การสู้หนึ่งต่อสี่นั้นเป็นสถานการณ์ที่หวาดเสียวอันตรายยิ่ง ดังนั้นทันทีที่กลับเข้าเมืองมา กุยแกจึงเข้าไปตำหนิเตียนอุยอยู่หลายคำ
"เฟิ่งเซี่ยว เอาไว้คุยเรื่องนี้กันภายหลังเถอะ ข้าออกทำศึกมาไม่รู้กี่สนาม มีหรือที่ทัพกิจิ๋วจะทำอะไรข้าได้?" ลิโป้โบกมือ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าไฉนเหล่าที่ปรึกษาถึงต่างพากันเกลี้ยกล่อมเขาในเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็เข้าใจว่าทั้งหมดต่างก็หวังดีต่อเขา
"นายท่าน....." กุยแกได้แต่ยิ้มเจื่อนเมื่อเห็นลิโป้รีบสาวเท้าเดินหนีไปไม่ต่างจากเด็กน้อยที่กลัวความผิด
วันรุ่งขึ้น ลิโป้ให้เตียนอุยนำทหารม้าเฟยฉีพันคนออกไปตะโกนยั่วยุอยู่ที่หน้าค่ายทัพกิจิ๋ว
ข่าวเรื่องเตียนอุยแห่งทัพปิ้งโจวมาท้ารบอยู่ด้านนอกค่ายได้ล่วงรู้ไปถึงหูของอ้วนเสี้ยว
อ้วนเสี้ยวมีสีหน้าปั้นยาก ในการศึกเมื่อวาน ทัพกิจิ๋วยอมสูญเสียศักดิ์ศรีหน้าตาก็แล้ว กระนั้นก็ยังไม่อาจเป็นฝ่ายมีเปรียบ มิคาด วันนี้ทัพปิ้งโจวจะส่งแม่ทัพอีกคนมาท้าสู้ที่นอกค่าย หากฝ่ายเขาไม่กล้าส่งคนออกไปสู้ เกรงว่าคงกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คน ทั้งยังทำให้ขวัญของแม่ทัพและทหารภายในทัพลดต่ำลง
ขวัญกำลังใจเป็นสิ่งลึกลับที่ไม่อาจมองเห็นหรือสัมผัส แต่มันก็นับว่ามีความสำคญต่อการต่อสู้อย่างมีนัยสำคัญ หากว่าสองฝ่ายมีกำลังทหารใกล้เคียงกัน เช่นนั้นสิ่งที่จะตัดสินผลแพ้ชนะก็คือขวัญกำลังใจของกองทัพ
"นายท่าน ได้ยินมาว่าเตียนอุยเป็นขุนพลพยัคฆ์ของทัพปิ้งโจว เขาติดตามลิโป้เข้าร่วมทุกสนามรบ สามารถใช้ทวนได้อย่างชำนาญ เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาก็นำทหารม้าเฟยฉีจำนวนหนึ่งพันไล่สังหารทหารม้าอูหวนจำนวนห้าพันจนต้องหนีกระเจิง" งันเหลียงก้าวออกมากระตุ้นเตือนด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
อ้วนเสี้ยวแค่นเสียงเย็น "ในทัพปิ้งโจวมีแม่ทัพมือดีมากมาย หรือว่าทัพกิจิ๋วเราจะไม่มีเลยสักคน?"
งันเหลียงหน้าแดงเล็กน้อย ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก ในอดีตนั้น อ้วนเสีย้วมักจะกล่าวอยู่เสมอว่า "ข้ามีงันเหลียงบุนทิว ผู้ใดกล้าต่อกร?" เพียงแต่หลังจากศึกเมื่อวานนี้แล้ว เรื่องของยอดขุนพลอย่างงันเหลียงและบุนทิวก็กลายเป็นเพียงเรื่องขบขัน แม้ว่างันเหลียงและบุนทิวจะออกต่อสู้ร่วมกันแล้ว พวกเขาก็ยังพ่ายแพ้ แม้แต่บุนทิวก็ยังเอาชีวิตไม่รอด
"นายท่านไม่ควรใส่ใจต่อคำยั่วยุของทัพปิ้งโจวขอรับ แม้ว่าปิ้งโจวจะเป็นทัพแกร่ง แต่ก็ด้อยกว่าในด้านจำนวน จึงยากจะกระทำการใหญ่" เขาฮิวก้าวออกมากล่าว
"นายท่านเพียงต้องสั่งการให้เหล่านายช่างเร่งลงมือสร้างเครื่องมือตีเมือง เมื่อทหารทัพปิ้งโจวเห็นว่าทัพเรายังไม่ถอย พวกเขาก็จะเกิดความหวาดวิตกขึ้นเองขอรับ"
เมื่อเห็นสีหน้าของอ้วนเสี้ยวทอแววอับอาย เขาฮิวก็ลดเสียงลงกล่าวว่า "หากว่านายท่านต้องการจะฟื้นฟูขวัญกำลังใจกองทัพกลับมา ข้าน้อยก็มีอยู่วิธีหนึ่ง นั่นคือส่งทหารเซียนเติงออกไป"
อ้วนเสี้ยวที่กำลังท้อแท้ เมื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ทัพกิจิ๋วต้องการชัยชนะสักครั้งเพื่อฟื้นฟูขวัญกำลังใจคืนมา ขณะเดียวกันก็เพื่อที่จะแสดงให้ทัพอูหวนได้เห็นว่า ทัพกิจิ๋วเองก็มีความสามารถพอจะจัดการกับทัพปิ้งโจว
หลังจากจ๊กยี่ได้รับคำสั่ง เขาก็สั่งให้ทหารของเขาออกไปนอกค่าย ทหารเซียนเติงทุกนายล้วนสวมใส่เกราะหนัก กระนั้นความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขากลับช้ากว่าทหารราบทั่วไปไม่มาก
มองดูกระบวนทัพอันเกรียงไกรของทัพปิ้งโจวที่นอกค่ายแล้ว ในใจของจ๊กยี่ก็เต็มไปด้วยความคิดต่อสู้ เขาต้องการจะทำให้ลิโป้ได้ทราบว่าทหารชั้นยอดนั้นสามารถทำอะไรต่อทหารม้าได้บ้าง เขาต้องการจะใช้ทหารราบในการสร้างความหวาดกลัวให้กับทหารม้า
เมื่อได้เห็นทหารราบเกราะหนักขบวนหนึ่งกรูกันออกมา สีหน้าของเตียนอุยก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม หากเขาคาดเดาไม่ผิด นี่คงจะเป็นทหารเซียนเติงที่โด่งดังจากศึกทำลายทหารม้าขาว การใช้ทหารราบจำนวนแปดร้อยนายเพื่อทำลายทหารม้าขาว ความคิดแรกของทุกคนคือเป็นไปไม่ได้ ทหารม้านั้นเป็นราชาแห่งสนามรบ หากเผชิญหน้ากับทหารม้าจำนวนเท่ากัน เพียงสามารถปกป้องตัวเองก็ไม่ง่ายแล้ว ยิ่งอย่าว่าแต่จู่โจมทำลายทัพศัตรู
อย่างไรก็ตาม ทหารม้าขาวกลับพ่ายแพ้ต่อทหารเซียนเติง แม้ว่าจะมีการโอบล้อมอย่างหนักจากทัพกิจิ๋วร่วมด้วย แต่หากไม่ใช่เพราะผลงานของทหารเซียนเติง หากทัพกิจิ๋วต้องการจะโค่นกองซุนจ้านลง เช่นนั้นพวกเขาก็จำต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก
เมื่อนึกถึงคำเตือนที่ได้รับก่อนยกทัพออกมา เตียนอุยก็หันไปกระซิบบอกเหล่าแม่ทัพที่อยู่ข้างกาย
"มีคนกล้าออกมาสู้กับเหล่าเตียนด้วย?" เตียนอุยตะโกน
จ๊กยี่แค่นเสียง "การประลองของแม่ทัพไม่ใช่การกระทำของปัญญาชน ได้ยินมาว่าทหารม้าเฟยฉีของปิ้งโจวเก่งกล้าสามารถ ข้าเองก็อยากจะขอรับคำชี้แนะสักเล็กน้อย"
"ได้ตามนั้น!" เตียนอุยคำราม จากนั้นจึงกระตุ้นม้าพุ่งเข้าหากระบวนทัพของทหารเซียนเติง ที่ด้านหลังมีทหารม้าเฟยฉีหนึ่งพันนายติดตามมา
ขณะที่ควบม้าเข้าใกล้ทหารเซียนเติง ดวงตาของเตียนอุยก็ยิ่งฉายแววประหลาดใจ ทันใดนั้นทหารพลโล่หลายคนก็พลันปรากฏตัวขึ้นในกระบวนทัพ เป็นโล่ใบใหญ่ที่สูงเท่าตัวคน สามารถปกปิดพื้นที่ด้านหน้าได้อย่างมิดชิด ยามมองดูจากระยะไกล ขบวนทัพของทหารเวียนเติงก็คล้ายเปลี่ยนเป็นป้อมปราการเหล็ก ฝนธนูที่ทหารม้าเฟยฉียิงออกไปไม่อาจทำร้ายทหารเซียนเติงแต่อย่างใด
ตอนนี้เอง ลูกศรจากหน้าไม้ของทหารเซียนเติงก็ยิงสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าทหารม้าเฟยฉีจะมีวิชาขับขี่เป็นเลิศ แต่เมื่อต้องเผชิญกับลูกศรที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พวกเขาก็รับมือด้วยความฉุกละหุกอยู่บ้าง แม้ทหารม้าจะหลบพ้น แต่ม้าศึกที่ใต้ร่างนั้นยากจะหลบหลีกได้ทัน ภายใต้ฝนธนู ม้าศึกหลายตัวจะล้มคว่ำพลิกตลบ
ก่อนที่จะทันได้เข้าถึงตัวทัพศัตรู พวกเขาก็เสียทหารม้าไปสิบกว่าคนแล้ว เตียนอุยเดือดดาลสุดขีด ทหารม้าเฟยฉีไม่เคยประสบกับความสูญเสียสาหัสเช่นนี้มาก่อน
ทวนคู่กวัดแกว่งปัดป้องลูกศร ดวงตาของเตียนอุยเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ทวนในมือขวาพลันฟันเข้าใส่ทหารถือโล่ที่อยู่แถวหน้า เตียนอุยต้องการจะทดสอบว่าทหารราบขบวนนี้แตกต่างจากทหารราบอื่นอย่างไรถึงสามารถทำลายทหารม้าขาวลงได้
อาศัยการเสริมกำลังจากม้าศึก การโจมตีของเตียนอุยในครั้งนี้จึงแฝงไว้ด้วยพละกำลังแปดส่วนของเขา ทหารเซียนเติงที่หลังโล่สองนายได้รับแรงกระแทกอย่างหนักหน่วง พวกเขาพลันรู้สึกแน่นหน้าอก แรงกระแทกที่ส่งผ่านมากับทวนทำให้พวกเขาต้องถอยหลังไปสองก้าว ดีที่ด้านหลังยังมีทหารเซียนเติงอีกแถวช่วยค้ำยันไว้ มิเช่นนั้นพวกเขาคงล้มหงายไปแล้ว ถึงกระนั้น ชั่วขณะนี้ก็กลายเป็นการเปิดเผยช่องโหว่ของรูปขบวนทัพไป
เตียนอุยตวาดเสียงดัง ทวนในมือซ้ายฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ฟันติดตามไป ทหารเซียนเติงทั้งสองได้แต่มองดูคมทวนกวาดผ่านร่างของพวกเขา ร่างของทั้งสองล้มฟาดลงกับพื้นขณะสั่นกระตุก
ตอนนี้เอง หอกยาวสองเล่มก็พลันพุ่งเข้าหาเตียนอุย ทหารที่ใช้หอกสองนายนี้แสดงว่ามีประสบการณ์อย่างโชกโชน การแทงหอกในครั้งนี้ได้ปิดผนึกทางถอยของเตียนอุยเอาไว้
เตียนอุยแค่นเสียงก่อนจะตวัดทวนในมือขวาออก ทหารที่อยู่หลังโล่ย่อมไม่อายต้านทานไหว เกิดช่องว่างของแนวโล่ขึ้นอีกครั้ง ทวนในมือซ้ายของเขาฟันเข้าใส่พลหอกนายหนึ่ง ทำให้เขาล้มลงแน่นิ่งไป เกราะหนักบนร่างของพวกเขาไม่อาจหยุดยั้งคมทวนของเตียนอุยได้
เมื่อได้เห็นฉากนี้ จ๊กยี่ก็ตกตะลึง เขาทราบดีว่าทหารเซียนเติงนั้นมีพลังรบระดับใด ต่อให้เป็นงันเหลียงบุนทิวได้เผชิญกับทหารเซียนเติงโดยลำพัง พวกเขาก็ไม่อาจมีเปรียบเหนือทหารเซียนเติงได้
ทหารเซียนเติงไม่เพียงโดดเด่นในด้านพลังป้องกันเท่านั้น แต่จุดที่ร้ายกาจที่สุดของพวกเขาก็คือฝนหน้าไม้และหอกที่สลับสับเปลี่ยนต่อเนื่องไม่จบสิ้น เมื่อรวมกับโล่ขนาดใหญ่ที่อยู่แนวหน้า พวกเขาก็ไร้เทียมทาน ขอเพียงโล่ใหญ่ยังตั้งอยู่อย่างมั่นคง ต่อให้อีกฝ่ายเป็นทหารม้า พวกเขาก็ทำได้เพียงรอคอยความตายเท่านั้น
ทว่าเพียงการปะทะกันชั่วเวลาสั้นๆ ก็มีทหารเซียนเติงสามคนสิ้นชีพในมือเตียนอุยแล้ว แม้ว่าทหารเซียนเติงจะเร่งรีบอุดช่องว่างรูโหว่ กระนั้นฝนธนูจากทหารม้าเฟยฉีก็ยิงมาถึง
หลังจากต่อสู้กันได้สักพัก เตียนอุยก็สังเกตถึงจุดที่พิเศษของหน่วยรบขบวนนี้ แม้ว่าทหารม้าเฟยฉีจะเป็นทหารม้าชั้นยอด แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าทุกคนจะมีพละกำลังเทียบเท่าเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อเผชิญกับการป้องกันของโล่ใบใหญ่ การโจมตีของทหารม้าเฟยฉีก็มีผลน้อยยิ่ง สำหรับทหารเซียนเติงที่หลบหลังโล่นั้น พวกเขามักยิงหน้าไม้และแทงหอกออกมาเป็นครั้งคราว สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายต่อทหารม้าเฟยฉีได้อย่างร้ายแรง
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved