กุยแกอยากจะกล่าวความจริงใส่หน้าลิโป้ซะจริงๆ ท่านบอกว่าเลื่อมใสต่อวีรบุรุษผู้กล้าทั่วแผ่นดิน แต่บัณฑิตและพ่อค้านั้นมีฐานะแตกต่างกันมานับแต่ครั้งโบราณ หากเป็นบัณฑิตที่ถือตนแล้ว ผู้ใดยังจะอยากมาทำงานคลุกคลีร่วมกับพ่อค้าที่มีฐานะต่ำต้อยกว่ามากกันเล่า? หลังจากเรียบเรียงคำพูดแล้ว กุยแกก็กล่าวว่า "หัวใจที่เลื่อมใสต่อวีรบุรุษผู้กล้าทั่วแผ่นดินของใต้เท้า ผู้คนล้วนทราบดี หากแต่บัณฑิตนักศึกษาส่วนใหญ่นั้นมีความทะนงตน พวกเขาย่อมไม่ต้องการทำงานร่วมกับกับพ่อค้าหรือช่างฝีมือที่ฐานะต่ำต้อยกว่าขอรับ"
ลิโป้พยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้า เขาไม่เข้าใจความคิดของผู้คนในยุคนี้เลยจริงๆ พ่อค้าแล้วอย่างไรเล่า? ในอนาคตข้างหน้านั้นมีคำกล่าวที่ว่า ผู้ใดมีเงินนับเป็นน้อง ผู้ใดมีทองนับเป็นพี่ ฐานะทางสังคมถูกตัดสินด้วยความมั่งคั่งที่มี ใครยังจะสนว่าเจ้าเป็นใครกัน ไม่ว่าจะอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย หรือยานพาหนะ ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงิน ไฉนผู้คนในยุคโบราณถึงเลือกปฏิบัติต่อเหล่าพ่อค้ากัน? หรือไม่มีผู้ใดเข้าใจเลยว่าการมีพ่อค้าอยู่นั้นสามารถช่วยเร่งพัฒนาการด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติได้?
"ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร ข้าไม่ง้อหรอก จิ้นหยางยังมีโรงเรียน หลังจากนี้อีกสองสามปี ในบรรดานักเรียนเหล่านั้นจะต้องมีผู้ที่มีความสำเร็จอยู่เป็นแน่ ถึงตอนนั้นยังกลัวว่าปิ้งโจวจะขาดแคลนผู้มีความสามารถอีกหรือ?" กล่าวจบ สีหน้าของลิโป้ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น การท้าชนกับเหล่าตระกูลใหญ่อาจจะดูเป็นความคิดที่โง่เขลาในสายตาของคนอื่นๆ หากแต่ในสายตาของเขานั้น มีเพียงการทำลายระบบเก่าลงจึงจะสามารถสร้างสรรค์เส้นทางใหม่ๆขึ้นได้
กุยแกลังเล เขาต้องการจะตำหนิลิโป้สักคำ แต่เมื่อคิดถึงโรงเรียนที่เพิ่งก่อตั้ง อีกทั้งในจิ้นหยางนั้นยังมีซัวหยงอยู่ เขาก็ได้แต่อดกลั้นไว้ ที่เขาเดินทางมายังปิ้งโจว ส่วนหนึ่งก็เพราะเลื่อมใสต่อซัวหยง
เมื่อข่าวเรื่องการถอนกำลังของทัพเซียนเป่ยแพร่กระจายออกไป ทั่วทั้งปิ้งโจวก็เต็มไปด้วยความยินดี หลายปีมานี้ชนเผ่าเซียนเป่ยได้ทำร้ายชาวปิ้งโจวอย่างสาหัส และวันนี้ จวนเจ้าเมืองได้ส่งกำลังไปขับไล่ปีศาจร้ายเหล่านั้นออกไปได้แล้ว นับเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับทหารและราษฏรในปิ้งโจวได้เป็นอย่างดี ความร้ายกาจของชาวเซียนเป่ยนั้น ผู้คนในปิ้งโจวย่อมรู้ซึ้ง ด้วยเหตุนี้ ศักดิ์ศรีบารมีของจวนเจ้าเมืองจึงพุ่งทะยานสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ระยะนี้กาเซี่ยงและลิซกซูบผอมลงไปมาก ทั้งสองต้องคอยจัดสรรเสบียงและส่งกำลังทหารไปสนับสนุนยังที่ต่างๆ ทั้งยังต้องคอยวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารไม่ได้หยุด กาเซี่ยงรู้สึกว่าในครึ่งชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นไม่เคยมีงานล้นมือเช่นนี้มาก่อน แต่ความรู้สึกมือไม้ปั่นป่วนเช่นนี้กลับทำให้เขารู้สึกดี โดยเฉพาะยามได้รับสายตาที่เคารพจากชาวเมืองและการสนับสนุนจวนเจ้าเมืองด้วยความจริงใจเหล่านั้น สิ่งนี้ทำให้กาเซี่ยงรู้สึกว่าได้เติมเต็มความหมายของการคงอยู่ของเขา
หอการค้าจิ้นหยางนับว่าเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดในวิกฤตการณ์ครั้งนี้ของปิ้งโจว ภายใต้การนำของหลี่ฟ่าน เหล่าพ่อค้าคนอื่นๆต่างก็ค่อยๆปฏิบัติตาม พวกเขาทราบดีว่าเรื่องราวต่างๆนั้นอยู่บนพื้นฐานที่จวนเจ้าเมืองยังดำรงคงอยู่ หากว่าชาวเซียนเป่ยบุกเข้ามาได้ ความพยายามที่แล้วมาทั้งหมดของพวกเขาก็จะสูญเปล่า ต่อหน้าผลประโยชน์มากมายมหาศาลแล้วย่อมไม่มีผู้ใดคิดจะปล่อยมือจากน้ำแกงถ้วยนี้ นอกจากตลาดค้าขายกระดาษแล้ว จิ้นหยางก็ยังมีอุตสาหกรรมด้านอื่นๆอีก
การสวรรคตขององค์ฮ่องเต้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านทั่วไปมากนัก ดังเช่นผู้คนในปิ้งโจว ที่พวกเขากังวลที่สุดก็คือทำอย่างไรจึงจะหาเลี้ยงครอบครัวได้ ทำอย่างไรจึงจะได้เงินมากขึ้น และทำอย่างไรจึงจะสามารถส่งบุตรหลานเข้าไปในกองทัพปิ้งโจวเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูล ฮ่องเต้นั้นมีฐานะสูงเกินไปจนยากจะเอื้อมถึง กระนั้นข่าวนี้กระยังสร้างแรงกระเพื่อมขึ้นในปิ้งโจวไม่น้อย พระเจ้าเหี้ยนเต้ถือเป็นตัวแทนของราชวงศ์ ตอนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนถูกตั๋งโต๊ะถอดถอนออกจากตำแหน่ง พระองค์ก็ถูกลิยูวางยาพิษจนสิ้นพระชนม์ไป และเวลานี้ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ยังสิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือของลิฉุยกับกุยกีอีก นั่นเป็นผลให้สายโลหิตของราชวงศ์ฮั่นเกิดการสั่นคลอน แม้ว่าในแผ่นดินนี้จะยังมีอีกหลายตระกูลที่ใช้แซ่หลิว หากแต่พวกเขาก็ไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้นจึงยากที่จะได้รับการสนับสนุนจากผู้คนทั่วแผ่นดิน
หากว่าลิยูปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง นั่นจะต้องนำไปสู่การทำสงครามล้างแค้นของเหล่าเชื้อพระวงศ์อย่างแน่นอน มีฮ่องเต้ถึงสองพระองค์ที่ถูกเขาลอบปลงพระชนม์ ดังนั้นเขาจึงมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน และในหน้าประวัติศาสตร์นั้น จะต้องมีการบันทึกชื่อของเขาเอาไว้อย่างแน่นอน
ในเองจิ๋ว เมื่อได้ยินข่าวการสวรรคตขององค์ฮ่องเต้ อ้วนสุดก็ยินดียิ่ง ในความคิดของเขาแล้ว นี่เป็นโชคชะตา เพียงไม่นานหลังจากที่เขาได้รับตราหยกแผ่นดินมา พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็เสด็จสวรรคต หากนี่ไม่เรียกว่าเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมา แล้วจะเรียกว่าอะไรอีก? ตราหยกแผ่นดินเป็นตัวแทนของสิ่งใดน่ะหรือ? มันก็คือสัญลักษณ์ของอำนาจอย่างไรเล่า
อ้วนสุดดีใจจนเนื้อเต้น สถานการณ์ช่างเป็นใจให้กับเขาจริงๆ โอกาสที่จะได้ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ได้เวียนมาถึงเขาแล้ว
"ยุคสมัยของราชวงศ์ฮั่นได้สิ้นสุดลงแล้ว....." ข่าวลือที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ในเองจิ๋วรู้สึกได้ถึงความทะเยอทะยานของอ้วนสุด
หลังจากที่โจโฉทราบข่าวการสวรรคตขององค์ฮ่องเต้ เขาก็ได้แต่ตกตะลึง องค์ฮ่องเต้เป็นตัวแทนของแผ่นดินต้าฮั่น จะทรงสวรรคตเพราะอุบัติเหตง่ายๆเช่นนี้ได้อย่างไร? เขายากจะทำใจเชื่อได้จริงๆ กระนั้นนี่ก็เป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง โจโฉรู้สึกสับสน นับตั้งแต่ครั้งเขาลอบสังหารตั๋งโต๊ะ เขาก็มีใจคิดกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นมาตลอด ผู้ใดจะคิดเล่าว่า องค์ฮ่องเต้กลับเสด็จสวรรคตไปเสียก่อน ทั้งยังไม่มีองค์รัชทายาทแม้แต่พระองค์เดียว
เมื่อสถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้ โจโฉก็ตระหนักได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง พระราชอำนาจของฮ่องเต้อ่อนแอ ขุนนางเข้มแข็ง ขุนนางท้องถิ่นและตระกูลต่างๆก็ล้วนแต่มีกองกำลังส่วนตัว อำนาจของราชสำนักอ่อนแอจนไม่อาจควบคุมผู้ใดได้อีก บัดนี้องค์ฮ่องเต้เสด็จสวรรคตแล้ว เกรงว่าใต้หล้านี้จะมีคนอีกมากที่ไม่พอใจจะเป็นเพียงขุนนาง แม้ในหมู่เชื้อพระวงศ์จะยังมีผู้ที่มีคุณสมบัติขึ้นเป็นฮ่องเต้อยู่ หากแต่เวลานี้ฉางอันกำลังวุ่นวาย ไร้ซึ่งความเป็นเอกเทศ หากไม่มีใครสักคนก้าวออกมาเป็นผู้นำ ความวุ่นวายครานี้ก็ยากจะควบคุมได้อีก
ทันใดนั้นโจโฉก็พลันนึกถึงอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวเคยเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรมาก่อน ศักดิ์ศรีบารมีของเขาจึงมีมากที่สุดในแผ่นดิน อีกทั้งตระกูลของเขายังรับราชการมาหลายยุค ด้านอิทธิพลจึงเป็นที่คาดคะเนได้ หากว่าอ้วนเสี้ยวเป็นผู้ที่เสนอแต่งตั้งองค์ฮ่องเต้ ก็จะมีโอกาสถึงครึ่งหนึ่งที่จะสำเร็จ
"จื่อไฉ เจ้าว่าเปิ่นซู่จะเห็นด้วยกับการแต่งตั้งฮ่องเต้พระองค์ใหม่หรือไม่?" โจโฉหันไปเอ่ยถามซี่จื่อไฉ
ซี่จื่อไฉขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "นายท่าน บัดนี้อ้วนเสี้ยวครอบครองกิจิ๋ว เขามีทัพกองทัพและเสบียงพร้อมสรรพ ทั้งบัดนี้เขายังส่งกองทัพไปโจมตีด่านหูกวน ข้าน้อยเกรงว่าเขาจะไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้"
โจโฉพลันมีสีหน้ากังวล "ลิเฟิ่งเซียนนับว่ามีการคบหากับข้าอยู่ หากครานั้นไม่ได้เขาช่วยเอาไว้ เกรงว่าข้าคงตายด้วยน้ำมือของตั๋งโต๊ะไปแล้ว ช่างคิดไม่ถึงจริงๆว่ากลุ่มพันธมิตรที่เคยร่วมแรงร่วมใจปราบปรามตั๋งโต๊ะด้วยกันจะหันมาเข่นฆ่ากันเองเพียงเพราะผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย"
"นายท่าน บัดนี้แผ่นดินกำลังวุ่นวาย ถึงเวลาที่จะรับสมัครไพร่พล ประหยัดเงินตราและเสบียงอาหารเผื่อเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินแล้วขอรับ" ซี่จื่อไฉกล่าวแนะนำ
เมื่อเห็นซุนฮกยังคงนิ่งเงียบ โจโฉก็เอ่ยถาม "เหวินรว่อ[1]มีข้อกังวลใด?"
[1 ชื่อรองของซุนฮก]
"โอรสสวรรค์เสด็จสวรรคต แผ่นดินปั่นป่วนวุ่นวาย ใยนายท่านจึงไม่ชูธงเสนอการแต่งตั้งฮ่องเต้เล่าขอรับ เมื่อทำเช่นนี้ ปราชญ์บัณฑิตทั่วแผ่นดินจะต้องตอบรับอย่างแน่นอน"
ซุนฮกนั้นจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น แต่เขาก็คาดคิดไม่ถึงว่าแผ่นดินที่เคยงดงามกำลังตกอยู่ในอันตรายจนถึงขั้นที่อาจจะล่มสลายลงได้ทุกเมื่อเช่นนี้ แม้แต่องค์ฮ่องเต้ก็ต้องสิ้นพระชนม์ในความวุ่นวายระหว่างการรรบ
"ข้าจะเขียนจดหมายขึ้นมา ก่อนจะเริ่มสิ่งใดนั้นก็ต้องมีความชอบธรรมเสียก่อน ลิเฟิ่งเซียนที่อยู่ในปิ้งโจวก็นับเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์และมีคุณธรรม เมื่อเซียนเป่ยนรุกรานชายแดน เขาก็นำทัพออกไปต้านทาน และเราควรส่งหนังสือไปแจ้งต่อเหล่าเจ้าเมืองทั่วแผ่นดินด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่ตอบรับ"
โจโฉหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม "กระดาษนี่ใช้งานได้สะดวกจริงๆ แต่ราคายังค่อนข้างสูงไปบ้าง"
"ใช่ขอรับ กระดาษหนึ่งแผ่นมีราคาถึงร้อยตำลึง สิ่งที่สง่างามเช่นนี้กลับแปดเปื้อนด้วยกลิ่นของเหรียญกษาปณ์เสียแล้ว" ซี่จื่อไฉกล่าวด้วยความขุ่นเคือง
"ทุกสิ่งในโลกล้วนข้องเกี่ยวกับคำผลประโยชน์ พ่อค้าย่อมต้องคาดหวังถึงผลกำไร เมื่อมีกระดาษเช่นนี้อยู่ในมือ พวกเขาแน่นอนว่าย่อมต้องขายให้ได้กำไรมากๆ ส่งคนไปสืบดูว่ากระดาษชนิดนี้มาจากที่ใด" โจโฉสั่งการ
ไม่เพียงแต่อ้วนเสี้ยว แต่ยังมีอ้วนสุดแห่งเองจิ๋ว เล่าเปียวแห่งเกงจิ๋ว เล่าเอี๋ยนแห่งเอ็กจิ๋ว และคนอื่นๆที่ได้รับจดหมายของโจโฉ ปฏิกิริยาของทุกฝ่ายนั้นแตกต่างกันไป ในฐานะเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ฮั่น เล่าเปียวและเล่าเอี๋ยนย่อมมีการเคลื่อนไหวมากที่สุด พวกเขารู้สึกรู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ ทั้งสองเริ่มลอบเตรียมการไว้ล่วงหน้า พวกเขาจำเป็นต้องจะต้องประสานงานกับบุคคลสำคัญในด้านต่างๆเพื่อให้คนเหล่านั้นช่วยสนับสนุนตน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved