบเช่นไร

"สู้" ปู้ตู้เกินได้แต่กัดฟันกรอด ใช้ทหารราบสู้กับทหารม้า โอกาสชนะของพวกเขาแทบจะไม่มี ในเมื่อจะหนีก็หนีไม่ได้ เช่นนั้นก็ได้แต่ต้องสู้แล้ว

ถึงอย่างไรทางฝั่งเซียนเป่ยก็ยังเหลือกำลังหมื่นกว่าคน หลังจากกองพลหมาป่าบุกจู่โจมได้สักพัก พวกเขาก็ถอนกำลัง ทิ้งให้ชาวเซียนเป่ยต้องร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่ด้านหลัง

การออกศึกอย่างต่อเนื่องทำให้ความสามารถเตียวเลี้ยวพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เวลานี้เขายังไม่มีตำแหน่งใดในกองทัพปิ้งโจว กระนั้นก็ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกดูแคลน ลิโป้มอบกองพลหมาป่าที่เขาฝึกฝนขึ้นมากับมือให้กับเตียวเลี้ยว เพียงข้อนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าลิโป้เชื่อใจเตียวเลี้ยวเพียงใด

ปู้ตู้เกินที่มีสีหน้ามืดมนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงท้อแท้ "อาเหยียนตัว บอกต่อทัพฮั่นว่าพวกเราตอบรับข้อเรียกร้องของพวกเขา"

เมื่อเหล่าหัวหน้าเผ่าในกระโจมได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดก็พากันก้มหน้าก้มตา ครั้งหนึ่งชนเผ่าเซียนเป่ยเคยแข็งแกร่งถึงขั้นที่ชาวฮั่นต้องหน้าถอดสีเมื่อได้ยิน เป็นพวกเขาที่มักจะได้ประโยชน์จากชาวฮั่น ทว่าบัดนี้ สถานการณ์ได้เกิดการกลับตาลปัตร ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกอัปยศ นั่นเป็นสมบัติของชนเผ่าเซียนเป่ย เป็นเลือดเนื้อที่คอยหล่อเลี้ยงชนเผ่าเลีย้งสัตว์อย่างพวกเขา

สุดท้ายกลับเป็นเขาที่มีสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ปู้ตู้เกินรู้สึกท้อแท้ เขามั่นใจยิ่งว่าหากเขาไม่ยอมรับข้อเสนอของชาวฮั่น อีกฝ่ายก็จะส่งทัพม้ามาโจมตีไม่รู้จบ ทหารของเขาเกิดความหวาดกลัวต่ออีกฝ่ายไปแล้ว พวกเขาไม่อยากจะต่อสู้แล้ว หากชาวฮั่นยังคงลงมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เช่นนี้ เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะมีทหารลอบหนีทัพหรือไม่ เผชิญหน้ากับฝันร้ายที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใดเช่นนี้ พวกเขายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ? ปู้ตู้เกินไม่กล้าเสี่ยง ทั้งยังไม่อาจแบกรับผลที่ตามมา

ในหมู่ชาวเซียนเป่ยตะวันตก มีคนไม่น้อยที่หมายตาตำแหน่งประมุขแห่งเซียนเป่ยตะวันตกอยู่ หากปู้ตู้เกินเหลือกำลังทหารไม่พอจะรักษาอำนาจ เช่นนั้นเซียนเป่ยตะวันตกก็อาจจะต้องเปลี่ยนตัวผู้นำแล้ว

อาเหยียนตัวมาเยือนค่ายของกองทัพปิ้งโจวเป็นครั้งที่สาม

ที่แตกต่างจากสองครั้งก่อนหน้านี้ก็คือ ทางฝ่ายทัพฮั่นเปลี่ยนตัวผู้ที่มาเจรจา ครั้งนี้ไม่ใช่คนหนุ่มที่มีท่าทางเป็นบัณฑิตคงแก่เรียนเหมือนสองครั้งก่อน บัดนี้ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของเขาคือแม่ทัพหนุ่มที่มีส่วนสูงถึงเก้าฉื่อ เป็นระดับความสูงที่ทำให้ผู้คนโดยรอบต้องแหงนมอง กลิ่นอายฆ่าฟันที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเขาทำให้อาเหยียนตัวรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น อาเหยียนตัวทราบว่าอีกฝ่ายก็คือเจ้าเมืองแห่งปิ้งโจว ลิโป้

โดยไม่รอให้อาเหยียนตัวได้เอ่ยปากบอกเจตนาการมา ลิโป้ก็พลันกล่าวเงื่อนไขออกไปทันที "สัตว์เลี้ยงสองแสนตัว ม้าศึกแปดพันตัว และหนังสัตว์สองหมื่นผืน เจ้ามีอำนาจพอจะตัดสินใจแทนปู้ตู้เกินหรือไม่?"

ลิโป้ยิ้มกล่าว หากแต่ในสายตาของอาเหยีนยนตัวนั้น นี่เป็นรอยยิ้มของปีศาจ จำนวนวัวและแกะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแสนตัว ม้าศึกเพิ่มขึ้นมาสามพันตัว หนังสัตว์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหมื่นผืน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเขาตอบตกลง เมื่อกลับไปแล้วปู้ตู้เกินจะต้องจับเขากินทั้งเป็นแน่นอน

อาเหยียนตัวรีบปั้นยิ้ม หากแต่รอยยิ้มของเขากลับดูขัดตายิ่งกว่าร่ำไห้เสียอีก "ใต้เท้า ไม่ใช่ว่าพวกเราตกลงกันว่าเป็นสัตวเลี้ยงหนึ่งแสนตัว ม้าศึกห้าพันตัว และหนังสัตว์หนึ่งหมื่นผืนหรือขอรับ?"

ลิโป้ส่ายหน้า "ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน พวกเราเพิ่งส่งกองทัพออกไปอีกครั้ง หลังจากทำการสู้รบอย่างดุเดือดกับนักรบเซียนเป่ยที่ร้ายกาจ พวกเราก็ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้นย่อมต้องเรียกร้องค่าชดเชยเพิ่มเติม" ลิโป้กล่าวเน้นย้ำคำว่า 'นักรบ'

อาเหยียนตัวไม่ทราบสมควรทำเช่นไร ต่อหน้าแม่ทัพใหญ่ชาวฮั่นผู้นี้แล้ว เขาก็ได้แต่รู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ นี่มันเจรจาซะที่ไหนกัน? เป็นการปล้นกันซึ่งหน้าเสียมากกว่า ในอดีตนั้น ชาวเซียนเป่ยจะเป็นฝ่ายโห่ร้องพุ่งเข้าหา แต่น่าเสียดายที่วันนี้ไม่เหมือนวันวาน ทัพเซียนเป่ยของพวกเขาต้องพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากจะหนีก็หนีไม่รอด

"หากว่าชาวเซียนเป่ยไม่เห็นด้วย เช่นนั้นกองทัพปิ้งโจวของข้าก็จะบอกต่อปู้ตู้เกินเองว่าราชสำนักเซียนเป่ยล่มสลายลงได้อย่างไร" ลิโป้แค่นเสียงเย็น

เมื่ออาเหยียนตัวได้ยินดังนั้นก็พลันหน้าซีดเผือด ผู้ที่กล่าววาจานี้ก็คือเจ้าเมืองแห่งปิ้งโจว เป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในปิ้งโจว

"ใต้เท้า ขอข้าน้อยกลับไปหารือกับท่านปู้ตู้เกินก่อนจะได้หรือไม่ขอรับ?" อาเหยียนตัวค้อมตัวกล่าว

ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ชาวเซียนเป่ยเคยทะนงว่าชนเผ่าของตนนั้นสูงส่ง ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ถานสือหวยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์จากฮ่องเต้ของราชวงศ์ฮั่น เขาก็ปฏิเสธโดยไม่ลังเล อ๋องแห่งเซียนเป่ยงั้นรึ? ก็เป็นแค่ตำแหน่งที่ชาวฮั่นมอบให้ ในยามนั้นชาวเซียนเป่ยยึดถือชาวฮั่นว่าเป็นชนชาติที่ด้อยกว่า

"จงกลับไปบอกต่อปู้ตู้เกินว่า หากแม่ทัพผู้นี้ไม่เห็นของก่อนที่ทัพเซียนเป่ยจะกลับไปยังเผ่า พวกเราก็ไม่รังเกียจที่จะไปรับสิ่งของเหล่านั้นที่เผ่าของพวกเจ้าด้วยตนเอง"

อาเหยียนตัวรีบออกจากกระโจมไปทันที เขาต้องการแจ้งเรื่องนี้ต่อปู้ตู้เกินโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้ันหากทัพฮั่นยกคนออกไปสู้อีก พวกเขาก็จะเรียกร้องค่าชดเชยมากขึ้น

เมื่อปู้ตู้เกินได้ฟังรายงานจากอาเหยียนตัว เขาก็อยากจะร้องไห้แต่ร้องน้ำตา จู่ๆเขาก็รู้สึกอยากจะทุบตีตัวเองเสียจริงๆ หากก่อนหน้านี้เขาตอบรับเงื่อนไขของอีกฝ่ายไปเสียก็จบเรื่องแล้ว ตอนนี้ นอกจากต้องเสียกำลังรบเพิ่มแล้วยังต้องจ่ายค่าชดเชยให้อีกฝ่ายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวด้วย

"รับปากพวกเขาไป" ปู้ตู้เกินกัดฟันกล่าว ไร้ซึ่งสัตวเลี้ยง พวกเขายังสามารถเพาะพันธุ์ขึ้นมาใหม่ แต่หากไร้ซึ่งอำนาจ เขาก็จะไร้ซึ่งสิ่งใด

ชาวเซียนเป่ยสัญญาจะจัดส่งค่าชดเชยให้ทัพฮั่นตามที่ตกลง หายนะของชาวเซียนเป่ยครั้งนี้ได้แพร่กระจายจนเป็นที่รู้กันทั่ว พวกเขาเคยเป็นที่หวาดกลัวของชาวฮั่น แต่มาบัดนี้ พวกเขาได้แต่จำยอมเฉือนเนื้อตัวเองส่งให้ชาวฮั่น ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจเชื่อจริงๆ