ตอนที่ 65

บทที่ 65 คำตอบ?

หยางป๋อคิดแล้วก็เข้าใจได้ในทันที ไม่แปลกใจเลยที่ครั้งก่อนได้ยินว่าคนดังและนักการเมืองจำนวนมากไม่ฉีดยาเสริมพันธุกรรมและไม่ต้องใช้ชิป คนพวกนี้แค่ต้องการจัดการบริษัทหรือกลุ่มทุนเท่านั้น

ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญอะไรมากมาย ก็เหมือนเจ้าของบริษัทใหญ่ๆ บนโลกนั่นแหละ อาจจะไม่รู้เทคโนโลยีลึกซึ้ง แค่รู้วิธีบริหารคนก็พอแล้ว บางทีเจ้าของอาจจะจบจากโรงเรียนห่วยๆ เรียนสาขาไร้สาระ แต่ลูกน้องใต้บังคับบัญชาต้องมีความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง ไม่แน่อาจจะเป็นเด็กจบปริญญาตรี ปริญญาเอกจากต่างประเทศอะไรพวกนั้น

"ไปสิ" หยางป๋อตัดสินใจจะไป อุปกรณ์ตรวจจับพลังงานในเมืองนี่ เป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงมาก ยังไม่นับหงเป่ยจวี่พวกบ้าๆ นั่น ไม่แน่พวกมันอาจจะมาอีกก็ได้

จากนั้นหยางป๋อก็ถามด้วยความกังวล "แล้วผู้อยู่อาศัยอย่างพวกเราจะไปยังไง เดินทางอวกาศมันอันตรายนะ"

"หยางป๋อ ที่ไม่ให้ผู้อยู่อาศัยเดินทางอวกาศ เพราะค่าใช้จ่ายมันสูงเกินไป ถ้าผู้อยู่อาศัยจะเดินทาง ค่าใช้จ่ายเป็นห้าเท่าของพลเมืองอื่นๆ นายคิดว่าผู้อยู่อาศัยพวกนั้นจะมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติไหม จริงๆ แล้วตอนแรกผู้อยู่อาศัยก็เดินทางได้นะ แต่ผู้อยู่อาศัยหลายคนคัดค้านเอง ในเมื่อเดินทางเส้นทางเดียวกัน ทำไมค่าใช้จ่ายของพวกเขาถึงแพงกว่า แล้วยังมีพวกฝ่ายค้านฉวยโอกาสก่อเรื่องวุ่นวาย หลังจากนั้นก็เลยไม่มีแล้ว"

"การเดินทางข้ามดาวของผู้อยู่อาศัย ต้องสวมชุดป้องกันพิเศษ นั่งในห้องโดยสารพิเศษ แม้แต่เด็กทารกหรือเด็กเล็กของพลเมืองหลายคนก็ยังเดินทางข้ามดาวได้เลย"

"ส่วนฝั่งพวกเรานี่นายสบายใจได้ เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะพาพวกนายไปไกลขนาดนั้นโดยไม่ทำการป้องกันที่ดีระหว่างทาง" เจ้านายอ้วนคิดว่าหยางป๋อกำลังกังวล จึงพูดในตอนท้าย

หยางป๋อถามอย่างสงสัย "เจ้านายครับ ที่ดาวจันทร์สามไม่มีผู้อยู่อาศัยเลยเหรอครับ ทำไมถึงต้องพาคนจากที่นี่ไปด้วย?"

เจ้านายอ้วนส่ายหัว "หยางป๋อ ก่อนนายฉันเคยจ้างผู้อยู่อาศัยเก้าคน ทำงานได้แค่วันเดียวก็ไม่ทำแล้ว แล้วยังมีอีกสามคนไปแจ้งความใส่ร้ายบริษัทอีก เฮ้อ!"

แท้จริงแล้วหลิวจื่อเจี๋ยยังมีอีกเรื่องที่ไม่ได้พูด นั่นคือทางดาวจันทร์สามได้ทำข้อตกลงกับทางบริษัทแล้ว ทุกคนที่พาไปตั้งรกรากจะได้รับเงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้ แล้วถ้าผู้อยู่อาศัยออกมาทำงาน เอาตัวเลขนี้ไปใส่ จะทำให้ข้อมูลของดาวดูดีขึ้น เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง แถมบริษัทที่มีผู้อยู่อาศัยอย่างบริษัทอันจื๋อเจี๋ย ก็จะได้รับเงินอุดหนุนก้อนโตจากรัฐบาลทุกปี

นักการเมืองของดาวจันทร์สามยังสามารถโจมตีดาวพาโดอีกด้วย บอกว่าฝั่งนั้นมีผู้อยู่อาศัยมากขนาดไหนที่ย้ายมาอยู่ฝั่งนี้ แล้วฝั่งนั้นแย่แค่ไหน อะไรทำนองนั้น...

ยังไม่นับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลที่ให้กับประเทศที่มีผู้อยู่อาศัย ผู้อยู่อาศัยหนึ่งคนได้รับเงินช่วยเหลือตั้งเยอะ...

หยางป๋อกระแอมเบาๆ แล้วก็ถาม "เจ้านายครับ ทำไมยาเสริมพันธุกรรมถึงประสบความสำเร็จได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผมกลับล้มเหลวล่ะ?"

สำหรับคำถามนี้ หยางป๋อพอจะเดาได้บ้างในใจ แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ วันนี้เลยถามออกไปเลย

"ถ้าไม่มีผู้อยู่อาศัย แล้วภาษีพวกนี้จะเอาไปใช้ทำอะไรล่ะ เงินก้อนโตจากผู้เสียภาษีจะให้ใครใช้? ให้พวกผู้มีอำนาจในสภานำไปใช้เองงั้นเหรอ แล้วผู้เสียภาษีพวกนี้จะไม่มีความเห็นอะไรเลยหรือไง?"

"ย่อมมีความเห็นแน่ๆ แต่ถ้าผ่านการโอนเงินให้ผู้อยู่อาศัย ถึงแม้จะต้องใช้ไปส่วนหนึ่ง แต่มันก็ปลอดภัย"

"สวัสดิการของผู้อยู่อาศัย อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย การเดินทาง เกี่ยวข้องกับบริษัทมากมาย ตอนนั้นถ้ามีผู้เสียภาษีไม่พอใจ ก็จะถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้อยู่อาศัย ผู้อยู่อาศัยจะออกมาคัดค้านก่อนเลย โดยไม่ต้องรอให้คนในสภาพูด"

"แน่นอนว่าเพื่อให้ผู้เสียภาษีรู้สึกสบายใจมากขึ้น ก็เลยต้องทำข้อจำกัดบางอย่างต่อการเคลื่อนไหวของผู้อยู่อาศัย ให้พลเมืองผู้เสียภาษีรู้สึกว่าตัวเองอยู่สูงกว่า อย่างเช่นการนั่งในร้านกาแฟหรูแล้วมองผู้อยู่อาศัยที่เข้าไปไม่ได้ ในใจเขามีความรู้สึกเหนือกว่าใช่ไหม"

"หยางป๋อ นายคิดว่าผู้อยู่อาศัยที่หายตัวไปในเหตุการณ์ครั้งนี้ ถ้าไม่มีทายาท รัฐบาลจะจ่ายค่าชดเชยให้หรือเปล่า แล้วนายคิดว่าคนพวกนี้จะอยู่ในข้อมูลทางการหรือเปล่า?" เจ้านายอ้วนมองหยางป๋อแล้วถาม

หยางป๋อแกล้งทำเป็นตกใจเล็กน้อย จริงๆ แล้วเขาเดาเรื่องนี้มานานแล้ว เจ้านายอ้วนยังพูดอีกด้วยว่า "แถมยังต้องลองยาด้วย ใครจะรู้ว่ายาเสริมพันธุกรรมชนิดใหม่ ต้องใช้การทดลองกับคนกี่ครั้ง"

"ก็เหมือนพวกเราผู้อยู่อาศัย ทุกปีเราก็ยังต้องเสียภาษี ที่อยู่อาศัย ครอบครัว อะไรพวกนั้น ภาษีจำนวนมหาศาลจะให้ใครมาดูแล?"

"ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้อยู่อาศัย ไม่มีวันเป็นไปได้ ถ้าวันหนึ่งนายได้รู้จักอีกสองประเทศ นายจะรู้เลยว่าประเทศเรายังนับว่าดีกว่าพวกนั้นเยอะ"

"นายลงชื่อในเอกสารฉบับนี้ จากนั้นต้องไปช่วยจัดการเรื่องเอกสารบางอย่าง น่าจะอีกประมาณหนึ่งเดือนเราก็พร้อมจะออกจากดาวเคราะห์นี้แล้ว" เจ้านายอ้วนยื่นเอกสารอีกใบให้หยางป๋อ หยางป๋อดูอย่างละเอียด ที่แท้ก็คือใบสมัครอย่างเป็นทางการจากดาวจันทร์สาม หยางป๋อยื่นขอไปดาวจันทร์สาม

พอออกจากบริษัท หยางป๋อยังได้รับเงินเดือนเหมือนเดิม อีกหนึ่งเดือนก็จะออกเดินทาง ในอวกาศใช้เวลาประมาณสามเดือน แล้วก็จะไปถึงดาวเคราะห์ใหม่

"เจ้านายมักชอบคุยกับลูกน้องตัวต่อตัวจริงๆ นั่นแหละ" หยางป๋อพึมพำในใจ

แท้จริงแล้วสิ่งที่หยางป๋อไม่รู้คือ พนักงานคนอื่นๆ ต่างติดหนี้บริษัทเป็นจำนวนมาก เจ้านายอ้วนให้ทางเลือกแค่สองทาง จ่ายเงินคืนหรือไปจากที่นี่

แถมคนอื่นๆ ยังทำอะไรที่ไม่ควรทำด้วย คิดจะออกจากบริษัทงั้นเหรอ? หึๆ มีหลายธุรกิจที่เมื่อเข้าไปแล้ว อย่าหวังว่าจะออกมาได้ ถ้าบริษัทอันจื๋อเจี๋ยไม่จัดการ พวกที่ใช้บริการของอันจื๋อเจี๋ยจะลงมือเอง กลัวว่านายจะพูดมั่วๆ นั่นแหละ

บริษัทหนึ่งถ้าอยากจะหลอกลูกน้อง ก็ง่ายมากๆ ก็เหมือนที่อู๋ปิงพูดไง ปล่อยเงินกู้ให้หยางป๋อไปซื้อบ้าน...

หยางป๋อเห็นประกาศในรถเมล์ด้วย รถเมล์ก็ติดตั้งเครื่องตรวจจับพลังงานขนาดเล็กเหมือนกัน...

"ไม่น่าใช่นะ แค่หงเป่ยจวี่คนเดียวจะทำให้คนตื่นตระหนกได้ขนาดนี้เชียวเหรอ" หยางป๋อสงสัยในใจ

พอลงจากรถ หยางป๋อเงยหน้ามองท้องฟ้า ท่าอากาศยานขนาดใหญ่ภายใต้แสงอาทิตย์ช่างงดงามเหลือเกิน

"ในที่สุดก็ได้สัมผัสประสบการณ์ในอุโมงค์สุญญากาศใต้ดินสักที ตามข่าวลือ ตลอดทั้งอุโมงค์เป็นสุญญากาศ ใช้เทคโนโลยีแม่เหล็กไฟฟ้า ความเร็วสูงสุดกว่าหมื่นกิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยรึเปล่า"

"ในที่สุดก็ได้สัมผัสประสบการณ์ในอุโมงค์สุญญากาศใต้ดินสักที ตามข่าวลือ ตลอดทั้งอุโมงค์เป็นสุญญากาศ ใช้เทคโนโลยีแม่เหล็กไฟฟ้า ความเร็วสูงสุดกว่าหมื่นกิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยรึเปล่า"

"ยังมีลิฟต์อวกาศ ท่าอากาศยานอันกว้างใหญ่และน่าหลงใหล ยานรบอีกด้วย" หยางป๋อเป็นพลเมืองระดับ F ดังนั้นมีหลายข้อมูลที่เขาไม่สามารถรับรู้ได้มากนัก แม้แต่การเปิดหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ก็เห็นได้แค่ระดับของตัวเอง แล้วก็ต้องจินตนาการเอาเองว่าท่าอากาศยานเป็นอย่างไร

"น่าจะเหมือนบริษัทบางแห่งบนโลก ห้ามลูกน้องเปิดเผยเรื่องเงินเดือน กลัวคนระดับล่างอิจฉาริษยามั้ง"

กลับมาถึงบ้าน หยางป๋อมองอุปกรณ์ตรวจจับพลังงานที่กำลังก่อสร้าง ในใจก็กังวลมาก จะตรวจสอบให้แน่ใจว่าใครเป็นผู้กลายพันธุ์หรือไม่นั้น ต้องเจาะเลือดเท่านั้น

"ไปดาวเคราะห์อื่นน่าจะไม่ต้องเจาะเลือดหรอกนะ ไม่งั้นเจ้านายอ้วนกับอู๋ปิงก็ต้องโดนจับได้ก่อนแน่ๆ"

"เข้าเกมกันเถอะ ในเมื่อใช้พลังไม่ได้ ก็มาฝึกในโลกเสมือนแทน" หยางป๋อไม่กล้าทดลองในโลกจริงแล้ว แต่สามารถฝึกในโลกเสมือนได้

"การฝึกต่อสู้กับหุ่นยนต์ เห็นเหมือนจะไม่ค่อยเวิร์ค แต่จะฝึกการตอบสนองและความเร็วมือได้ พลังพึ่งพาหลักของฉันคือหุ่นยนต์ในปุ่มเก็บของ แรงของตัวเองในโลกไฮเทคก็เหมือนเต้าหู้นุ่มๆ ชิ้นหนึ่ง" หยางป๋อครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจฝึกการต่อสู้ด้วยหุ่นยนต์ รอให้กลุ่มความยุติธรรมเติมหุ่นระดับสูงให้ครบ ค่อยเข้าเกมอีกที ยังไงพวกนั้นก็ด่าเขาไปต่างๆ นานาในฟอรัมแล้ว

(จบบทนี้)