ความตั้งใจเดิมของจูอี้คือ นำทหารปีนขึ้นไปยึดกำแพงเมืองและรับเอาความดีความชอบสูงสุดไป จูอี้อยู่ที่เสเหลียงมานาน ยิ่งกว่านั้นเขายังเก่งกาจในการรบ เขาคุ้นเคยในการต่อสู้กับชาวเกี๋ยง หลังจากที่มาเข้าร่วมกับอ้วนเสี้ยวแล้ว เขาก็จดจ่ออยู่กับการฝึกทหาร
ทหารเซียนเติงแต่ละนายจะสะพายหน้าไม้หนัก มีความคุ้นเคยในการต่อสู้กับทหารม้าเป็นอย่างดี หน้าที่ของพวกเขาก็คือจัดการทหารม้า ทำลายเกียรติประวัติอันไร้เทียมทานของทัพม้าในใต้หล้าลง
กองซุนจ้านและเหยียนโร่วทำศึกกันจนต่างฝ่ายต่างเสียหายอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม กล่าวได้ว่าเวลานี้กองซุนจ้านยังคงเป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่า แม้ว่าเหยียนโร่วจะมีไพร่พลมากมาย แต่นักรบชาวอูหวนนั้นขาดวินัย ต่อที่พวกเขาต่อสู้ พวกเขาก็จะวิ่งกรูกันออกไป ไร้กระบวนทัพโดยสิ้นเชิง และสิ่งที่ทำให้เหยียนโร่วรู้สึกอับจนปัญญายิ่งกว่า ก็คือการปรากฏตัวของทหารม้าขาว ชาวอูหวนหวาดกลัวทหารม้าขาวมาก ความแข็งแกร่งของทหารม้าขาวได้สลักลึกลงในจิตใจของพวกเขาจนเมื่อพบเห็นคราใด พวกเขาก็อดจะตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้
ที่กองซุนจ้านกังวลมากที่สุดก็คือ กองทัพของอ้วนเสี้ยว กองทัพของอ้วนเสี้ยวเคลื่อนทัพข้ามชายแดนมาแล้ว บัดนี้กำลังมุ่งตรงมายังเมืองจี้ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาจะกวาดพิชิตมณฑลอิวจิ๋วในรวดเดียว เวลานี้เมืองจี้มีไพร่พลประจำการอยู่เพียงหกพันคน และที่นี่ก็คือฐานที่มั่นของฝ่ายกองซุนจ้าน
สำหรับการศึกในอิวจิ๋วนั้น ลิโป้ตั้งใจจะนำทัพม้าเฟยฉีสามพัน ทหารหน่วยทะลวงค่าย และทหารราบอีกแปดพันคนไป แม้ว่าทัพเฟยฉีจะได้รับการเติมกำลังคนแล้ว แต่พวกทหารที่เข้ามาใหม่ก็ยังขาดแคลนประสบการณ์ มีเพียงสนามรบเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ทหารเติบโตได้รวดเร็วที่สุด และลิโป้ก็เข้าใจในเรื่องนี้ดี
...............................
ในแง่ของความเจ็บปวด เมื่อเทียบกับกองซุนจ้านแล้ว โจโฉที่อยุ่ในกุนจิ๋วก็คือผู้ที่เจ็บปวดมากที่สุด ในเวลานี้ ความรู้สึกของการไร้บ้านให้กลับนั้นยิ่งมายิ่งเด่นชัด ในกองทัพของเขาก็มีทหารหนีทัพไปหลายคน การล้อมตีเมืองก็ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ทุกคืน ทหารเกงจิ๋วที่อยู่ภายในเมืองซันหยงจะได้ยินเสียงการไว้ทุกข์ดังมาจากกองทัพโจโฉซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่นอกเมือง
อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะยึดเมืองซันหยงแล้ว โจโฉก็ไม่คำนึงว่าเขาจะสูญเสียไพร่พลมากเพียงใด เขากระทั่งยังให้สัญญาว่าจะตบรางวัลใหญ่หากบุกยึดเมืองได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเงินพันตำลึง หรือว่าตำแหน่งแม่ทัพ
โจโฉถนัดในด้านบริหารจัดการทัพ แม้ในยามที่เจอปัญหาใหญ่เช่นนี้ แต่ก็ยังมีทหารอีกมากที่ยังคงอยู่กับเขา
อ้วนสุดและซุนเซ็กบุกโจมตีเกงจิ๋ว อ้วนสุดกระทั่งนำทัพบุกยึดดินแดนอิจิ๋วด้วยตัวเอง เขานำทัพบุกโจมตีเมืองและอำเภอของอิจิ๋วที่ถูกกองทัพเกงจิ๋วยึดครองเอาไว้ กองทัพเกงจิ๋วเองก็ดิ้นรนยันเอาไว้อย่างสุดกำลัง เพราะพวกเขาทราบดี ว่าหากอว้นสุดสามารถยึดครองอิจิ๋วได้สำเร็จ ทางถอยของทัพเกงจิ๋วก็จะถูกตัดโดยสิ้นเชิง
...............................
ทหารหน่วยเฟยอิงถูกส่งเข้าไปในอิวจิ๋วอย่างต่อเนื่อง เมื่อทราบว่าอ้วนเสี้ยวเดินทัพมุ่งตรงไปยังอำเภอเอกอย่างเมืองจี้ ลิโป้ก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด ความแค้นระหว่างอ้วนเสี้ยวและกองซุนจ้านนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่มีต่อปิ้งโจวมาก อ้วนเสี้ยวอยากได้อิวจิ๋วมาโดยตลอด หากว่าเขาสามารถยึดครองเมืองจี้ได้ นั่นก็จะเป็นการโจมตีถึงจุดตายของกองซุนจ้าน
เป้าหมายของลิโป้ในการมาครั้งนี้ก็คือ เมืองไต้จิ๋วและเมืองซ่างกู่ สำหรับการช่วยเหลือกองซุนจ้านนั้น เอาไว้ค่อยคิดหลังจากที่เขายึดทั้งสองเมืองมาได้แล้วก็แล้วกัน ด้วยคำสัญญาลับที่กองซุนจ้านให้ไว้ เขาคาดว่าขุนนางของทั้งสองเมืองคงไม่มีการต่อต้านมากนัก ถึงอย่างไรกองซุนจ้านก็ยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าเมืองอิวจิ๋วในเวลานี้
พิจารณาจากตอนที่ชนเผ่าเซียนเป่ยบุกโจมตีปิ้งโจว ลิโป้ก็เห็นแล้วว่ากองซุนจ้านในยามนี้ไม่ใช่กองซุนจ้านผู้เคยซื่อสัตย์อย่างที่เคยเป็น เขาให้ค่ากับผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าเดิม มิเช่นนั้นเขาคงไม่ทำศึกกับเล่าหงี
ลิโป้แต่งตั้งงุยซกเป็นทัพหน้า นำไพร่พลสามพันล่วงหน้าไปเบิกทาง ส่วนเสบียงอาหารและอาวุธยุทโธปกรณ์จะถูกลำเลียงตามไปอย่างต่อเนื่อง
ลิโป้เคลื่อนทัพเข้าสู่อิวจิ๋วครั้งนี้ เขาไม่คิดปกปิดอำพรางแต่อย่างใด แม้ว่าทัพปิ้งโจวนี้จะมีกำลังทหารเพียงหมื่นกว่าคน หากแต่อ้วนเสี้ยวก็ไม่กล้าประมาทกองทัพที่ได้ชื่อว่าเก่งกาจที่สุดในแผ่นดินเวลานี้ ยิ่งกว่านั้นตัวลิโป้เองยังเชี่ยวชาญการศึก กระทั่งทหารม้าเฟยฉีก็ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าทหารม้าขาว ด้วยเหตุนี้อ้วนเสี้ยวจึงรีบเรียกประชุมเหล่าแม่ทัพที่ปรึกษาทันที
เขาฮิวกล่าวว่า "นายท่าน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือบุกโจมตีกองซุนจ้านและยึดครองอิวจิ๋ว เจตนาของลิโป้เห็นได้ชัดว่าอยู่ที่ไต้จิ๋วและซ่างกู่ กองซุนจ้านและเหยียนโร่วทำศึกกันมานาน หากว่าทัพกิจิ๋วยามนี้บ่ายหน้าไปโจมตีทัพปิ้งโจวแทนที่จะกำจัดกองซุนจ้าน สุดท้ายผลอาจกลายเป็นการเปิดศึกกับปิ้งโจวอย่างเป็นทางการแทนนะขอรับ"
อ้วนเสี้ยวผงกศีรษะเบาๆ เมื่อพิจารณาดูดีๆแล้ว ปิ้งโจวและกิจิ๋วก็ไม่ได้บาดหมางกันลึกล้ำอะไรนัก แน่นอน นี่เป็นเพียงความคิดของอ้วนเสี้ยวเพียงฝั่งเดียว หากแต่ความแค้นกับกองซุนจ้านนั้น พวกเขาดำเนินมาจนถึงจุดที่ไม่ตายไม่ขอเลิกลาแล้ว ในความเห็นของเขานั้น ขอเพียงหยิบยื่นผลประโยชน์ให้อย่างเพียงพอ ลิโป้ก็จะไม่เข้ามายุ่งในสงครามระหว่างเขาและกองซุนจ้านแน่นอน
"นายท่าน พวกเราไม่ควรประเมินกำลังของทัพปิ้งโจวต่ำเกินไป ยิ่งกว่านั้น นายท่านยังเคยส่งกองทัพไปบุกโจมตีด่านหูกวน สร้างความโกรธแค้นให้กับลิโป้เป็นอย่างมาก หากว่าลิโป้พลันบุกโจมตีทัพเรา สถานการณ์จะเลวร้ายได้นะขอรับ" เมื่อเห็นอ้วนเสี้ยวเริ่มหวั่นไหวใจกับข้อเสนอของเขาฮิว เตียนห้องก็รีบเดินออกมากล่าว "กองซุนจ้านมีไมตรีกับลิโป้อย่างแน่นแฟ้น ดังนั้นพวกเราจึงควรเฝ้าระวังเอาไว้ขอรับ"
"ใต้เท้าเตียน นายท่านเป็นถึงผู้นำของทัพพันธมิตรเจ้าเมือง ยังจะมีผู้ใดกล้าไม่ไว้หน้านายท่านด้วย? ลิโป้นั่นเป็นอย่างไรน่ะหรือ? ก็แค่เจ้าเมืองที่มีบรรดาศักดิ์จิ้นโหวซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากโจรกบฏตั๋งโต๊ะ" เขาฮิวแค่นเสียงเย็น
ในกิจิ๋วนั้น ผู้ที่เขาฮิวไม่ชอบหน้ามากที่สุดก็คือเตียนห้อง เตียนห้องเก่งกาจ มีพรสวรรค์ สิ่งที่ทำให้เขาฮิวรู้สึกวางใจที่สุดก็คือ เตียนห้องไม่รู้จักประจบสอพลอคน เขาคิดสิ่งใดก็ว่ากล่าวออกมาตรงๆ โดยไม่นึกถึงผลที่ตามมา สร้างความขุ่นเคืองให้อ้วนเสี้ยวหลายต่อหลายครั้ง เขาฮิวมักจะกล่าวขัดแย้งกับเตียนห้อง สร้างความรู้สึกที่แตกต่างจากเตียนห้องแก่อ้วนเสี้ยว ทำให้ในระยะยาว อ้วนเสี้ยวจะค่อยๆสะสมความไม่พอใจที่มีต่อเตียนห้องเอาไว้
"เช่นนั้นหยวนเฮ่าเห็นว่าข้าควรทำเช่นไร?" อ้วนเสี้ยวถามเสียงเย็น
"จากความเห็นขอข้าน้อย พวกเราควรจะทำลายทัพปิ้งโจวลงก่อน จากนั้นจึงค่อยบุกยึดอิวจิ๋ว บัดนี้กองซุนจ้านกำลังรับมืออยู่กับเหยียนโร่ว ในเวลาอันสั้นยากจะปรากฏผลแพ้ชนะ ขณะที่ลิโป้เดินทัพมาไกล พวกทหารสมควรเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ขณะที่ทัพเราสดชื่นแจ่มใส ทั้งยังมีเปรียบด้านจำนวน คงไม่ยากที่จะเอาชนะทัพปิ้งโจว หากสามารถโจมตีทัพปิ้งโจวแตกพ่าย กองซุนจ้านก็จะขาดทัพหนุน ขวัญกำลังใจของกองทัพย่อมตกต่ำลงเป็นธรรมดา" เตียนห้องกล่าว เขามักรู้สึกมาตลอดว่าทัพปิ้งโจวนั้นเป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดในการเอาชนะสงครามในครั้งนี้
อ้วนเสี้ยวเกิดความลังเล คำพูดของเตียนห้องก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว
เมื่อเห็นว่านิสัยโลเลของอ้วนเสี้ยวเริ่มปรากฏอีกครั้ง เขาฮิวก็รีบเดินออกมากล่าวว่า "นายท่าน ตอนนี้การยึดครองอิวจิ๋วถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ใยพวกเราไม่พักเรื่องของลิโป้เอาไว้ก่อน หลังจากยึดครองอิวจิ๋วได้แล้วค่อยคิดหาวิธีกันอีกทีเล่าขอรับ?"
จอสิวที่ยืนเงียบมาโดยตลอด เขาชำเลืองมองเขาฮิวอย่างดูถูกคราหนึ่ง จากนั้นจึงเดินออกมากุมมือกล่าวว่า "กองทัพปิ้งโจวสามารถรบชนะพวกซยงหนู ขับไล่พวกเซียนเป่ย ขวัญกำลังใจกองทัพจึงเต็มเปี่ยม ที่ต้องจัดการกองทัพปิ้งโจวก่อน ก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในภายภาคหน้า"
"ข้าจะตัดสินใจหลังจากพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว กองซุนจ้านมีทหารกล้าอยู่ใต้บัญชาจำนวนมาก และว่ากันว่าทหารม้าขาวของเขาก็มีส่วนร่วมในตอนที่ทหารม้าเฟยฉีเอาชนะพวกเซียนเป่ย" อ้วนเสี้ยวกล่าว
"นายท่าน ทหารม้าขาวนั้นไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลขอรับ" จูอี้ก้าวออกมากุหมัดกล่าว
"ดี หากครั้งนี้สามารถทำลายกองทหารม้าขาวลงได้ แม่ทัพจูจะมีความชอบเป็นอันดับหนึ่ง!" อ้วนเสี้ยวหัวเราะ
ทหารเซียนเติงคือไพ่ตายของกองทัพกิจิ๋วในการจัดการกับทหารม้า แม้ว่าคำพูดของเตียนห้องและจอสิวจะฟังดูมีเหตุผล หากแต่ในใจนั้น อ้วนเสี้ยวก็ยังให้ความสำคัญกับการจัดการกองซุนจ้านก่อนมากกว่า หากว่ากองซุนจ้านได้ทราบถึงการคงอยู่ของทหารหน่วยเซียนเติงจากการนำออกไปรบกับทัพปิ้งโจว เช่นนั้นเขาก็จะมีเวลาเตรียมตัวรับมือ หากสามารถทำลายกองทหารม้าขาวลงได้ ก็เรียกได้ว่าเอาชนะกองซุนจ้านไปครึ่งตัวแล้ว งันเหลียงเคยนำทหารม้าสามพันออกไปต่อสู้ แต่ก็ยังพ่ายแพ้ต่อทหารม้าขาวจำนวนหนึ่งพัน
เตียนห้องถอนหายใจยาว ไม่กล่าวอะไรอีก ฟังจากคำพูดของอ้วนเสี้ยว เขาก็ทราบว่าอ้วนเสี้ยวได้ทำการตัดสินใจไปแล้ว ผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินต่างก็คิดว่าลิโป้เป็นเพียงแค่นักบู๊โง่เขลา ทว่ากลับไม่มีผู้ใดที่เข้าใจแม่ทัพผู้นี้จริงๆเลยสักคน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved