ตอนที่ 224 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

กุยแกก็หวังว่าจูล่งจะมาเข้าร่วมปิ้งโจวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นกัน หลังจากสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว ความชื่นชมที่มีต่อจูล่งก็ยิ่งมากขึ้น หากว่าจูฃ่งสามารถย้ายมาที่ปิ้งโจว เขาจะต้องถูกใช้สอยอย่างหนักหน่วงแน่นอน นอกจากนั้นเขายังเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับลิโป้ ด้วยความสัมพันธ์ระดับนี้ เขาจะสามารถยึดครองตำแหน่งในปิ้งโจวได้อย่างมั่นคง หากแต่ในอิวจิ๋วนั้น กุยแกมองไม่เห็นความหวังในการก้าวหน้าของจูล่งเลย

"นายท่าน ตันเทียนเจ้าเมืองไต้จิ๋วต้องการที่จะเข้าร่วมปิ้งโจวด้วยความจริงใจ เขายังได้ส่งทหารจำนวนห้าพันนายมาที่เมืองซ่างกู่ รอจนเมื่อสถานการณ์ในอิวจิ๋วเกิดการเปลี่ยนแปลง ทัพเราก็สามารถเคลื่อนพลได้ทุกเวลา" กุยแกกล่าวรายงาน

ลิโป้พยักหน้า กุยแกสรุปผลการเดินทางไปเยือนเมืองไต้จิ๋วในครั้งนี้ ลิโป้มั่นใจว่ากุยแกวิเคราะห์ไม่ผิดพลาด

หลังมาถึงเมืองซ่างกู่ จูล่งก็รู้สึกว่าบรรยากาศภายในเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ตอนที่เขาเดินทางผ่านเมืองซ่างกู่ครั้งก่อน แม้ว่าหลายคนจะเดินอยู่ภายในเมืองโดยที่มีกำแพงใหญ่คอยคุ้มครอง กระนั้นจูล่งก็ยังคงสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูวิตกกังวลอยู่บ้างของชาวบ้าน แต่ในวันนี้ สีหน้าของผู้คนดูจะผ่อนคลายลงไปมาก

"ฝีมือของทัพปิ้งโจวงั้นหรือ?" จูล่งพึมพำ

ทหารม้าขาวสามสิบเจ็ดคนที่ติดตามมายังคงมีสีหน้ากังวล จะเห็นได้ว่าความร้ายกาจของทหารเซียนเติงนั้นได้สลักลึกลงในใจของพวกเขาเพียงใด หากไม่อาจกำจัดเงามืดที่เกิดจากทหารเซียนเติงได้ พวกเขาก็จะไม่อาจฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในอดีตกลับมา

หลังจากจูล่งมาถึงจวนเจ้าเมือง เขาก็ได้รับการต้อนรับจากลิโป้

เมื่อเห็นจูล่งอีกครั้ง ลิโป้ก็รู้สึกเบาใจ เขารีบเดินออกไปช่วยพยุงจูล่งที่กำลังจะค้อมคำนับและกล่าวว่า "ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน จูล่งไม่ต้องสุภาพ"

จูล่งรู้สึกอบอุ่นใจ ไม่ได้ยืนกรานจะค้อมคำนับอีก สายตาของเขาหันไปมองกุยแกที่ยืนอยู่ด้านข้างก่อนจะกล่าวทักว่า "ใต้เท้ากุย"

"พี่สาม" กุยแกตอบ

"จูล่งเดินทางมาไกล ข้าเองก็พอจะล่วงรู้สถานการณ์ในอิวจิ๋วอยู่บ้าง ไม่ต้องกังวล พักผ่อนสักพักแล้วค่อยหารือเรื่องสำคัญ" ลิโป้กล่าว

จูล่งพยักหน้า ในช่วงนี้ สีหน้าของเขาดูซีดเซียวอยู่บ้าง เพราะเร่งรีบเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน จึงยากจะปกปิดสีหน้าที่อ่อนล้าได้

แม้เขาจะรับปากต่อกองซุนจ้านว่าจะเป็นทูตเดินทางมาเกลี้ยกล่อมทัพปิ้งโจว แต่จูล่งก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสสำเร็จสักเท่าใด สถานการณ์ภายในอิวจิ๋วยุ่งเหยิงเกินไป ขณะที่ทัพปิ้งโจวมีไพร่พลเพียงหนึ่งหมื่นคนเท่านั้น ต่อให้ยกทัพไปช่วยเหลือกองซุนจ้านแล้วจะมีส่วนช่วยสักเท่าใดเชียว? เขาได้ทราบความร้ายกาจของทหารเซียนเติงมากับตา และในใจของเขานั้นก็ไม่อยากให้ลิโป้นำทหารม้าเฟยฉีไปเผชิญหน้ากับหน่วยเซียนเติง

จูล่งรู้สึกผูกพันกับทัพเฟยฉีเฉกเช่นที่ผูกพันกับทหารม้าขาว ฉากการสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเซียนเป่ยได้ย้อนกลับมาปรากฏในหัวอีกครั้ง

.....................

หลังจากที่อ้วนเสี้ยวเอาชนะทหารม้าขาวได้ เขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ดูเหมือนว่าอิวิจิ๋วจะเป็นสิ่งของที่อยู่ในถุงย่ามของเขาเรียบร้อยแล้ว สำหรับเหยียนโร่วนั้น เขาเองก็ได้ตอบรับข้อเสนอที่ให้เข้าโจมตีทัพปิ้งโจวของทัพกิจิ๋วแล้ว แน่นอน หลังจากทัพกิจิ๋วพักฟื้นทัพเสร็จ พวกเขาก็จะเดินหน้ายึดครองอิวจิ๋วต่อทันที ชัยชนะของทหารเซียนเติงทำให้อ้วนเสีย้วมีความมั่นใจมากขึ้น เมื่อมีหน่วยทหารชั้นยอดเช่นนี้อยู่ในมือ ใยยังต้องกลัวทัพเฟยฉีของปิ้งโจวอีก?

"นายท่าน แม้กองซุนจ้านจะเสียไพร่พลและแม่ทัพไปบางส่วน กระนั้นเขาก็ยังมีไพร่พลอยู่อีกมาก ดังนั้นจึงไม่ควรประมาท ไพร่พลของกองซุนจ้านจำนวนสามหมื่นกำลังเฝ้าคุมเชิงอยู่กับทัพเหยียนโร่ว หากพวกเขาถอนกำลังกลับมาช่วยเหลืออำเภอจี้ และพึ่งพากำแพงเมืองที่แข็งแรง ทัพเราที่เดินทัพมาไกลคงยากจะตีเมืองแตก" ฮองกี๋วิเคราะห์

อ้วนเสี้ยวไว้วางใจฮองกี๋อย่างมาก ในทัพกิจิ๋วนั้น ฮองกี๋และสิมโพยมีฐานะและบารมีสูงยิ่ง แม้ทัพสองคนจะเป็นที่ปรึกษา แต่ขณะเดียวกันก็เป็นแม่ทัพในทัพกิจิ๋วด้วยเช่นกัน ฐานะบารมีของพวกเขายังเหนือยิ่งกว่าเขาฮิวและเตียนห้องและคนอื่นๆเสียอีก ครั้งนี้ที่ทัพกิจิ๋วยกพลมายังอิวจิ๋วก็เป็นพวกเขาที่เข้ามาเบิกเส้นทางให้ก่อน

"กำแพงของเมืองจี้ยากต่อการตีหัก แต่นายท่านสามารถโจมตีทัพอิวจิ๋วที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับเหยียนโร่วก่อน หากสามารถทำลายทัพหนุนนี้ได้ในคราวเดียว เช่นนั้นการบุกตีอำเภอจี้ก็ไม่ยากแล้ว แม้ทหารเซียนเติงจะสามารถเอาชนะทหารม้าขาวมาได้ กระนั้นก็ไม่อาจประมทาต่อทัพเฟยฉี ว่ากันว่าในทัพปิ้งโจวนั้นยังมีหน่วยทหารชั้นยอดอยู่อีก เรียกว่าหน่วยทะลวงค่าย แม้จะมีกำลังพลเพียงแปดร้อยคน แต่ก็มีผลงานในการต้านทานทัพม้าเหล็กแห่งเสเหลียงม้าแล้ว" เตียนห้องก้าวออกมากล่าว

ฮองกี๋เมื่อได้ยินก็รู้สึกเห็นด้วย เตียนห้องมากความสามารถ เพียงแต่เขามีนิสัยเถรตรงเกินไป ทั้งยังถูกเขาฮิวคอยกล่าวขัดคออยู่ด้านข้าง ดังนั้นอ้วนเสี้ยวจึงสะสมความไม่พอใจเอาไว้ ในเรื่องนี้นั้นเขาเองก็ไม่อาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว

"ฮึ่ม หน่วยทะลวงค่ายอะไรกัน? ต่อหน้าทหารเซียนเติงแล้ว พวกมันก็ไม่ต่างอะไรจากหมูหมากาไก่ฝูงหนึ่ง" เขาฮิวกล่าวอย่างดูแคลน

เมื่ออ้วนเสี้ยวได้ยิน เขาก็รู้สึกไม่พอใจ ทหารหน่วยเซียนเติงเป็นหน่วยทหารที่โดเด่นที่สุดของทัพกิจิ๋วในเวลานี้ คำพูดของเตียนห้องนี้เท่ากับเป็นการลดทอนขวัญกำลังใจของทัพกิจิ๋ว

"ใต้เท้าเตียนกล่าวได้ถูกต้อง ขอเพียงพวกเราล้อมกองซุนจ้านไว้ที่อำเภอจี้และผนึกกำลังกับเหยียนโร่ว พวกเราจะต้องกวาดล้างทัพหนุนของกองซุนจ้านได้แน่" เมื่อเห็นสีหน้าของอ้วนเสี้ยวเริ่มอึมครึม ฮองกี๋ก็รีบกล่าวขึ้น

"เอาตามที่เหวียนถูกล่าวก็แล้วกัน" อ้วนเสี้ยวเหลือบมองเตียนห้องก่อนจะกล่าวออกมา

"นายท่านช่างปราดเรื่องยิ่ง" เขาฮิวรีบกุมมือกล่าว "เพียงแต่ทัพอิวจิ๋วภายในเมืองเมื่อรวมกับทัพหนุนที่กำลังเดินทางมา พวกเขาก็จะมีกำลังถึงสี่หมื่นคน ขณะที่ทัพเราเหลือทหารเพียงสองหมื่น หากว่าถึงเวลาแล้วเหยียนโร่วไม่ได้ยกทัพมา พวกเราก็ยากที่จะจัดการกองซุนจ้านได้"

"ลิโป้และกองซุนจ้านมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ว่ากันว่าตอนนี้ลิโป้สามารถทำให้เมืองซ่างกู่สงบลงได้แล้ว และตันเทียนเจ้าเมืองไต้จิ๋วก็ยอมอ่อนน้อมต่อปิ้งโจวแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงต้องระวังเขาเอาไว้" ฮองกี๋กล่าว

อ้วนเสี้ยวขมวดคิ้ว "ลิโป้เพิ่งยึดเมืองซ่างกู่ได้ เขาคงจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับอิวจิ๋วในเร็วๆนี้หรอกกระมัง?"

อ้วนเสี้ยวยังคงกังวลเกี่ยวกับลิโป้อยู่บ้าง ตอนแรกลิโป้เพิ่งยึดครองปิ้งโจว แต่ก็ส่งทหารมาที่กิจิ๋วเพื่อช่วยเหลือกองซุนจ้าน ตอนที่ลิโป้บุกโจมตีทุ่งหญ้าก็ยังขอยืมกำลังทหารจากอิวจิ๋ว และกองซุนจ้านก็ถึงกับส่งแม่ทัพพร้อมทหารม้าขาวไปช่วยเหลือ มีปัจจัยหลายประการที่บ่งชี้ว่าไม่อาจตัดสินลิโป้ด้วยสามัญสำนึกทั่วไปได้

"นายท่าน ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าปิ้งโจวจะส่งทัพมาในศึกนี้ เช่นนั้นพวกเราใยจึงไม่ส่งทูตไปหยั่งดูท่าทีของทัพปิ้งโจวเล่าขอรับ?" ฮองกี๋กล่าวเสนอ

อ้วนเสี้ยวพยักหน้า จากนั้นสายตาจึงหันมามองเตียนห้องอีกครั้ง "ครั้งก่อนก็เป็นหยวนเฮ่าที่เป็นทูตไป ครั้งนี้ก็ให้หยวนเฮ่าทำหน้าที่เดิมก็แล้วกัน"

เตียนห้องกุมมือกล่าวว่า "ผู้น้อยจะทุ่มกำลังความสามารถเพื่อทำงานที่นายท่านมอบหมายให้จงได้"

เขาฮิวยิ้มบางเมื่อได้เห็นฉากนี้ ไม่ว่าเตียนห้องทุ่มเทความสามารถเพื่อกิจิ๋วเพียงใด ตราบใดที่อ้วนเสี้ยวยังไม่ชื่นชอบเขา ความพยายามของเขาก็เท่ากับเปล่าประโยชน์

เตียนห้องเป็นทูตมาที่เมืองซ่างกู่ หากแต่ผู้ที่ออกมาต้อนรับเขาคือกุยแก เวลานี้ลิโป้ได้นำทหารม้าเฟยฉีออกเดินทางไปยังเมืองไต้จิ๋วแล้ว เขาต้องการจะสร้างความประทับใจที่ดีต่อตันเทียน ขณะเดียวกัน คำกล่าวยกย่องชื่นชมของกุยแกที่มีต่อตันเทียนก็ทำให้เขาเกิดความสนใจขึ้นมา

เมื่ออยู่ต่อหน้ากุยแก ขุนนางหนุ่ม เตียนห้องก็ไม่กล้าประมาทแต่อย่างใด หลังจากสนทนากันสักพัก เตียนห้องก็จากไปด้วยความพึงพอใจ กุยแกยังคงแสดงความตั้งใจที่จะดึงตัวเขามาเข้าร่วม ก็ดังที่ลิโป้เคยกล่าวเอาไว้ สิ่งนี้จำเป็นจะต้องทำเพื่อให้เตียนห้องจดจำปิ้งโจวเอาไว้ในใจ ด้วยวิธีนี้ หากว่าเขาไม่มีหนทางในกิจิ๋วอีก เขาก็จะต้องมาที่ปิ้งโจวอย่างแน่นอน

บนใบหน้าของกุยแกเจือด้วยรอยยิ้ม อ้วนเสี้ยวเตรียมจะทำศึกตัดสินกับกองซุนจ้าน ไม่ว่าผู้ใดจะแพ้หรือชนะ แต่ทัพปิ้งโจวก็จะได้ร่วมแบ่งถ้วยน้ำแกงนี้อย่างแน่นอน สำหรับเรื่องที่ว่ากองซุนจ้านจะบังเกิดความไม่พอใจหากว่าเขาเป็นฝ่ายชนะนั้น นั่นก็หาเป็นไรไม่ สุดท้ายเขาก็ได้แต่ไม่พอใจ เพราะต่อให้ทัพกิจิ๋วและทัพเหยียนโร่วจะพ่ายแพ้ แต่ทหารของอิวจิ๋วจะเหลือสักเท่าใดกันเชียว? ถึงตอนนั้นกองซุนจ้านจะยังเหลือกำลังพอปกครองอิวจิ๋วหรือไม่ก็ยังไม่แน่