บทที่ 126 ซูเปอร์แมน
"ฉันยอมแพ้!" ผู้กลายพันธุ์ที่วิ่งหนีในที่สุดก็ถอยหลังสองก้าวแล้วยกมือขึ้นพูด มันเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังป้องกันตัวเองอยู่
หยางป๋อรู้สึกปลื้มปีติในใจ แต่ยังคงเอ่ยถามออกไปว่า "หมู่บ้านของพวกเจ้าจะไปงานแลกเปลี่ยนสมบัติเมื่อไหร่? มีของดีอะไรบ้าง?"
พวกผู้กลายพันธุ์ฝั่งตรงข้ามกำลังจะถอดชุดเกราะพลังงาน พอได้ยินประโยคนี้ก็ตอบกลับด้วยความหงุดหงิด "พวกเราก็ไปในเวลาใกล้ๆกับพวกเจ้านั่นแหละ ประมาณสิบวันข้างหน้า ส่วนสมบัติในหมู่บ้านพวกเรานั้นมีเยอะมาก"
"รีบพาไอเพื่อนงั่นของเจ้าไปให้พ้นๆ แล้วคราวหน้าก็จำไว้ให้ส่งคนฝีมือดีๆมาหน่อย" จากนั้นหยางป๋อก็ใช้อาวุธพลังงานชี้ไปยังไอ้หนุ่มที่ถูกชนจนสลบไป
ผู้กลายพันธุ์คนนี้ตอนแรกยังไม่ค่อยเชื่อ แต่พอเห็นว่าหยางป๋อไม่ได้พูดเล่น มันก็รีบแบกเพื่อนของตัวเองแล้วก็วิ่งหนีไปทันที
ระหว่างวิ่งมันก็ยังสบถด่าทอหัวหน้าของตัวเองที่หลอกให้มา ที่นี่มีไอ้หนุ่มนี่แข็งแกร่งขนาดนี้ แต่กลับให้ตัวมันกับน้องชายมาลาดตระเวนเฝ้ายาม ไม่ได้ ตัวมันเองก็ต้องหลอกคนอื่นเหมือนกัน
หยางป๋อก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะสู้กับผู้กลายพันธุ์พวกนี้สิบคนหรือร้อยคนได้หรอก นั่นเป็นไปไม่ได้ แค่สามารถสู้กับผู้กลายพันธุ์พวกนี้อย่างสง่างามเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
"น่าเสียดายที่ผู้กลายพันธุ์พวกนี้ส่วนใหญ่มีแต่พลังด้านกำลัง ส่วนพลังเหนือมนุษย์นั้นมีน้อยมาก" แต่หยางป๋อก็รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ผู้กลายพันธุ์พวกนี้ส่วนใหญ่มีแต่การเพิ่มพลังกำลังของร่างกาย แต่การครอบครองพลังในการควบคุมธาตุอื่นๆน้อยมาก
"กองลาดตระเวนจากหมู่บ้านข้างๆคงจะมาถึงในไม่ช้านี้แหละ หวังว่าครั้งนี้จะให้เซอร์ไพรส์เล็กๆน้อยๆกับตัวเองบ้าง" หยางป๋อหายตัวไปในพริบตา แล้วก็ไปหาเรื่องในพื้นที่ของหมู่บ้านข้างๆต่อ
สีของชุดเกราะพลังงานบนตัวเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับไอ้เจ้าที่เพิ่งต่อสู้ด้วยเมื่อกี้ ดูยังไงก็รู้ว่าเป็นพวกพื้นที่หมู่บ้านข้างๆ
หยางป๋อมาถึงพื้นที่ของหมู่บ้านข้างๆแล้วก็เห็นกองลาดตระเวนในครั้งนี้อย่างรวดเร็ว ปกติแล้วก็มีแค่สองสามคน แต่ครั้งนี้กลับมีถึงห้าคนเต็มๆ
หยางป๋อหดคอ ห้าคนนี่จะสู้ยังไง สามคนยังพอรับมือไหว
"เอาวะ ถ็าไม่ไหวก็แค่หนี หรือไม่ก็ต้องใช้พลังเหนือมนุษย์" หยางป๋อไม่เคยแสดงพลังแสง, ไฟฟ้า, ไฟ ฯลฯ ของตนเองในการต่อสู้กับผู้กลายพันธุ์พวกนี้
"ปล้น!" หยางป๋อกระโดดออกไปทันที ผู้กลายพันธุ์ห้าคนที่อยู่ตรงข้ามเห็นหยางป๋อแล้วก็เหมือนอาชญากรในตำนานจริงๆ
ผู้กลายพันธุ์ทั้งห้าคนถืออาวุธพลังงานที่ส่องแสงเลือนราง แล้วก็โบกมือบุกเข้าใส่หยางป๋อพร้อมกัน
ชนกระแทก!
หยางป๋อใช้พลังชนกระแทกเดินหน้าเข้าไปทันที พลังที่มาพร้อมกับการชนกระแทกแข็งแกร่งมาก ทำให้อีกฝ่ายคนหนึ่งกระเด็นออกไป ตกลงมาแล้วยังงงงวยอยู่เลย แสงจากชุดเกราะพลังงานก็ดับวูบไปด้วย
รอบๆนั้น ผู้กลายพันธุ์อีกสี่คนที่เหลือก็กำลังโบกสะบัดอาวุธพลังงานในมือ หยางป๋อเริ่มเดินหลบและเริ่มป้องกันอย่างต่อเนื่อง ราวกับดวงตาหกดวง หูแปดข้าง อีกทั้งยังใช้เสียงหายใจเพื่อระบุตำแหน่งของคนรอบข้างด้วย
ในใจนึกจำลองแผนที่เล็กๆ สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของทุกคนได้อย่างชัดเจน หากมีคนมาอยู่ด้านหลังตัวเอง ตัวเองก็จะเปลี่ยนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
เสียงระเบิดรัวกระหึ่มดังมาจากใต้ดิน รวมถึงแสงสว่างจากการปะทะกันของพลังงานก็งดงามตระการตา เสียงดังรัวเป็นระยะๆ
หยางป๋อได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดของตัวเองออกมาอย่างถึงที่สุดแล้ว ทั้งคลื่นเสียง, การมองเห็นแบบไดนามิก, ฯลฯ อาวุธพลังงานในมือฟาดฟันไปตามองศาที่คาดไม่ถึง เพื่อรับมือกับการโจมตีโดยรอบของผู้กลายพันธุ์สี่คนที่ใช้อาวุธพลังงานสี่อัน
สามนาที หยางป๋อลงเท้าแล้วปล่อยพลังชนกระแทกออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้อีกฝ่ายมีการเตรียมพร้อม หลบหลีกไปในชั่วพริบตา แล้วก็เห็นหยางป๋อหายตัวไปในอุโมงค์ใต้ดินแล้ว
"อย่าหนีนะ!"
"ไล่ตามไปเร็ว ไอ้บ้านั่นหนีไปแล้ว!" ผู้กลายพันธุ์ทั้งสี่ก็ชะงักงันไปชั่วขณะ เมื่อกี้นี้ใครกันที่เก่งกาจปานนั้น แต่ตอนนี้กลับหนีไปซะได้ นี่มันเสียหน้าของผู้กลายพันธุ์ชัดๆ ตามมันไปให้ฉัน!
หยางป๋อก็วิ่งหนีไปแล้ว กลับมาถึงพื้นที่ของเผ่ากระทิงเหล็ก ที่นี่หยางป๋อทำถ้ำเอาไว้ เก็บแบตเตอรี่ทั้งหมดไว้ที่นี่ ในทางทฤษฎีแล้วแบตเตอรี่พลังงานนิวเคลียร์พวกนี้สามารถใช้ได้ยี่สิบสามสิบปีหรือมากกว่านั้น
หยางป๋ออาศัยอยู่ที่นี่มาสิบกว่าวันแล้ว และก็คุ้นเคยกับพวกแรดพวกนี้มากแล้ว แรดพวกนี้เห็นหยางป๋อก็ไม่รู้สึกแปลกใจแล้ว เทียหนิวกับน้องชายอีกสองตัวผลัดกันหลับกรนอยู่ มองออกว่าสีบนตัวของทั้งสองตัวค่อยๆเปลี่ยนไป
แต่เดิมหยางป๋อตั้งใจจะไปงัดป้อมปราการอีกแห่งของพันธมิตร แต่พอเห็นเหตุการณ์นี้ก็ตัดสินใจรออีกสักพัก
"เร้าใจจริงๆ" เมื่อกี้โดนสี่คนล้อมโจมตี หยางป๋อรู้สึกว่าตัวเองถึงขีดจำกัดแล้ว แอดรีนาลีนหลังออดมามากอย่างน่ากลัว การหลบหลีกและการป้องกันก็เป็นแบบนี้แหละ ชุดเกราะพลังงานก็โดนอาวุธพลังงานฟันสองทีด้วย โชคดีที่ชุดเกราะพลังงานของตัวเองมีคุณภาพสูง และยังมีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองอัตโนมัติด้วย
หยางป๋อคิดว่าหากตัวเองปล่อยพลังพิเศษออกไปอีก เช่น สายฟ้า, เปลวไฟ หรือสิ่งอื่นๆ การกำจัดกลุ่มผู้กลายพันธุ์นี้ น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ
เมื่อกี้ตอนที่วิ่งหนี หยางป๋อใช้ทักษะแรงโน้มถ่วง ดังนั้นตัวเองถึงได้วิ่งได้เร็วขนาดนั้น
หยางป๋อถือว่าเผ่ากระทิงเหล็กที่นี่เป็นที่หลบภัยของตัวเอง ที่นี่ไม่มีคนนอกหรือสัตว์ประหลาดอื่นๆเข้ามา
เผ่ากระทิงเหล็กเองก็มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แถมน้องชายของเทียหนิวยังบินได้ด้วย นี่ก็เหมือนแรดที่บินได้เลย เขาของมันที่มีลวดลายสีทองนั่นแทบจะไม่สนใจการป้องกันใดๆเลย ขอแค่ถูกแทงเข้าล่ะก็ ต้องพังแน่ๆ
หลังชาร์จพลังงานเสร็จ หยางป๋อเต็มไปด้วยความมั่นใจ ตัวเองก็ดีแค่จุดนี้แหละ
สามารถกู้คืนได้อย่างรวดเร็วด้วยการชาร์จพลังงาน
หลังจากนั้นหยางป๋อก็คิดอะไรได้ แล้วร่างทั้งร่างก็ค่อยๆลอยขึ้นช้าๆ วินาทีถัดมา ร่างของหยางป๋อก็พุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ ปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปสองกิโลเมตรอย่างรวดเร็ว
ตูม!
"ประมาณ 900 เมตรต่อวินาที!" หยางป๋อนับในใจอยู่ห่างออกไป พอได้ยินเสียงดังสนั่นก็คำนวณความเร็วของตัวเองเมื่อครู่ได้แล้ว
นี่คือความสามารถที่หยางป๋อเข้าใจได้ในด้านการควบคุมแรงโน้มถ่วง ช่วยให้ตัวเองบินได้ ทำให้ตัวเองเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว
"ความสามารถในการควบคุมแรงโน้มถ่วงนี่มันเหมือนของวิเศษเลย น่าเสียดายที่ตอนนี้ร่างกายของฉันทนได้น้อยเกินไป"
"หลังจากนี้เมื่อความแข็งแกร่งของร่างกายตัวเองถึงระดับหนึ่งแล้ว ความเร็วระดับนี่ ต่อให้ระบบยิงอัตโนมัติของปืนใหญ่เลเซอร์หุ่นยนต์ล็อคเป้าไม่ทันแน่ๆ"
หยางป๋อตอนนี้ไม่กล้าบินเหนือความเร็วเสียงนานๆ อย่างมากก็แค่หนึ่งสองกิโลเมตร ด้านหนึ่งเพราะมันกินพลังงานมหาศาล อีกอย่างก็เพราะแรงต้านของร่างกาย และหยางป๋อคิดว่าตัวเองอยู่ในยุคของเทคโนโลยี การพึ่งพาพลังกายอย่างเดียวไม่นับว่าเป็นฮีโร่หรอก ยังต้องพึ่งหุ่นยนต์พวกนี้อยู่ดี
แน่นอนว่า ทั้งอุปกรณ์และพลังของปัจเจกบุคคลก็สำคัญ
ช่วงนี้หยางป๋อไม่ได้ไปเก็บเลเวลเรียนสกิลเพิ่ม ส่วนใหญ่จะทำความคุ้นเคยกับความสามารถของตัวเอง
และหยางป๋อยังอยากดูด้วยว่าระเบิดไฮโดรเจนขนาดเล็กที่ตัวเองปาออกไปคราวก่อนนั้น วัสดุพวกนั้นมีผลบ้างไหม ถ้าทำให้คนอื่นช่วยเก็บเลเวลเรียนสกิลให้ตัวเองได้ก็ยิ่งดีใหญ่
"แบบนี้แสดงว่า ต่อไปนี้ถ้าตัวเองเจอรังสัตว์ประหลาด ก็ปาของที่มีรังสีไปในรังมันเลย หลังจากนั้นพวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นถูกฆ่า ตัวเองก็จะได้สกิล?" หยางป๋อรู้สึกว่าความคิดของตัวเองไม่ค่อยเป็นไปได้เท่าไหร่ ถ้าแบบนี้จะได้สกิลจริงๆล่ะก็ดีเกินไป ตัวเองแค่ล่องหนแล้วปาของมีรังสีไปทั่วก็พอ
หยางป๋อไม่กล้าบินสูงเกินไปด้วย กลัวจะถูกจับได้โดยยานรบในอวกาศ ก้อนเมฆบังไว้ชั้นหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเทคโนโลยีของมนุษย์กลับตรวจจับอะไรใต้ก้อนเมฆไม่ได้เลย?
"ถึงเวลาไปเอาค้อนกระดูกของตัวเองคืนมาแล้ว" หยางป๋อกำลังจะไปเอาอาวุธของตัวเองคืนมาแล้ว ผ่านมาหลายวันแล้วด้วย
(จบบท)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved