ตอนที่ 104

บทที่ 104 ราชาหน้าเสือมาเยี่ยมอีกแล้ว

หยางป๋อควบคุมหุ่นยนต์กระโดดขึ้นไปอีกครั้ง ยานรบที่อยู่ไกลออกไปเห็นว่ามีหุ่นยนต์บินวูบผ่านมา พวกมนุษย์กลายพันธุ์ข้างล่างก็รีบหนีไปทันที

มนุษย์กลายพันธุ์มีความสามารถซ่อนตัวอยู่ในทุ่งหญ้านี้ได้ ยานรบบนฟ้าไม่สามารถตรวจจับพวกเขาได้เลย

"เอ๊ะ ทำไมติดต่อยานรบไม่ได้ล่ะ" เมื่อครู่หยางป๋อตกใจ กลัวว่ายานรบจะติดต่อกับตัวเองแล้วจะยุ่งยาก ไม่คิดว่าหุ่นยนต์จะติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้

ผู้บังคับบัญชาหญิงอยู่ข้างหลังพูดเบาๆ ประโยคหนึ่ง "บางทีอาจจะถูกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวนก็ได้ หรือไม่ก็ระบบสื่อสารของหุ่นยนต์มีปัญหา"

"พูดบ้าอะไรของเธอ" หยางป๋ออุทานในใจ แต่ภายหลังเดาได้ว่าหุ่นยนต์นี่เป็นหุ่นที่ผู้เล่นเกมสั่งทำมาเพื่อควบคุมระยะไกล คาดว่ายานรบนั่นจะเป็นของกองเรือ ไม่รู้เรื่องนี้เลย บางทีมีแต่ฐานป้อมปราการต่างๆ เท่านั้นที่ติดต่อกับหุ่นยนต์ได้

หยางป๋อเดาได้ถูกต้อง การที่ผู้เล่นควบคุมหุ่นยนต์ระยะไกลถือเป็นปฏิบัติการลับ มีแต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่กี่คนของกองเรือเท่านั้นที่รู้ พวกที่ขับและควบคุมยานรบไม่รู้เรื่องนี้ จึงไม่มีช่องทางติดต่อ

มีหุ่นยนต์แล้ว ความเร็วในการเคลื่อนที่ก็เร็วมาก หยางป๋อไม่ได้วิ่งตรงไป เพราะถ้ามนุษย์กลายพันธุ์พวกนี้จับได้ล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจจะตามตัวเองมา

มองนกกระจอกที่บินไปบินมา รวมถึงสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอื่นๆ หยางป๋ออดทนอย่างหนักที่จะใช้ปืนเลเซอร์ยิงสัตว์พวกนี้ ถ้าไม่ใช่ว่ามีผู้บังคับบัญชาอยู่ข้างหลัง หยางป๋อคงจะเริ่มใช้ปืนเลเซอร์ยิงพวกมันไปแล้ว

"ไม่รู้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ล่องหนอยู่ที่ไหนบ้าง ต้องหาซักหน่อย" ผ่านไปชั่วโมงกว่า หยางป๋อมาถึงเขตภูเขา แต่พอเห็นเขตภูเขานี้ หยางป๋อก็รู้สึกคลางแคลงใจอยู่บ้าง

"ท่านผู้บังคับบัญชาครับ ทางนู้นคือป้อมปราการหมายเลข 15 แล้วป้อมปราการหมายเลข 16 อยู่ตรงไหนเหรอครับ" หยางป๋อควบคุมหุ่นยนต์ยืนอยู่บนภูเขา มองจากที่สูงลงไป สามารถเห็นที่ไกลๆ โดยรอบได้ มียานรบหลายลำปล่อยลำแสงเลเซอร์ออกมา แล้วก็มีเรือรบบนท้องฟ้าปล่อยลำแสงเลเซอร์ออกมาเช่นกัน

"ป้อมปราการหมายเลข 16 อยู่อีกฝั่งของทุ่งหญ้า" คำพูดของผู้บังคับบัญชาหญิงที่ยืนหลังเขา เกือบทำให้หยางป๋อทนไม่ไหว

หยางป๋อรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนเป็นศัตรูคู่แค้นของตัวเอง ถ้าจะบอกว่ามีปัญหา ก็ไม่มีสักหน่อย แต่พออยู่ด้วยกัน ทำไมตัวเองถึงรู้สึกไม่สบายตัวแบบนี้ล่ะ อยากจะควักอาวุธพลังงานออกมาฟันคนชะมัด

"ท่านผู้บังคับบัญชา ตอนนี้จะทำยังไงดีครับ" หยางป๋อเองก็ไม่รู้ว่าขั้นตอนต่อไปจะทำอย่างไร ถ้าอยู่คนเดียว ตัวเองก็คงจะมุดลงไปใต้พื้นดินแล้ว แต่ตอนนี้ต้องหาวิธีเอาผู้บังคับบัญชาทิ้งไว้ซักที

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนการรบที่ป้อมปราการจะยังดุเดือดอยู่เลย ข้อเสนอของฉันคือรออยู่แถวนี้ก่อน" ผู้บังคับบัญชาหญิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด

"มนุษย์กลายพันธุ์ส่งอะไรมาบ้าง การโจมตีของยานรบและเรือรบมากมายขนาดนี้แล้ว ยังคงดุเดือดอยู่เลย" หยางป๋อมองไปไกลๆ ด้วยความสงสัยไม่เข้าใจ

เพียงแค่ความถี่ในการโจมตีของยานรบและเรือรบ มนุษย์กลายพันธุ์แบบไหนถึงจะสามารถต้านทานได้จนถึงเวลานี้

"หุ่นยนต์ชีวภาพของมนุษย์กลายพันธุ์ไม่ง่ายที่จะถูกล็อคเป้าหมาย หุ่นยนต์ชีวภาพของพวกเขาสามารถเปลี่ยนคุณสมบัติและส่วนผสมได้ มนุษย์กลายพันธุ์ส่วนใหญ่ยังเก่งในการซ่อนตัวด้วย ทันทีที่ซ่อนตัวในทุ่งหญ้า ยานรบและเรือรบจะไม่สามารถจับตำแหน่งได้"

"ตัวดาวเคราะห์เองก็มีคลื่นพลังงานบางอย่างที่ประหลาด ซึ่งมีผลกระทบต่อเทคโนโลยีอย่างมาก โดยเฉพาะระบบล็อคเป้าอัตโนมัติของเลเซอร์"

"น่าเสียดายที่ระบบเตือนภัยของดาวเคราะห์ถูกทำลาย ไม่งั้นอาร์เรย์เรดาร์หลายด้านของระบบเตือนภัยสามารถล็อคเป้าหมายได้ แต่ถ้าเป้าหมายอยู่ในทุ่งหญ้า ก็ยังไม่ง่ายที่จะล็อคอยู่ดี และปืนใหญ่วงโคจรก็กินพลังงานเยอะมาก การฆ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทีละตัว โดยเฉพาะมนุษย์กลายพันธุ์ระดับต่ำ มันไม่คุ้มเอาเสียเลย" ครั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาหญิงพูดเยอะทีเดียว

ผู้บังคับบัญชาหญิงเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องพูดมากขนาดนี้ ปกติแม้แต่สิบวัน ตัวเองก็พูดไม่ได้มากขนาดนี้ หยางป๋อยิ่งทำให้ผู้บังคับบัญชาหญิงดูไม่ออก

หยางป๋อรู้อยู่แล้วว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีอะไรบางอย่างรบกวนเรดาร์ ยิ่งลงไปข้างล่าง ก็ยิ่งรุนแรงกว่าเดิม

ครั้งที่แล้วตอนหุ่นยนต์ของหยางป๋ออยู่ใต้ดิน เรดาร์ก็ถูกรบกวนอย่างหนัก นี่อาจจะเป็นเหตุผลใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ยังไม่สามารถครอบครองดาวเคราะห์ดวงนี้ได้

แต่สิ่งที่หยางป๋อไม่เข้าใจคือ ถ้าเรดาร์ถูกรบกวนมากขนาดนั้น ทำไมตอนที่ตัวเองเล่นเกม กลับราบรื่นมากๆ ล่ะ หรือว่านี่เป็นสองแบบที่แตกต่างกัน

หยางป๋อรู้สึกเหมือนผู้บังคับบัญชาหญิงรู้ว่าเขาอยากรู้มากกว่านี้

ในใจก็บ่นอยู่ ผู้หญิงคนนี้มีพลังพิเศษอะไรกันแน่ จะไม่ใช่พวกอ่านใจคนได้หรอกนะ

ส่วนผู้บังคับบัญชาหญิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยในหมวก เพราะดูไม่ออกจริงๆ ว่าสิบโทคนนี้คิดอะไรอยู่

และยังมองไม่ออกอีกด้วยว่าคนคนนี้ แม้แต่ตัวเองที่มีความไวต่อการรับรู้ขนาดนี้ ยังบอกไม่ได้เลยว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงหรือเท็จ แบบนี้ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย

ตัวเองเป็นสายพันธุ์จิตระดับ A เชียวนะ ยกเว้นคนระดับเดียวกัน คนอื่นๆ ไม่ว่าคำพูดคำจา การเคลื่อนไหว ตัวเองดูออกหมดว่าเขาจริงใจหรือหลอกลวง

แต่ทหารคนนี้ให้ความรู้สึกกับตัวเองเหมือนทุกอย่างเป็นความจริง แต่ก็เหมือนทุกอย่างเป็นความเท็จด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนครึ่งจริงครึ่งปลอม

แถมคลื่นพลังงานตอนที่ทหารคนนี้บุกเบิกเส้นทางข้างหน้าเมื่อครู่ ก็รู้สึกประหลาดมาก เหมือนกับตัวเองไม่เคยรับรู้มาก่อน

บรรยากาศในห้องควบคุมหุ่นยนต์เงียบสงัด

บรรยากาศแปลกๆ ทำให้หยางป๋อรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย จึงเปิดปากพูดว่า "ไปดูป้อมปราการอื่นกันไหม อยู่รอตรงนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก"

"ได้" ผู้บังคับบัญชาหญิงตอบรับทันที

หยางป๋อรู้สึกไร้คำพูดจริงๆ ที่ตัวเองพูดแบบนั้นไป ก็เพื่อจะให้ผู้บังคับบัญชาไม่ตกลง เมื่อถึงเวลาก็จะได้แยกจากเธอไปคนละทาง

"ดูเหมือนนายจะมีความคิดอะไรอยู่นะ" หลังจากที่ผู้บังคับบัญชาหญิงตอบไปแล้ว ก็เห็นชัดเจนว่าหยางป๋อดูไม่ค่อยพอใจ จึงเอ่ยถามขึ้น

หยางป๋อตกใจเล็กน้อย ในใจยิ่งคิดว่าผู้บังคับบัญชาหญิงคนนี้ไม่ธรรมดา

"ผมมีความคิดนิดหน่อยน่ะครับ พวกมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้โจมตีป้อมของพวกเรา รังของพวกมันน่าจะโล่งขึ้นมาก ถ้าพวกเราไปดูที่นั่นตอนนี้จะเป็นไงครับ" หยางป๋อกำลังหาโอกาสที่จะทิ้งผู้หญิงคนนี้ไปน่ะ ถ้าเธอเห็นด้วยกับความคิดของเขา เขาก็จะขับหุ่นยนต์ลงไปยังทางใต้ดินพร้อมกับเธอ แล้วก็หาโอกาสเผ่นหนี เช่นไปเข้าห้องน้ำอะไรทำนองนั้น

"รังของมนุษย์กลายพันธุ์ซ่อนเร้นมาก และพวกเขามีระบบเผ่า ในรังแน่นอนว่าต้องมีคนเฝ้าเพียงพอ มนุษย์กลายพันธุ์แต่ละเผ่ายังมีความขัดแย้งกันสูงด้วย ต่อให้พวกเขามาร่วมมือกันโจมตีพวกเรา แต่ละเผ่าก็ยังคงจะต้องทิ้งคนเอาไว้เพียงพอ" ผู้บังคับบัญชาหญิงอธิบาย

"อ้อ งั้นก็ได้ครับ แล้วป้อมปราการที่ 16 ล่ะ"

"ป้อมปราการที่ 16 อยู่อีกฝั่งของทุ่งหญ้า ก่อนหน้านี้ทุ่งหญ้าถือว่าค่อนข้างปลอดภัย แต่ตอนนี้คงพูดแบบนั้นไม่ได้แล้ว ทุกอย่างเละเทะไปหมด มนุษย์กลายพันธุ์อาจจะอยู่ทั่วไปหมดก็ได้"

"งั้นก็ดีแล้วครับ ไปที่ป้อมปราการที่ 16 กัน" ตอนนี้หยางป๋อกำลังคิดจะส่งผู้บังคับบัญชาหญิงไปป้อมปราการที่ 16 ส่วนตัวเองจะไปหาเทียหนิว แล้วก็เก็บเลเวลทักษะไปด้วย เขาเสียใจในใจที่ตอนนั้นไม่น่าไปทักทายผู้หญิงคนนี้เลย ถ้าตัวเองเดินทางคนเดียวใต้ทะเลสาบก็คงจะดีกว่า

(จบบทนี้)