ตอนที่ 42

บทที่ 42 นักขับหุ่นยนต์ระดับแชมป์?

"อย่าเพิ่งขยับ อย่ารีบ"

"ทุกคนตั้งใจฟัง"

"รอด้วยความอดทนหน่อย พวกเราถอดระเบิดต้านรังสีไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เหลืออีกห้านาที"

"ห้ามผู้กลายพันธุ์บินด้วย ถ้าบินจะถือว่าเป็นสมาชิกขององค์กรสุดโต่งหงเป่ยจวี่" เสียงดังก้องภายในโดม

หยางป๋ออยู่ข้างๆ ด้วยสภาพล่องหน คิดอย่างละเอียด วันนี้มีเรื่องบังเอิญชะมัด เขาก็แค่มาเคลียร์ค่าจ้างเท่านั้นเอง

แล้วก็ฆ่าคนไปอีกสองสามคน หรือสิบกว่าคนด้วย หลังจากนี้ต้องมีข่าวแน่ๆ

หนึ่งชั่วโมงต่อมา หยางป๋อในชุดของตัวเองกำลังรอการตรวจสอบอยู่ด้านนอกโดมความบันเทิง

เมื่อกี้พอประกาศว่าปลอดภัยแล้ว ผู้คนก็แห่กันวิ่งหนีกลับบ้าน หยางป๋อจึงไปเอาเสื้อผ้านาฬิกาของตัวเองคืนมา แล้วก็ออกมาท่ามกลางความวุ่นวายนั่นเอง

"เจ้านาย" จู่ๆ หยางป๋อก็เห็นหลิวจื๋อเจี๋ย ไอ้หมอนี่กำลังพูดอะไรอยู่กับตำรวจ ดูท่าจะสนิทกันมาก หยางป๋อรีบเรียกทันที

"หยางป๋อ นายไม่เป็นไรใช่ไหม" หลิวจื๋อเจี๋ยหน้าด้าน พอเห็นหยางป๋อก็เดินมาถามทันที

"เจ้านาย วันนี้โทษคุณทั้งนั้นแหละ ถ้าคุณไม่เรียกผมมาเคลียร์เงินเดือน ผมเกือบตายที่นี่แล้ว" หยางป๋อบ่นอย่างตำหนิ

หลิวจื๋อเจี๋ยกระซิบ "โดมความบันเทิงจะชดเชยค่าเสียหายทางใจให้ทุกคนจำนวนหนึ่ง บริษัทก็จะจ่ายชดเชยด้วย เดี๋ยวฉันจะหาโอกาสเลื่อนตำแหน่งให้นายเอง"

หยางป๋อบ่นในใจ หรือว่าครั้งนี้บริษัทของไอ้อ้วนขาดทุนหนัก ถึงได้ให้ตนไปทำงานสกปรก คิดสวยหรู ฉันทำแค่พนักงานทำความสะอาดระดับล่างสุดก็พอ ถ้าเลื่อนขั้นไปอีกก็ไม่รู้จะต้องไปทำอะไรที่ไร้มโนธรรมอีกเท่าไหร่

"เจ้านาย งานนี้อันตรายเกินไปแล้ว" หยางป๋อไม่ตอบตกลง แต่กลับแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา

"นายกลับไปพักผ่อนให้ดีๆ สองสามวัน ลาหยุดโดยได้รับค่าจ้าง ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุจริงๆ ไอ้พวกสารเลวหงเป่ยจวี่" หลิวจื๋อเจี๋ยพูดด้วยความแค้นเคือง

หยางป๋อเป็นผู้อยู่อาศัย เขาสแกนใบหน้า สแกนนาฬิกาข้อมือ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นตัวด้วยมือ เพราะผู้อยู่อาศัยทนการตรวจค้นด้วยเครื่องไม่ได้ มีข่าวลือว่ามันมีรังสี จะเป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้อยู่อาศัย แล้วหยางป๋อก็ได้รับอนุญาตให้ผ่านไป

"ฉันชวนนายไปดื่มสักแก้วได้ไหม" หลิวจื๋อเจี๋ยเห็นหยางป๋อผ่านการตรวจค้นเสร็จ จึงเอ่ยถาม

"ได้สิ" ตอนแรกหยางป๋อยังอยากกลับไปดูที่ทำการของพวกนี้ในชุมชนของตัวเองอยู่เลย แต่พอคิดอีกที คนร้ายจำนวนมากมักจะชอบย้อนกลับไปดูที่เกิดเหตุ แล้วก็เลยโดนจับได้

พอมาถึงร้านน้ำชาเพื่อการพักผ่อนที่ค่อนข้างไกลออกไป ยังไม่ทันนั่งเลย หยางป๋อก็ได้ยินเสียงสัมภาษณ์ถ่ายทอดสดจากจอเสมือนในร้าน

"ใช่ ครั้งนี้คนที่ควบคุมหุ่นยนต์ลิเบอเรเตอร์ เป็นผู้จัดการอาวุโสของบริษัทไซเบอร์ดีเวนชั่น ผู้จัดการอาวุโสท่านนี้ไม่เพียงรู้จุดอ่อนของหุ่นยนต์ประเภทต่างๆ แต่ยังเป็นนักบินหุ่นยนต์ด้วย ส่วนชั้นระดับที่แน่ชัดนั้น ถือเป็นความลับของบริษัท" ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไซเบอร์ดีเวนชั่นซึ่งเป็นชายวัยกลางคนท้วมพูดอยู่หน้ากล้อง

หยางป๋ออึ้งไป ฉิบหาย ออกมาแย่งกันเอาหน้าเร็วซะจริง

สิ่งที่หยางป๋อไม่รู้ก็คือ ครั้งนี้บริษัทไซเบอร์ดีเวนชั่นมาตามคำสั่งของรัฐบาล คนที่ควบคุมหุ่นลิเบอเรเตอร์ต้องไม่ใช่พวกหงเป่ยจวี่เด็ดขาด ไม่งั้นรัฐบาลจะดำสนิท ไม่มีส่วนดีเลยสักนิด

และรัฐบาลก็อยากจะหาตัวคนคนนี้ด้วย ในเมื่อเป็นบุคคลลึกลับที่สามารถปล่อยหุ่นยนต์ออกมาได้ทุกที่ทุกเวลา มันจะเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยมากเพียงใด และคนที่ควบคุมหุ่นก็น่าจะเป็นนักบินหุ่นยนต์ระดับแชมป์ด้วย พวกขุนนางเจ้าข้าจะรู้สึกปลอดภัยได้บ้างไหม

ตอนนี้ให้บริษัทไซเบอร์รับแทนไปก่อน จริงๆ บริษัทไซเบอร์ไม่ค่อยอยากเลย เพราะนี่เท่ากับเป็นศัตรูกับองค์กรสุดโต่งอย่างหงเป่ยจวี่ แต่ไม่รับแทนก็ไม่ได้

ประการแรก หุ่นยนต์ของบริษัทไซเบอร์ร่วมในการสังหารผู้คนจำนวนมาก นี่เป็นข้อบกพร่อง

ประการที่สอง บริษัทไซเบอร์เองก็ไม่อยากล้มละลาย ถ้าบอกว่าหุ่นลิเบอเรเตอร์ถูกขโมยไป บริษัทก็จบสิ้น เมื่อต้องเลือกระหว่างล้มละลาย กับปฏิปักษ์กับหงเป่ยจวี่ ผู้บริหารบริษัทไซเบอร์ย่อมรู้ว่าจะเลือกอะไร ไม่งั้นรัฐบาลอาจสงสัยว่าบริษัทไซเบอร์ร่วมมือกับพวกหงเป่ยจวี่ด้วยซ้ำ

หลิวจื๋อเจี๋ยพูดเสียงเบา "อย่าไปเชื่อพวกนั้นเลย ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล"

"อ่าฮะ"

"ที่พูดมานี้ไร้สาระทั้งนั้น พวกนักการเมือง คนดัง ล้วนพูดไร้สาระ" หลิวจื๋อเจี๋ยพูดต่อ

หลิวจื๋อเจี๋ยจิบน้ำชาอีกครั้งแล้วพูด "กุญแจมิติของหุ่นลิเบอเรเตอร์หายไปตั้งแต่เมื่อวาน บริษัทไซเบอร์เลยต้องปิดห้องแสดงสินค้า แม้แต่ฉันเองก็เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้ล่ะ"

"อีกอย่าง บริษัทระดับไซเบอร์นี่จะเลี้ยงนักบินหุ่นยนต์ระดับแชมป์ได้หรอ คิดว่านักบินหุ่นยนต์ระดับแชมป์เป็นหญ้าข้างทางรึไง" หลิวจื๋อเจี๋ยวางถ้วยชา แล้วพูดต่อ

หยางป๋อรู้สึกประหลาดใจมาก "คนขับหุ่นยนต์เป็นนักบินระดับแชมป์เหรอ"

หยางป๋อตกใจจริงๆ ตัวเขาเป็นนักบินหุ่นยนต์ระดับแชมป์งั้นเหรอ แล้วทำไมเขาไม่รู้ตัวล่ะ

"นักบินหุ่นยนต์จะมีการแบ่งระดับชั้นภายในเยอะแยะ นายดูคนวันนี้สิ ขับหุ่นยนต์รุ่นที่ 3 ระดับต่ำสุด แต่ทำผลงานได้ 0 ต่อ 13 แม้ว่าจะมีหลายสาเหตุเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผลงานเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ การตัดสินระดับนักบินหุ่นยนต์ ไม่ได้ดูจากปัจจัยอื่นใด แต่ดูจากผลงานเท่านั้น"

"เพราะบนสนามรบไม่มีความยุติธรรมอะไรทั้งนั้น มีแต่ผลงานเท่านั้นที่นับ และนักบินคนนี้ก็เข้าใจจุดอ่อนของหุ่นยนต์ฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างดี ราคาหุ้นของสองบริษัทนี้ต้องดิ่งลงแน่ๆ" หลิวจื๋อเจี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

หยางป๋อครุ่นคิดสักพัก แล้วก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขาใช้คลื่นเสียงสแกนหุ่นยนต์ในห้องจัดแสดง ตอนที่หุ่นไม่ได้เปิดเครื่อง มันก็ต้องใช้วัสดุตัวเองในการป้องกันการตรวจจับจากภายนอก

ในห้องจัดแสดงมีระบบรบกวนป้องกัน ทำให้ใช้วิธีอื่นตรวจจับไม่ได้ แต่คลื่นเสียงของเขานี่ล่ะที่เป็นข้อยกเว้น...

"นอกจากนี้ นักบินคนนี้ใช้กลยุทธ์ได้ดีมากตั้งแต่เริ่มต้น อย่างแรกคือกำจัดผู้บังคับบัญชาของฝ่ายตรงข้ามไปก่อน สำหรับองค์กรสุดโต่งแบบนี้ พอผู้บังคับบัญชาเสียชีวิต ไม่มีทางโอนอำนาจการบังคับบัญชาให้คนอื่นได้ง่ายๆ เหมือนในกองทัพหรอก เหตุผลที่หุ่นที่เหลือรวมกลุ่มโจมตีไม่ได้ ก็เพราะไม่มีคนประสานกับเพื่อนร่วมทีม ขาดผู้บัญชาการที่เป็นเอกภาพ"

"แน่นอน นักบินหุ่นของหงเป่ยจวี่ก็มีความผิดพลาดร้ายแรงอย่างหนึ่ง นั่นคือไม่ได้พกอาวุธระยะประชิด เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือมนุษย์ที่ไม่มีเกราะป้องกันใดๆ แต่หากผู้บังคับบัญชาจัดหาอาวุธระยะประชิดให้หุ่นสักสองตัว ก็คงไม่ย่ำแย่ขนาดนี้"

"แต่ถ้าขาดหุ่นไปสองตัว แผนการอาจจะมีช่องโหว่ก็ได้" หลิวจื๋อเจี๋ยมองออกไปนอกหน้าต่าง จ้องมองแสงระยิบระยับขึ้นๆ ลงๆ นั่นคือเครื่องบินรบนั่นเอง

หยางป๋อเข้าใจความหมายของหลิวจื๋อเจี๋ย ผู้โจมตีมีจำนวนคนและหุ่นที่จำกัด เพื่อให้มีตัวประกันให้ได้มากที่สุด ก็เลยจำเป็นต้องติดปืนเลเซอร์ความถี่สูงให้หุ่นทุกตัว

คิดย้อนไปตอนนี้ หยางป๋อรู้สึกว่าการควบคุมหุ่นของเขาเหมือนไม่ใช่การขับหุ่นเลย เหมือนกำลังควบคุมร่างกายตัวเองมากกว่า

"หรือว่าเกี่ยวกับกุญแจมิตินะ บริษัทไซเบอร์บอกไว้ใช่ไหมว่ากุญแจมิติกับโลหะพลังงานของหุ่นนี่ใช้คลื่นความถี่อะไรเหมือนกันนะ" หยางป๋อยกถ้วยชาขึ้นดื่ม คิดไปด้วยในใจว่า วันนี้มีเรื่องผิดปกติมากไป

พอดีตอนนั้น มีภาพที่ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างปรากฏขึ้นบนจอเสมือน

เป็นตอนที่หยางป๋อลงไปใต้เวทีแล้ว มีคนคนหนึ่งบินลงมาจากรูบนโดม มีใบมีดสีแดงรูปพระจันทร์เสี้ยวขนาดไม่ใหญ่ล้อมรอบตัวเขา ยาวราวสิบกว่าเซนติเมตร ใบมีดสีแดงขนาดสิบกว่าเซนติเมตรนี้ เหมือนดาบเหาะในนิยาย ทะลุห้องนักบินของหุ่นสามตัวในพริบตา ซึ่งหุ่นสามตัวนี้กำลังจับตัวประกันไว้เป็นกลุ่มใหญ่

"ผ่าท้องฟ้า" หยางป๋อมองภาพเงาวาบนี้อย่างตะลึง หากเขาหนีช้าไปอีกนิดคงไม่รอด...

"อุปกรณ์ของหน่วยพิทักษ์ดาวเคราะห์ ของพวกนี้คนธรรมดาเล่นไม่ไหวหรอก และถ้าไม่มีดาวเทียมสื่อสารพิเศษของฝ่ายทหารและรัฐบาล ก็อย่าหวังเลย" หลิวจื๋อเจี๋ยตอบอย่างไม่ยี่หระ

(จบบท)