ตอนที่ 29

บทที่ 29 ทักษะเพิ่มพลังร่างกาย

ตอนที่หยางป๋อออกจากฐาน นายพลหน้าเสือทางนั้นก็ได้รับข่าวแล้ว แต่ไม่กล้าส่งคนไปง่ายๆ

หยางป๋อสร้างความหวาดกลัวให้นายพลหน้าเสือถึงสามครั้ง ครั้งแรกสูญเสียหุ่นยนต์ชีวภาพที่ล้ำสมัยที่สุด ครั้งที่สองกองกำลังล่าสัตว์เสียหายหนัก ครั้งที่สาม ลูกน้องของเสี่ยวหลงหนี่ว์สามคนต้องหายไปและ เสี่ยวหลงหนี่ว์เองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

นายพลหน้าเสือสงสัยว่ามีลูกน้องบางคนของเขาแปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับกองทัพของรัฐบาลหรือไม่ ในประวัติศาสตร์ก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาบ้าง

"อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไร สังเกตการณ์ไปก่อน" ในที่สุดนายพลหน้าเสือก็สั่ง รอดูสถานการณ์ก่อน อีกอย่างครั้งนี้หยางป๋อเอาระเบิดมาเยอะกว่าครั้งก่อน

หยางป๋อคนเดียวไม่ใช่ปัญหา แต่ปืนใหญ่วงโคจรบนท้องฟ้าที่ระดับความสูงหลายหมื่นกิโลเมตร นอกจากจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A+ หรือสูงกว่า และต้องมีความสามารถพิเศษด้วย ไม่งั้นโดนยิงกลายเป็นผุยผงในพริบตา

"ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว!" นายพลหน้าเสือมองขึ้นท้องฟ้า น่าเสียดาย มันเป็นแค่ก้อนหินที่ลอยอยู่ในอวากาศ แต่ราวกับว่าเขามองเห็นกองเรือและปืนใหญ่วงโคจรที่ระยะหลายหมื่นกิโลเมตรถูกทุบเป็นชิ้น ๆ

"เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะให้ไอพวกขยะพวกนี้ชดใช้เป็นสองเท่า สามเท่า" นายพลหน้าเสือกำหมัดแน่น

หยางป๋อระมัดระวังตลอดทาง เปิดเรดาร์จนสุด ทั้งเดินทั้งหยุด

กลัวว่าจะมีคนมาโจมตีเขาอีก ถ้าเกิดเหตุขึ้นจริงก็คงต้องขว้างระเบิดออกไปแล้ววิ่งหนี

ทางฐานเห็นหยางป๋อทำตัวลับๆล่อๆ ก็เกิดความสงสัย

ฐานสนใจหยางป๋อเพราะเหตุการณ์ที่เขาก่อขึ้นหลายครั้ง นอกจากเหตุการณ์ที่ทะเลสาบ อีกสองเหตุการณ์ ฐานได้รับผลประโยชน์มหาศาล เศษซากของศัตรูที่แตกเป็นชิ้นๆโดนฐานเก็บกู้ไป ทำให้ฐานมีวัตถุดิบในการวิจัยมากมาย พันธุกรรมมนุษย์กลายพันธุ์ เศษหุ่นยนต์ของพวกเขา หากต้องการก็สามารถปลูกถ่ายผลิตคนที่เหมือนกันได้

แต่ไม่ค่อยมีค่าอะไรมากมาย เพราะความทรงจำไม่สามารถลอกเลียนได้ นอกจากจะจับมาทั้งเป็น...

หยางป๋อคาดเดาได้ว่าบนท้องฟ้าน่าจะมีปืนใหญ่วงโคจร แต่ไม่หวั่น เขามีความสามารถที่ใครจะเกี่ยวกับความสามารถของเขา

ไม่กี่นาทีต่อมา หยางป๋อรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว เพราะต้องเดินเข้าเขต ทำไมถึงต้องเดิน ไม่ใช้เจ็ทแพ็คบินข้ามยอดเขาจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเลยหละ เหตุผลนั้นง่ายมากเพราะค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรมันแพง เขาไม่สามารถทำมันได้ลง

น้อยคนจะใช้วิธีนี้เดินทาง ส่วนมากใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับบิน ปั่นปุ๊บถึงปั๊บ

ซึ่งอุปกรณ์เสริมก็ต้องใช้เครดิตในเกมซื้อไม่ใช่เหรอ

ถ้ำขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณยี่สิบเมตร มีข่าวลือว่าเคยเป็นรังของกิ้งก่ากลายพันธุ์ยักษ์ชนิดหนึ่ง ต่อมาถูกทิ้งร้าง

หน้าถ้ำมองออกไปเป็นหุบเขากว้างที่ไม่ค่อยมีพืชพรรณ ว่ากันว่าเพราะถูกกิ้งก่ากลายพันธุ์ยักษ์เหยียบย่ำมานาน พืชพรรณจึงไม่ค่อยขึ้น

เปิดแผนที่ ทางการเกมได้สำรวจที่นี่ไว้มากแล้ว หยางป๋อถอนหายใจ กัดฟันเดินเข้าไป คาดว่าทางการคงจะไม่มาหลอกคนอย่างเขาหรอก

ใต้ดินแบ่งเป็นหลายชั้น แบ่งตามความลึก 100-300 เมตรเป็นชั้นแรก 300-500 เมตรเป็นชั้นที่สอง 500-700 เมตรเป็นชั้นที่สาม ลือกันว่าลึกสุด 10,000 เมตร แต่ตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปถือเป็นเขตอันตราย ชั้นสามเป็นเขตอันตรายสูงสุด

ระดับความอันตรายจะประเมินจากข้อมูลผู้เล่นแต่ละคน ซึ่งทางการแนะนำให้หยางป๋อตามความสามารถตอนนี้

"มีแต่คนโง่ถึงจะไปชั้นสอง" หยางป๋อดูแผนที่อย่างระมัดระวัง ค้นหาตำแหน่งที่ค้างคาวที่อยู่

โลกใต้ดินแห่งนี้ แท้จริงแล้วถ้ำใต้ดินนี้เชื่อมต่อกับช่องหินที่หยางป๋อไปครั้งก่อน ทางการยังแสดงออกมาอย่างคลุมเครือ ราวกับว่าอุโมงค์ใต้ดินทั่วทั้งดาวนี้เชื่อมต่อถึงกันหมด

"เฮ้ย ทแบบนี้มันส่งผลต่อการตรวจจับของเรดาร์หนะสิ" หยางป๋อเริ่มสงสัยปล้วว่า ทางการดูเหมือนจะไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเกี่ยวกับโลกใต้ดินนี้

พอเข้ามาแล้ว พบว่าเรดาร์ของหุ่นยนต์ตรวจจับได้ในระยะสั้นมาก ถ้าอุโมงค์ตรงๆยังดีหน่อย แต่ที่คดเคี้ยวขึ้นๆลงๆ ระยะตรวจจับสั้นที่สุดแค่ไม่กี่สิบเมตร

"พบแล้ว!" หยางป๋อเห็นฝูงค้างคาวบนเรดาร์อย่างชัดเจน แต่พอไปถึงที่นั่นกลับพบว่ามันอยู่ข้างใต้อีกชั้นหนึ่ง จึงย้อนกลับไปใหม่ สุดท้ายก็วนไปมา พอจะไปถึงแล้ว กลับมีช่องแคบๆกว้างแค่เมตรกว่าให้ลอด

"ช่างมันเถอะ!" หยางป๋อหยิบระเบิดคลื่นกระแทกขึ้นมา ปาเข้าไปในช่องนั้นทันที แล้วรีบวิ่งหนี!

ตูม! มองเห็นลมกระโชกออกมาจากอุโมงค์ พร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ควบคุมคลื่นเสียง +1!

ควบคุมคลื่นเสียง +1!

การอำพราง +1!

ข้อมูลปรากฏขึ้นในสมองหยางป๋อเป็นชุด พอดูดีๆ มีการอำพรางเพิ่มขึ้นมาหลายสิบแต้ม

หยางป๋อดูเรดาร์เมื่อครู่ให้ดี พบว่ามีฝูงกิ้งก่าถ้ำอยู่ที่นั่น เป็นสิ่งมีชีวิตใต้ดินขนาดยาวไม่เกินครึ่งเมตร แพร่กระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่ใต้ดินแห่งนี้

"ความสามารถนี้เจ๋งมาก" หยางป๋อคาดหวังกับทักษะการอำพรางนี้มาก ตอนนี้เขาสามารถเปลี่ยนกล้ามเนื้อได้ ถ้าพัฒนาไปอีกจะเปลี่ยนกระดูก ส่วนสูงได้รึเปล่า

แน่นอนว่าการอำพรางนี้มีประโยชน์สูงสุดคือสามารถมองทะลุการอำพรางของคนอื่นได้ ในยุคไฮเทคนี้ หยางป๋อคิดว่าการอำพรางน่าจะมีประโยชน์ที่สุด

แต่โดยรวมหยางป๋อรู้เหมือนโดนเอาเปรียบ ควบคุมคลื่นเสียงเพิ่มขึ้นไม่ถึงพันแต้ม ระเบิดคลื่นกระแทกมีมูลค่าไม่น้อย แถมใช้ไปแล้ว ฝูงค้างคาวที่อื่นก็บินหนีไปหมด

"ดูท่าต้องตั้งกับดักแล้ว" หยางป๋อคิดว่าต้องทำรังให้มัน

วนดูรอบหนึ่ง จากนั้นเลือกจุดหนึ่งแล้วออกจากถ้ำ ตั้งใจจะหาสัตว์ตัวใหญ่หน่อย ฆ่าแล้วลากเข้าไป ต้องมีตายไปก่อนกองหนึ่ง เหมือนกับที่จับปลาแถวนั้น แล้วมันก็จะต่อยอดกันไปได้เอง

วัวตัวหนึ่งถูกดาบพลาสม่าของหยางป๋อฟาดตาย กระเด็นไปทันที ยังไม่ทันได้ออกแรงเต็มที่ด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นวัวที่สูงไม่ถึงสองเมตร หุ่นยนต์สูงแปดเมตร ดาบยาวห้าเมตร

ชนกระแทก +1!

หยางป๋อไม่คิดว่าการฆ่าวัวจะได้ทักษะด้วย

ช่างมันเถอะ ลุยก่อนแล้วค่อยว่ากัน สำหรับวัวพวกนี้ หยางป๋อฆ่าแต่วัวตัวผู้ ไม่ฆ่าวัวตัวเมีย ที่นี่มีวัวเยอะ เขาก็ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นวัวชนิดไหนจริงๆ แต่ที่แน่ๆไม่ใช่วัวปากกว้างแน่นอน เพราะมันสูงกว่าสองเมตร มีเขาสามอันบนหัว แค่ก้มหน้าลงมาก็เหมือนส้อมเหล็กขนาดมหึมาแล้ว

ชนกระแทก ระดับกลาง (11/100) ที่ฆ่าวัวถึงสิบเอ็ดตัว ก็เพื่อเพิ่มทักษะนี้ขึ้นระดับกลาง

"ปฏิกิริยางรุนแรงมาก" หยางป๋อรู้สึกเหมือนยีนในร่างกายกำลังลุกไหม้ พลังงานในตัวถูกดึงออกมาไม่หยุด

รีบออกจากเกม ดื่มนม ชาร์จไฟ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หยางป๋อตกตะลึง เพราะครั้งนี้ใช้ไฟไปถึง 50% นี่เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้วนะ 50,000 กิโลวัตต์

"ชนกระแทกใช้พลังของตัวเองในการปล่อยสกิล ก็คือสกิลนี้จะเพิ่มพลังกายสินะ?" หยางป๋อเดาอย่างกล้าหาญ

"วัวหนึ่งแสนตัว โอ๊ย ทั้งดาวไม่รู้จะมีพอมั้ย แถมยังมีพื้นที่อันตรายอีกเยอะแยะ"

"ไม่ได้ ฉันต้องเลี้ยงวัว" หยางป๋อรีบเข้าเกมทันที

มีคนถามว่าจะเลี้ยงวัวป่ายังไง? ง่ายนิดเดียว กำจัดศัตรูตามธรรมชาติของวัวพวกนี้ให้หมด อย่างน้อยในบริเวณกว้าง ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสบายให้ฝูงวัว

"ในเมื่อวัวให้ทักษะเพิ่มพลังกาย แล้วสัตว์ตัวใหญ่อื่นๆ ล่ะ?" สองตาของหยางป๋อเป็นประกาย จ้องมองเรดาร์

(จบบท)