บทที่ 116 เทียนิวจอมตะกละ
เทียนิวมองแท่งหินพลังงานที่หยางป๋อหยิบออกมาด้วยความตะลึงงัน ตาเล็กๆ ก็เบิกกว้างขึ้นไปอีก
ภาชนะบรรจุแท่งหินพลังงานช่วยกันคลื่นพลังออกมา ไม่เช่นนั้นหินพลังงานจะมีรังสีออกมาบ้างซึ่งส่งผลต่ออุปกรณ์รอบข้าง เทียนิวเองก็งงว่าเมื่อกี้ยังไม่มีอะไร ตอนนี้ทำไมถึงหอมจังเลยล่ะ?
ทำไมถึงได้หอมขนาดนี้นะ?
น้ำลายไหลพรากๆ ไม่หยุด สายตายังจับจ้องหยางป๋ออยู่ เหมือนกับสุนัขที่หยางป๋อเคยเลี้ยงไว้ตอนอยู่บ้านเกิดนั่นแหละ คอยมองคนกินข้าว จ้องกระดูกบนตะเกียบ แล้วน้ำลายก็หยดลงพื้น เหมือนกันเป๊ะ แต่หัวนี่ไม่ขยับเลยแม้แต่นิด มองแต่คุณอย่างเดียว
"มานี่ เทียหนิว!" หยางป๋อหยิบแท่งหินพลังงานขึ้นมาหนึ่งอัน ยื่นไปตรงปากเทียหนิว แล้วพูดขึ้นมา
เทียนิวเหมือนจะเข้าใจคำพูดของหยางป๋อ รีบอ้าปากงับแท่งหินพลังงานไว้ในปากทันที แล้วกลืนลงคอไปเลย
จากนั้นหางเล็กๆ ของเทียนิวก็กระดิกไปมาอย่างบ้าคลั่ง หูเล็กๆ สองข้างคล้ายหูแรดนั้นก็พัดไปพัดมาไม่หยุด ตัวก็ยังกระโดดไปมาอีกหลายที เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นสุดๆ
หยางป๋อในใจก็ใจหายใจคว่ำอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าการให้แท่งหินพลังงานกับเทียนิวจะส่งผลเสียอะไรมั้ย
หลังจากเทียนิวกลืนเข้าไปแล้ว สองตาเล็กๆ ก็มองหยางป๋อ แล้วก็เหลือบมองกล่องใส่แท่งหินพลังงานบนพื้น ทำซ้ำไปมาหลายรอบ เหมือนกำลังพูดว่า "เร็วๆ เร็วสิ รีบให้ฉันอีก" น้ำลายไหลยืดกว่าใครอีก
หยางป๋อมองน้ำลายของเทียนิวแล้วรู้สึกเสียดายนิดหน่อย เลยเข้าไปในถ้ำที่เป็นที่อยู่อาศัยของเทียนิวซึ่งมีน้ำอยู่บ้าง ใช้น้ำล้างภาชนะบรรจุแท่งหินพลังงานให้สะอาด แล้วก็ใช้มือปล่อยแสงอบภาชนะให้แห้ง ก่อนจะเดินกลับมาหาเทียนิว
เทียนิวมองหยางป๋อด้วยสายตาครุ่นคิด แต่น้ำลายก็ยังไหลไม่หยุด หยางป๋อเลยรีบรองรับใส่ภาชนะจนเต็มอย่างรวดเร็ว ปิดฝาภาชนะ แล้วหยิบหินพลังงานออกมาอีกหนึ่งก้อน
ของเหลวในภาชนะเหมือนเป็นวุ้น ไม่ติดภาชนะหรือติดกับหินพลังงาน
เทียนิวกินอีกคำนึง กลืนลงคอ แล้วจ้องมองหยางป๋อด้วยตาเล็กๆ สองข้าง หูเล็กก็กระพือไปมาอย่างร่าเริง เหมือนกำลังบอกว่า "ขออีกหน่อย ขออีกหน่อย ข้าเทียนิวไม่กลัวเยอะ"
แท่งหินพลังงาน 12 อันถูกเทียนิวกลืนกินลงไปหมด หยางป๋อจริงๆ ก็ไม่อยากให้มันกินเลย แต่ดันไปเจอเจ้านี่ที่เหมือนกับหมาที่เคยเลี้ยงไว้ที่บ้านเมื่อก่อน นั่งจ้องกล่องบรรจุแท่งหินพลังงานไม่วางตา
"เทียนิว ไม่โทษข้านะ ถ้าเจ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ข้าก็คงต้องเอาซากศพเจ้าไปส่งแล้ว ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะช่วยอัปทักษะให้ข้าสักอย่างก็ได้" หยางป๋อพึมพำในใจ ยังไงเทียนิวก็เป็นฝ่ายขอเอง ไม่ใช่เขาจงใจจะฆ่ามันซะหน่อย
เหนือความคาดหมายคือ เทียนิวไม่มีอาการผิดปกติใดๆ กลับยิ่งมีผิวหนังสว่างวาวมากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าหยางป๋อเองก็ไม่ได้มาเปล่าๆ เขาเก็บน้ำลายของเทียนิวจนเต็มภาชนะ แล้วนำไปเก็บไว้ในกล่องเก็บของของหุ่นยนต์
หยางป๋อมองค้อนกระดูกที่อยู่ข้างๆ แล้วก็มองอาวุธพลังงานในมือหุ่นยนต์ อะไรบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจ
"ตอนนี้ค้อนกระดูกของฉันสามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงได้ กับใช้งานได้เหมือนเป็นอาวุธต้นกำเนิดของฉันด้วย แล้วของชิ้นนี้จะเอาเข้าไปเก็บในช่องเก็บของของหุ่นยนต์ได้มั้ยนะ?" ค้อนกระดูกชิ้นนี้เป็นเหมือนสมบัติวิเศษจริงๆ มันมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แต่เวลาใช้ทุบหัวใครนี่เหมาะที่สุดแล้ว ลองคิดดูว่าถ้าหุ่นยนต์ใช้ค้อนนี้ มันจะเพิ่มแรงโน้มถ่วงย้อนกลับขึ้นไปกี่ร้อยเท่า เป็นระดับที่คาดไม่ถึงเลย ยานรบมันอาจจะต้องร้าวเป็นรูทะลุเลยนะ
"เฮ่อๆ!" หยางป๋ออยากลองก็ลองเลย ค้อนกระดูกก็ถูกหุ่นยนต์นำเข้าไปเก็บในช่องเก็บของได้จริงๆ
หยางป๋อในใจปลื้มปริ่มยิ้มไม่หุบ แต่เขายังห่วงหุ่นยนต์ที่ฐานทัพหมายเลข 16 อยู่ เลยโบกมือลาเทียนิว ตัวเองออกเดินทางไปก่อน
หยางป๋อรู้สึกแย่หน่อยๆ โดยเฉพาะตอนรีบเดินทางแบบล่องหน เพราะการล่องหนไม่ได้ช่วยเพิ่มความเร็วเลย
อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ผ่านไป หยางป๋อเหนื่อยจนแทบไม่ไหวแล้ว กว่าจะมาถึงฐานทัพหมายเลข 16 เขารีบเร่งเกินไปหน่อย พอเพิ่งเข้ามาถึงฐานหมายเลข 16 ก็ได้ยินเสียงดังตูมๆ แล้วหยางป๋อก็มองไปเห็นหุ่นยนต์ชีวภาพเจ็ดแปดตัวกำลังใช้ของดำทะมึนขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งกระแทกประตูสีเงินอยู่ ประตูสีเงินถึงกับเปลี่ยนรูปไปแล้วด้วย
"พวกมนุษย์กลายพันธุ์พวกนี้สมองไม่ค่อยได้ใช้จริงๆ เนอะ แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก ประตูป้องกันระดับสูงสุดของฐานทัพแบบนี้ วิธีธรรมดาคงไม่มีทางเปิดได้ ต่อให้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงยังไม่ง่ายเลย แล้วนี่มนุษย์กลายพันธุ์พวกนี้ก็ไม่ค่อยมีเทคโนโลยีขั้นสูงสักเท่าไหร่" หยางป๋อในใจเริ่มเข้าใจขึ้นมาหน่อย
"หวงเหลาซาน ก็เพราะเจ้านี่แหละ ถ้ามีดาบดำอยู่ตรงนี้ ป่านนี้คงเปิดประตูได้ไปนานแล้ว เจ้าไปทำอะไรที่บ้านชาวบ้านแถวนั้น?" มีมนุษย์กลายพันธุ์คนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างตำหนิ
ราชาหน้าเสือได้ยินแล้วพูดอย่างหงุดหงิด "นี่พวกเจ้าพูดอะไรกันของเจ้า ทำเหมือนข้าไปฆ่าไอ้คนโชคร้ายนั่นจริงๆ อย่างนั้นแหละ มันก็จะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามลูกน้องของมันดูก็ได้ พวกนั้นโดนหุ่นยนต์นิรนามตัวหนึ่งจู่โจมต่างหาก"
มนุษย์กลายพันธุ์รอบข้างระเบิดเสียงหัวเราะ ในตอนนี้ถ้ายังมีหุ่นยนต์กล้าลงมาในโลกใต้พิภพอีกก็ถือว่ามาหาที่ตายชัดๆ
"ฉันพูดความจริง พวกแกทำไมไม่ยอมเชื่อกันบ้างล่ะ" ราชาหน้าเสือพูดอย่างหงุดหงิดหน่อยๆ
"หวงเหลาซานต่อไปนี้ถ้าจะโกหกอะไรก็เลือกพูดให้มันเนียนกว่านี้หน่อย แล้วก็เจ้าเป็นไอ้บ้าแบบไหน ใครบ้างไม่รู้ ดูท่าทางต่อไปนี้ คนที่พวกเราต้องระวังเป็นอันดับแรกน่ะมันก็คือเจ้านั่นแหละ"
"พูดเหมือนพวกแกจะดีกว่าข้านักหนา ลับหลังก็ยังจะแอบไปยุ่งกับคนอื่นไม่เลิก" พวกมนุษย์กลายพันธุ์ฝ่ายนั้นต่างเถียงกันอย่างเอะอะ หยางป๋อมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็รีบแยกตัวออกไป
"ท่าทางพวกนั้นใช้วิธีโง่ๆ นี้ก็คงเปิดประตูได้อยู่หรอก" หยางป๋อมองแล้วพบว่าวิธีห่วยๆ ของพวกนั้นก็ยังได้ผลอยู่ดี ถึงจะไม่อาจเปิดรหัสได้ แต่ถีบประตูแรงๆ เข้าไปก็พอแล้ว ยังไงพวกหุ่นยนต์ชีวภาพเหล่านั้นก็มีกำลังมหาศาลอยู่แล้ว
สิ่งที่หยางป๋อไม่รู้ก็คือ ตอนที่เขากำลังควบคุมหุ่นยนต์อยู่นั่น ระบบเตือนภัยของบริษัทหุ่นยนต์ใหญ่ๆ ต่างส่งสัญญาณเตือนกันยกใหญ่ เพราะตามข้อมูลเตือนภัยแสดงให้เห็นว่าหุ่นยนต์พวกนั้นควรอยู่ในสถานะปิดเครื่อง หรือก็คือเก็บอยู่ในคลังนั่นเอง แล้วทำไมถึงมาเปิดเครื่องเองได้ล่ะ?
แต่เนื่องจากหุ่นยนต์พวกนั้นถูกเก็บไว้ในพื้นที่ของกองทัพ บริษัทหุ่นยนต์จึงรู้แค่ว่าหุ่นยนต์ตัวเองในระหว่างจัดเก็บถูกบังคับให้เปิดเครื่องเองและสิทธิ์การควบคุมก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วย ส่วนข้อมูลรายละเอียดไม่รู้เรื่องเลย
บรรดาบริษัทหุ่นยนต์ใหญ่ๆ รีบรายงานไปยังกองทัพทันที แต่ฝ่ายกองทัพยังไม่รีบตอบกลับมาเพราะด้านกองทัพเองก็ยุ่งเหยิงไม่น้อย ด้วยเรื่องที่ดาวปีศาจเขียวถูกโจมตีโดยโจรสลัด อีกอย่างคือในยานรบที่แข็งแกร่งที่สุดของสหภาพดันมีสมาชิกกลุ่มสุดโต่งหงเป่ยจวี่อยู่ด้วย เรื่องนี้ถือเป็นการตบหน้ากองทัพทั้งหมดรอบหนึ่งเลยทีเดียว เป็นการตบหน้าที่ดังสนั่นเสียด้วย
ตอนนี้กองทัพกำลังระดมสอบสวนและจัดการตัวเองกันอย่างใหญ่ ส่วนคำร้องขอจากบริษัทหุ่นยนต์ ก็เลยถูกจัดการช้าลงไปหน่อย ส่วนใหญ่ก็เพราะตำแหน่งที่หุ่นยนต์พวกนั้นอยู่ไม่ได้อยู่ใต้การควบคุมของกองทัพโดยตรง ถึงแม้กองทัพจะให้ความสำคัญมากแล้ว แต่การจะรู้รายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นยังค่อนข้างยากอยู่ดี
(จบบท)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved