ตอนที่ 77

บทที่ 77 ร่างกายแห่งดาวภัยพิบัติ

หยางป๋อเดินอยู่ในช่องทางซ่อมบำรุงที่ค่อนข้างกว้างขวาง แต่เดิมที่นี่มีอุปกรณ์อัตโนมัติอย่างเช่นลิฟต์ด้วย แต่น่าเสียดายที่ระบบหลักหยุดทำงานไป น่าจะมีใครบางคนปิดมันไว้ ตามทางเดินทั้งสองฝั่งมีโครงโลหะขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ส่วนเหนือโครงนั้นก็คือห้องโดยสารต่างๆ ผนังห้องโดยสารนั้นทำจากวัสดุคอมโพสิตและโลหะหลายชั้น

มีความแข็งแรงสูง ยืดหยุ่นได้ดี กันความร้อนและเป็นฉนวนได้ ส่วนอุปกรณ์ระบายอากาศและสายไฟต่างๆก็วางเดินอยู่ในช่องทางซ่อมบำรุงแห่งนี้

"โห มาตรการป้องกันรังสีนี่สุดยอดไปเลย" สามารถมองเห็นมาตรการป้องกันรังสีได้ทั้งสองฝั่งของทางเดิน เป็นวัสดุอุดแน่นชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายฟองน้ำ

ทั้งยานขนส่งและยานรบต่างก็มีระบบควบคุมอยู่หลายชุด ระบบควบคุมแบบไร้สาย ระบบควบคุมแบบใช้สาย และแม้กระทั่งระบบควบคุมด้วยไฮดรอลิกอันเก่าแก่

จริงๆแล้วตอนแรกมนุษย์ก็พัฒนาระบบควบคุมแบบไร้สายจนสำเร็จแล้ว แต่ภายหลังกลับพบว่าพายุอวกาศ รังสีอนุภาคพลังงานสูง และอื่นๆนั้นทวีความรุนแรงขึ้น การใช้ระบบควบคุมไร้สายในพื้นที่เหล่านั้นจึงใช้การไม่ได้ผล

จึงหันกลับไปใช้การควบคุมด้วยเส้นใยแก้วนำแสง แต่ก็พบว่าในบางพื้นที่ของอวกาศก็ยังคงถูกรบกวนอยู่ดี สุดท้ายจึงติดตั้งระบบควบคุมด้วยไฮดรอลิกอันเก่าแก่ที่สุดไว้ตามจุดสำคัญต่างๆ

ในสถานการณ์ 99% ระบบควบคุมผ่านเส้นใยแก้วนำแสงไม่มีปัญหา ยานขนส่งทั้งลำก็อาศัยระบบนี้ในการส่งข้อมูลต่างๆ เช่นเดียวกับระบบส่งสัญญาณ แต่ตอนนี้ระบบส่งสัญญาณกลับถูกตัดขาดไป

ส่งผลให้ห้องโดยสารต่างๆไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ เพราะมีมาตรการป้องกันสัญญาณรบกวนที่ทรงพลังมาก แม้แต่เรดาร์ของหุ่นยนต์ก็ตรวจหาไม่พบในระยะไกล

อีกประเด็นสำคัญก็คือ กลุ่มโจรสลัดอวกาศหยินเยว่ไม่ได้ติดตั้งเรดาร์ตรวจจับสิ่งมีชีวิตลงบนหุ่นยนต์ของตัวเองเลย เพราะสุดท้ายแล้วก็ออกมาปล้นสะดม การแทนที่มันด้วยอะไรอื่นมันจะดีกว่าหรือไง?

ผลก็คือทีมเล็กๆของกลุ่มโจรสลัดหยินเยว่แต่ละทีมต้องปฏิบัติการโดยลำพัง ไม่มีทางจะเชื่อมต่อกันด้วยสัญญาณไร้สายได้เลย ไม่อย่างนั้นหัวหน้าคงไม่ถึงขั้นส่งหุ่นยนต์ออกไปติดต่อกับยานรบที่อยู่ภายนอกยานขนส่งหรอก เพราะระบบสื่อสารได้รับความเสียหายไปก่อนหน้านี้แล้ว

หยางป๋อยังไม่รู้เรื่องนี้ สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงผู้อยู่อาศัยธรรมดาสามัญก่อนหน้านี้ ข้อมูลที่ได้รับก็มีอย่างจำกัด

หยางป๋อมาถึงศูนย์กลางซ่อมบำรุง ที่นี่กักตุนเครื่องมือและหุ่นยนต์หลากหลายชนิดเอาไว้ แต่ก็ช่างน่าเสียดายที่หุ่นยนต์เหล่านั้นกลับใช้งานไม่ได้แล้ว

หยางป๋อถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกเก็บซ่อนไว้ก่อน แล้วเปลี่ยนใส่ชุดช่างซ่อมบำรุงยานอวกาศแทน จริงๆแล้วที่นี่ส่วนใหญ่หุ่นยนต์ก็ทำงานได้เกือบหมด ดังนั้นจึงแทบจะไม่มีคนงานจริงๆสักเท่าไหร่

ชุดช่างซ่อมบำรุงก็มีประโยชน์ใช้สอยเหมือนกับชุดที่ใส่ก่อนหน้านี้

หยางป๋อเลือกห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนอุปกรณ์ หยางป๋อนึกในใจแล้วก็ปล่อยหุ่นยนต์ของตัวเองออกมา จากนั้นก็เปิดห้องนักบินแล้วก้าวออกมาจากหุ่นยนต์

สูง 8 เมตร หนัก 108 ตัน เบากว่าตอนออกจากโรงงานผลิตเล็กน้อย เพราะถูกดัดแปลงแล้ว

หุ่นยนต์มีระบบแรงโน้มถ่วง จึงไม่ลอยตัวออกไปในอวกาศ แต่ถ้าปิดระบบแรงโน้มถ่วงมันก็จะลอยขึ้นมาจากพื้นได้

"เฮอะ ถ้ามีไอ้หุ่นยนต์นี่อยู่ด้วยล่ะก็" หยางป๋อรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเยอะเลยเชียว

หยางป๋อคิดในใจแล้ววางมือของตัวเองลงบนตัวหุ่นยนต์

ควบคุมโลหะ!

เอ๊ะ! หยางป๋อคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการเปลี่ยนรูปร่างของหุ่นยนต์น่าจะยากมากๆ แต่ไม่คิดว่าเมื่อตัวเองลงมือทำ เพียงแค่คิดในใจเท่านั้น รูปทรงภายนอกของหุ่นยนต์ก็เปลี่ยนไปซะแล้ว

จากเดิมที่หน้าตาดูเหลี่ยมๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นรูปทรงที่ดูลื่นไหลขึ้นมา เหมือนหุ่นยนต์รุ่นเกือบยี่สิบแต่ขนาดเล็กกว่า แน่นอนว่านี่เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ภายในยังคงเป็นหุ่นยนต์รุ่นที่ 3 อยู่เหมือนเดิม เปรียบเหมือนกับของยี่ห้อนั้น เมื่อมองแต่ไกลเหมือนปอร์เช่ พอเข้าไปใกล้ๆกลับ... แค่ก

"ดีๆ" หยางป๋อมองดูการเปลี่ยนโฉมของหุ่นยนต์ที่สำเร็จลงแล้ว แบบนี้แหละถ้าวันหลังจะทำเรื่องไม่ดี ก็ไม่กลัวใครจะจำได้แล้วล่ะ

เมื่อหันไปมองเห็นชุดเกราะหุ่นยนต์ของหงเป่ยจวี่ที่วางอยู่ในห้องนักบิน หยางป๋อก็รู้สึกสงสัยในใจ ของชิ้นนี้เมื่อครั้งก่อนมันถูกเก็บเข้าไปพร้อมกับตัวหุ่นยนต์นี่นา

ตอนที่ลองสวมใส่ดู มันก็ไม่ได้ใช้งานได้จริงๆ...

"นั่นก็หมายความว่าห้องนักบินของหุ่นยนต์นี่สามารถเก็บของได้ แล้วก็สามารถพับเก็บเข้าไปด้วยสินะ?"

"แล้วห้องเก็บของของหุ่นยนต์ล่ะ?" หยางป๋อก็ยังคงจำได้ว่าหุ่นยนต์จะมีพื้นที่สำหรับเก็บของอยู่ด้วย

"ถ้าอย่างนั้น ต่อไปนี้ถ้าได้ของดีอะไรมา ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องโยนทิ้งไปแล้วสินะ?" หยางป๋อไม่เข้าใจสาเหตุว่าทำไมกันแน่ แต่มันก็ไม่ได้ขัดขวางการใช้งานของเขาหรอก

หยางป๋อมองชุดเกราะของหงเป่ยจวี่ แล้วเอาไปเก็บไว้ในห้องเก็บของของหุ่นยนต์ ของชิ้นนี้ต่อไปในอนาคต ใครจะรู้ว่าจะมีประโยชน์ใช้สอยอะไรบ้างก็ไม่รู้

หลังจากเข้าไปในห้องนักบินแล้ว หยางป๋อก็พบว่าตัวเองกับหุ่นยนต์นี้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไปแล้ว นี่เป็นผลมาจากทักษะการควบคุมโลหะ รวมถึงพลังงานที่มาจากแหล่งเดียวกัน

หยางป๋อใช้เวลาฝึกฝนชั่วครู่ เดิน วิ่ง อาวุธพลังงานยาว 5 เมตร ของชิ้นนี้ก่อนหน้าหยางป๋อยังคิดเอาไว้ว่าเป็นดาบพลาสมาของหุ่นยนต์รุ่นที่ 3 เลย ที่แท้ก็ไม่ใช่ นี่ก็เป็นอาวุธโลหะพลังงานเหมือนกัน แต่มีอานุภาพสูงกว่าดาบพลาสมานับร้อยเท่า

"การจู่โจมของหงเป่ยจวี่ไม่ธรรมดาเลยนะ หุ้นของบริษัทไซเบอร์เนติกส์พุ่งขึ้นไม่น้อย ที่สำคัญคือหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น บริษัทไซเบอร์เนติกส์ก็มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพิ่มขึ้นอีกหลายราย ไม่แน่ว่าอาจจะมีใครที่รู้เทคโนโลยีขั้นสูงของบริษัทนี้ แล้วก็มาวางแผนกับดักเอาไว้ก็เป็นได้?"

"หรือไม่พวกนักการเมืองจากดาวพาโดอาจจะมีแผนการอะไรอยู่ก็ได้?" ตอนนี้ยิ่งหยางป๋อคิดถึงเรื่องของหงเป่ยจวี่ครั้งก่อน ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ง่ายๆแบบนั้น แต่ก็แค่คิดๆเอาเฉยๆ

"ฉันแค่มาหลบอยู่ที่นี่สักสองสามวัน" หยางป๋อฝึกฝนอยู่สองชั่วโมง จากนั้นก็เก็บหุ่นยนต์เข้าไปแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของช่างบำรุง ที่นี่เป็นที่ลับตา พื้นที่ก็โล่งกว้างขวางดี สภาพของห้องพักก็ไม่แย่

นอกจากนี้หยางป๋อยังพบว่าอาวุธพลังงานของตัวเองสามารถล่องหนได้ แต่ว่าหุ่นยนต์ทำไม่ได้ เหมือนว่าพลังงานแบตเตอรี่ภายในตัวหุ่นยนต์กับพลังของตัวเขาเองมันไม่เหมือนกัน

ที่นี่ยังสามารถชาร์จไฟได้ด้วย มีแบตเตอรี่สำหรับหุ่นยนต์อยู่ไม่น้อย หยางป๋อก็เลยแอบดูดพลังงานจากมันมาเติมพลังให้ตัวเองด้วยเลย

"นี่มันของอะไรกัน?" หยางป๋อมองดูตู้นิรภัยแต่ละตู้ภายในห้องทำงาน อ้าว มันเป็นแบบเก่าๆที่ต้องใช้มือหมุนเปิดอีกเหรอเนี่ย

หยางป๋อนึกในใจ อาวุธพลังงานที่เขาซื้อมาก็ปรากฏขึ้นในมือทันที ตู้นิรภัยแบบนี้ถึงแม้จะทำจากโลหะที่แข็งแกร่งที่สุด แต่พอเจออาวุธพลังงานที่กำลังเปล่งประกายสีฟ้า มันก็เหมือนเต้าหู้ไม่มีผิด

ภายในตู้นิรภัยมีแคปซูลใสรูปทรงกระบอกยาวครึ่งเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร ภายในบรรจุของเหลวสีฟ้าข้นหนืด ในของเหลวนั้นมีแท่งสามเหลี่ยมทรงกระบอกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 มิลลิเมตร ยาว 30 เซนติเมตรถูกตรึงไว้อย่างแน่นหนา

"หินพลังงานของยานรบ!" หยางป๋อจำได้ทันทีเลย นี่ก็เป็นเพราะทักษะการซ่อมบำรุงยานรบทำงานนั่นเอง

ในขณะเดียวกันหยางป๋อก็เข้าใจในทันใดว่า หินพลังงานแบบนี้จะมีก็แต่บนยานรบเท่านั้น หินหนึ่งก้อนมีน้ำหนักสูงถึง 10 กิโลกรัม ปกติแล้วยานรบจะใช้พลังงานจากปฏิกรณ์นิวเคลียร์ควบคุม แต่เมื่อเจอการต่อสู้ โล่พลังงาน ปืนเลเซอร์เปิดใช้งานเต็มกำลัง จึงต้องใช้หินพลังงานคอยสนับสนุน

โล่พลังงานของยานรบมีวิธีป้องกันแบบอัตโนมัติ ยิ่งโจมตีจากภายนอกมากเท่าไหร่ โล่พลังงานที่สร้างขึ้นก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ถ้าเจอกับการโจมตีที่รุนแรงเกินขีดจำกัดจากศัตรู ระบบโล่พลังงานก็จะสร้างโล่กำบังที่แข็งแกร่งขึ้นมาในทันที

ตอนนี้จึงจำเป็นต้องดึงพลังงานมาใช้เป็นจำนวนมาก การผลิตพลังงานปริมาณมหาศาลเช่นนั้น ระบบปฏิกิริยาหลักให้การสนับสนุนไม่ไหว จึงต้องพึ่งพาหินพลังงาน

"สัด ไม่ใช่แบบนั้นสิ เจ้าของชิ้นนี่ถูกสหภาพห้ามใช้ไว้ไม่ใช่เหรอวะ" หยางป๋อพลันนึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ

แล้วก็พอดีตอนนั้นหยางป๋อได้ยินเสียงดังขึ้น เขาจึงรีบถอดชุดออกและยัดชุดนั้นเข้าไปในมุมห้องทันที จากนั้นทั้งตัวก็ค่อยๆล่องหนลอยติดกับเพดานไปทางด้านข้าง เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมของอวกาศ เมื่อไม่มีเสื้อผ้ามากำหนดทิศทาง คนก็จะลอยอยู่เฉยๆ

ล่องหน!

พอล่องหนปุ๊บ ก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา

"ครั้งนี้ซวยจริงๆ ทำไมถึงต้องมาเจอคนแกร่งขนาดนี้ด้วยนะ"

"ก็ใช่น่ะสิ ช่วงนี้งานมันยากขึ้นทุกทีๆ ยังไม่เท่าไปเปิดไลฟ์สตรีม คราวก่อนเปิดแค่ครึ่งวันก็ได้เงินมาหลายล้านแล้ว"

"ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะจับคนได้มากแค่ไหน หินพลังงานของยานรบน่ะ..."

คนสามคนที่สวมชุดเกราะพลังงานเดินเข้ามา ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ แต่พลันก็หยุดลงเพราะเห็นตู้นิรภัยที่ถูกตัดเป็นชิ้นๆ

"มีบางอย่างเกิดขึ้น" ทั้งสามร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน ชุดเกราะพลังงานบนตัวพวกเขาเปล่งประกายวูบวาบอย่างรุนแรง

"รีบดูหน่อยเร็วเข้าว่าหินพลังงานหายไปรึเปล่า นั่นมันรายได้ส่วนใหญ่ของพวกเราเลยนะ" คนหนึ่งในสามถอยหลังออกไป อีกคนหนึ่งตะโกนออกมา แต่ไม่สามารถเห็นหน้าของทั้งสามคนได้ เพราะมีหมวกนิรภัยสวมปิดบังไว้หมด

หยางป๋อกำลังสบถอยู่ในใจ "ไม่แปลกเลยที่ฉันได้ยินเสียงแล้วจะหนีออกไปไม่ทัน ดันเป็นพวกผู้มีพลังพิเศษทั้งนั้น พวกสารเลวพวกนี้ไม่รู้ว่าใครมันให้ทรัพยากรเชิงกลยุทธ์แบบนี้ให้กับโจรสลัดพวกนี้ บ้าฉิบหายไปแล้ว หรือว่าจะเป็นสภา? ไม่แน่หรอก พวกโจรสลัดพวกนี้อาจจะมีกลุ่มทุนใหญ่ๆคอยหนุนหลังอยู่ก็ได้"

(จบบทนี้)