ตอนที่ 196 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ลิโป้บังเกิดความยินดี ความแตกต่างระหว่างเชื่อฟังคำสั่งและร่วมมือกันนั้นแตกต่างกันใหญ่หลวง เพราะนั่นหมายถึงจงป้ากำลังจะสวามิภักดิ์ต่อลิโป้และเข้าร่วมกับปิ้งโจว "เซวียนเกาเชิญกล่าว ขอเพียงขุนนางผู้นี้มีขีดความสามารถกระทำ ข้าจะรับปากอย่างแน่นอน"

"ข้าน้อยอยากได้วิธีการฝึกฝนทหารม้า" จงป้ากล่าวขึ้นช้าๆ ต่อให้มีม้าศึก นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะกลายเป็นทหารม้าชั้นยอดได้โดยง่าย เขาได้ประจักษ์ถึงความร้ายกาจของทหารม้าเฟยฉีมากับตาตัวเอง หากว่าเขามีทหารม้าเช่นนี้สักสองพัน เขาก็จะมีสิทธิ์มีเสียงในชีจิ๋วมากกว่าเดิม เมื่อเล่าปี่ยกทัพมาโจมตี มันก็จะไม่ใช่ว่าเขาไม่มีกำลังพอจะโต้กลับอีกต่อไป การเข้าร่วมกับปิ้งโจวเองก็ไม่ใช่ว่าเขาเสนอออกไปโดยไม่คิด บัดนี้แผ่นดินกำลังวุ่นวาย การปักหลักอยู่ที่หลงเสียเพียงแห่งเดียวไม่ใช่แผนการที่ดีในระยะยาว อีกทั้งปิ้งโจวและชีจิ๋วนั้นอยู่ห่างไกลกันมาก ทำให้อยู่ห่างไกลจากอำนาจสั่งการจากลิโป้ เขาซึ่งอยู่ที่นี่จะมีอำนาจการตัดสินใจด้วยตนเอง หากแลกมาด้วยการสามารถตั้งกองทหารม้าที่แข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว อย่างนั้นก็นับว่าคุ้มค่า

ส่วนในภายหน้านั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่าปิ้งโจวแข็งแกร่งพอจะบุกโจมตีชีจิ๋วหรือไม่

หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ลิโป้ตอบตกลงเรื่องที่จะช่วยจงป้าฝึกฝนทหารม้า สิ่งนี้ก็นับว่าเป็นผลดีต่อปิ้งโจวเช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่กองทัพปิ้งโจวจะเอาแต่นั่งจับเจ่าอยู่เพียงแค่ในปิ้งโจว ไม่ช้าก็เร็ว กองทัพปิ้งโจวจะตบเท้าเดินเข้าสู่สงครามชิงแผ่นดิน ลิโป้ยังไม่มีรากฐานอยู่ในภาคกลาง เขาจำเป็นจะต้องมีผู้ช่วยเช่นนี้ ขอเพียงจงป้าสามารถหยัดยืนอยู่ในชีจิ๋วได้อย่างมั่นคง นั่นก็จะส่งผลดีต่อปิ้งโจวอย่างมาก

หลังทั้งสองเจรจากันอีกสักพัก ลิโป้ก็ตรงกลับไปที่ค่าย

ด้วยการดูแลจากจงป้า ขบวนรถของเขาจึงเดินทางได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค ลิโป้ได้ทิ้งนายกองจ้าวจินและคนอื่นๆอีกสองคนไว้ช่วยจงป้าฝึกฝนทหารม้า

.............................

สงครามที่เมืองซันหยงดำเนินมาได้กว่าครึ่งเดือนแล้ว กำแพงโบราณเต็มไปด้วยร่องรอยจากการโจมตี คราบเลือดแห้งกรังที่สาดกระเซ็นอยู่ตลอดแนวกำแพงได้บ่งชี้ว่าที่นี่เกิดการศึกอันดุเดือดถึงเพียงไหน

ภายใต้การโหมบุกโจมตีอย่างบ้าคลั่งของกองทัพโจโฉ กองทัพเกงจิ๋วที่ตั้งรับอยู่ภายในเมืองก็บาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย แม้ว่าทหารเกงจิ๋วจะมีประสบการณ์ในการสู้รบมาไม่น้อย จากการสู้รบทางน้ำกับซุนเซ็กที่นำทัพมาโจมตีเพื่อล้างแค้นให้บิดา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะถนัดทำศึกบนบก เผชิญหน้ากับทหารกล้าของโจโฉ หากไม่ใช่เพราะบุนเพ่งคอยบัญชาการได้อย่างเหมาะสม เกรงว่าบัดนี้เมืองซันหยงคงถูกกองโจโฉตีแตกไปแล้ว

เบื้องหลังเมืองซันหยงมีกองทัพใหญ่ของเกงจิ๋วอยู่ ซึ่งคาดมาจะเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่วัน ดังนั้นบุนเพ่งจึงไม่ได้วิตกกังวลมากนัก โจโฉเหลือเมืองเพียงสามเมือง มีเสบียงอาหารจำกัด หากเสบียงของทัพโจโฉหมดลง ทหารของทัพโจโฉก็มีแต่ต้องถอยทัพ เมื่อถึงเวลานั้น กองทัพเกงจิ๋วก็จะไล่ตามตีและยึดกุนจิ๋วไว้ในรวดเดียว เมื่อเกงจิ๋ว อิจิ๋ว และกุนจิ๋วเชื่อมต่อกันแล้ว เล่าเปียวก็จะกลายเป็นเจ้าเมืองที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุด ถึงตอนนั้นการจะขึ้นสืบทอดราชสมบัติก็อยู่เพียงแค่เอื้อม

หลังจากกองทัพเกงจิ๋วรุกคืบเข้ากุนจิ๋วได้โดยง่าย ความมั่นใจของเล่าเปียวก็สูงขึ้นมาก นับตั้งแต่ที่ได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองเกงจิ๋ว เขาก็ไม่คิดจะขยับขยายดินแดนมาก่อน ต่อให้เขาจะทำสงครามกับอ้วนสุดอยู่หลายครั้ง เขาก็ยังคงอยู่แต่ภายในเมืองของตนเอง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความเย้ายวนใจของการขึ้นเป็นฮ่องเต้ ความปรารถนาที่เก็บซ่อนอยู่ภายในของเขาก็ปะทุออกมา เขาย่อมเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของราชวงศ์ฮั่นดี ขุนนางเข้มแข็ง เจ้าชีวิตอ่อนแอ ดังนั้นเขาจำต้องมีทัพแกร่งไว้ใช้สอย มิเช่นนั้น ต่อให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้ เขาก็จะกลายเป็นฮ่องเต้แต่เพียงในนาม หามีอำนาจแท้จริงไม่

ตอนนี้ เล่าหงีแห่งอิวจิ๋วตกตาย กองซุนจ้านและเหยียนโร่วทำศึกแย่งชิงอิวจิ๋ว แม้ว่าอ้วนเสี้ยวจะครอบครองดินแดนบางส่วนของเฉงจิ๋ว กระนั้นเขาก็ต้องกลับไปที่กิจิ๋วเพราะการลุกฮือของเตียวเอี๋ยน แม้ว่าอ้วนเสี้ยวจะมีความทะเยอทะยานสักเพียงใด แต่การจะจัดการกองทัพเกงจิ๋วนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะที่ทั้งปิ้งโจวและชีจิ๋วเพียงผ่านศึกใหญ่มา ดังนั้นจึงต้องการเวลาพักฟื้นอีกสักพัก และในเวลานี้เอง เล่าปี่ผู้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วก็ได้อ้างตนเป็นผู้สืบทอดของจงซานจิ้งอ๋อง ทำให้เขาถือว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่นเช่นกัน มีฐานะนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาสามารถร่วมการชิงตำแหน่งฮ่องเต้ได้

ด้วยการปราบปรามอย่างรุนแรงจากกองทัพ พวกโจรกลุ่มต่างๆจึงไม่กล้าออกมาสร้างปัญหา ในขณะเดียวกัน ลิโป้ก็เกิดความคิดที่จะก่อตั้งสำนักคุ้มภัย ในระหว่างทางกลับ หน่วยเฟยอิงสามารถจับโจรได้สิบกว่าคน หากว่าพวกโจรต้องการจะมีชีวิตรอด พวกเขาก็ได้แต่ต้องปล้นชิงผู้คนหรือขบวนพ่อค้าที่ผ่านไปผ่านมา หากว่ามีจัดตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบในการคุ้มกันขบวนสินค้าโดยเฉพาะ พวกพ่อค้าจะต้องตอบรับด้วยความยินดีอย่างแน่นอน พ่อค้าหลายคนต้องออกเดินทางไปหลากหลายสถานที่ สิ่งไม่มีสิ่งใดคอยรับประกันความปลอดภัยของพวกเขา พวกเขาต้องคอยจัดการเอง แม้แต่ตระกูลบิเองก็เคยต้องทุกข์ทรมาณจากการปล้นชิงของพวกโจรมาแล้ว

หากว่าเขาคิดจัดตั้งสำนักคุ้มภัย ทางที่ดีที่สุดคือการคัดเลือกทหารจากในกองทัพมาก่อตั้ง ซึ่งอาศัยเงินจากการจ้างวานของพวกพ่อค้าก็เพียงพอแล้วที่จะหล่อเลี้ยงสำนักคุ้มภัย นี่ไม่เพียงแต่สามารถฝึกฝนพวกทหาร แต่ยังสามารถเก็บเกี่ยวเงินทองและเสบียงไปด้วยพร้อมกัน อีกทั้งยังจัดให้ทหารหน่วยนี้เป็นกองหนุนพิเศษของปิ้งโจวได้อีกด้วย เมื่อถึงยามศึกสงคราม เขาก็จะสามารถเกณฑ์คนจากส่วนนี้มาร่วมรบ

คิดถึงตรงนี้ ลิโป้ก็อดจะนับถือตัวเองไม่ได้ ในใจรู้สึกตื่นเต้นยินดี เขาก็หารือเรื่องนี้กับกุยแกและบิต๊กทันที บิต๊กเป็นพ่อค้า ย่อมเข้าใจถึงความสำคัญของการมีสำนักคุ้มภัยนี้มากกว่า ขณะที่กุยแกก็สามารถคอยให้คำแนะ

หลังจากได้ฟังแนวคิดของลิโป้ กุยแกก็ตาเป็นประกาย สำนักคุ้มภัยเป็นสิ่งที่ต้าฮั่นไม่เคยมีมาก่อน หากแต่ประโยชน์ของมันกลับมากมายมหาศาล หากสามารถพัฒนาไปได้ระดับหนึ่ง สำนักคุ้มภัยก็จะกลายเป็นกองทัพสำรองขนาดใหญ่ นอกจากนี้สำนักคุ้มภัยยังสามารถสืบหาข่าวสถานการณ์ของดินแดนและเมืองต่างๆ ซึ่งหากจัดการได้เหมาะสม สำนักคุ้มภัยนี้ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อปิ้งโจวอย่างมหาศาล

ขณะที่บิต๊กนั้นกำลังคิดถึงความปลอดภัยของขบวนสินค้า ในอดีต ยามพ่อค้าเดินทางไปค้าขายยังที่ต่างๆ พวกเขาก็ไม่มีสิ่งใดมาประกันได้ว่าจะมีชีวิตรอดกลับมา พ่อค้าเล็กๆส่วนใหญ่จึงมักจะรอติดตามขบวนพ่อค้าใหญ่หรือรอให้รวมตัวกันเ็นกลุ่มใหญ่ได้ก่อนจึงค่อยออกเดินทางไปค้าขาย กระนั้นก็ยังมักจะถูกพวกโจรเข้าปล้นชิง โดยเฉพาะในช่วงหลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็ผันตัวมาเป็นโจรเพื่อความอยู่รอดกันมาก ความยากลำบากในการประกอบกิจการจึงยิ่งยากขึ้นไปใหญ่ สำหรับการเพิ่มจำนวนผู้คุ้มกันนั้น แม้จะมีได้ผลยู่บ้าง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรที่ร้ายกาจหน่อยก็กลายเป็นไร้ประโยชน์ไปทันที

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะแตกต่างออกไปทันทีหากได้รับการคุ้มครองจากกองทัพ อย่างน้อยที่สุด ทหารที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีก็จะไม่วิ่งหนียามเผชิญกับกลุ่มโจร ความเก่งกาจของกองทัพปิ้งโจวนั้นเป็นที่ล่วงรู้ทั่วกันในแผ่นดิน ภายใต้ธงทิวของกองทัพปิ้งโจว พวกโจรก็ต้องคิดหนัก สำหรับราคาค่าจ้างนั้น พวกพ่อค้าย่อมเต็มใจที่จะจ่าย การจ่ายเงินบางส่วนเพื่อแลกมาซึ่งความปลอดภัยนั้นย่อมคุ้มค่าที่จะจ่าย

หลังจากหารือกันแล้ว ลิโป้ก็ส่งมอบเรื่องนี้ให้กุยแกและบิต๊กไปดำเนินการ เรื่องที่ว่าจะมีกำลังคนเท่าไรและคิดค่าจ้างต่อครั้งเท่าใดนั้นให้ทั้งสองตัดสินใจได้เลย

หลังจากหยุดพักขบวน ลิโป้ก็นำเตียนอุยและกุยแกเดินทางไปยังกองทัพอิวจิ๋วที่ร่วมทางมาด้วยกัน

ในเวลานี้ จูล่งได้ทราบข่าวความวุ่นวายในอิวจิ๋วแล้ว ด้วยเหตุผลบางประการ เมื่อล่วงรู้สถานการณ์ปัจจุบันแล้ว จูล่งก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เล่าหงีมีชื่อเสียงในด้านดี ขณะที่กองวุนจ้านซึ่งอยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชากลับกระทำการก่อกบฏ นี่เป็นสิ่งที่เขารู้สึกรับไม่ได้ เขากระทั่งรู้สึกเสียใจที่ไม่เชื่อลิโป้ตั้งแต่แรก หลังจากบุกไปทำลายแนวหลังของเซียนเป่ยครานั้น เขาควรติดตามลิโป้กลับปิ้งโจวไป

แม้ว่าลิโป้จะช่วงชิงปิ้งโจวมาด้วยกำลัง แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้นำกองทัพปิ้งโจวต่อต้านการรุกรานจากชนเผ่าเซียนเป่ย ทำให้ชาวเซียนเป่ยต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างแสนสาหัส ตรงกันข้ามกับกองซุนจ้านที่ยิ่งมายิ่งเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และเพราะความทะเยอทะยานของเขา เขาถึงกระทั่งก่อกบฏและทำการสังหารผู้บัญชาการของตน เล่าหงีนั้นแตกต่างจากเตียวเอี๋ยง เล่าหงีเป็นเจ้าเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ ขณะที่เตียวเอี๋ยงได้เป็นเจ้าเมืองจากการแต่งตั้งของตั๋งโต๊ะเพื่อให้จัดการกับลิโป้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูอึมครึมของจูล่ง ลิโป้ก็ตบบ่าจูล่งเบาๆก่อนจะกล่าวว่า "จูล่งไม่ต้องคิดมาก เวลานี้อิวจิ๋วเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แม้จะนำทหารจำนวนสามพันกลับไปสมทบ แต่นั่นก็คงไม่มีส่วนช่วยต่อสภาพที่เป็นอยู่"