ตอนที่ 268

บทที่ 268 ประมาทแล้ว

"ในตู้เย็นมีนมเยอะพอ ระยะแรกของการมีพลังพิเศษนี่กินเยอะมาก เดี๋ยวนายไปหยิบนมสองขวดใหญ่ไปที่ห้อง แล้วฟังเพลงไปด้วยกินนมไปด้วย" เจ้านายอ้วนเห็นหยางป๋อกินข้าวเสร็จ แล้วก็ดื่มนมหมดแล้ว ก็เอ่ยปากบอก

หยางป๋อพยักหน้า เจ้านายอ้วนยังจำได้ว่าเขาชอบฟังเพลง แต่น่าเสียดายที่นั่นเป็นความชอบของเจ้าของร่างเดิมต่างหาก

หยางป๋อล้างจานของตัวเองเสร็จ แล้วก็หยิบนมสองขวดใหญ่ขึ้นไปชั้นบน

พอเข้าห้องแล้ว หยางป๋อก็ลูบคางตัวเอง "เจ้านายอ้วนนี่ต้องไม่ได้แค่ขอชุดเกราะแน่ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ตอนที่อยู่บนดาวเหมืองแร่ครั้งก่อน ฉันเองก็เก็บหินพลังงานอายุยืนเอาไว้เป็นการส่วนตัว"

"วันนี้ไม่เล่นเกมก่อนละกัน ร่างกายแข็งแรงขึ้นเยอะไปหน่อย ขยับเขยื้อนซะหน่อยดีกว่า" หยางป๋อก็เริ่มยืดเส้นยืดสายในห้อง

ร่างกายส่งเสียงกรอบแกรบขณะยืดเส้นยืดสาย กล้ามเนื้อทั่วร่างตึงเปรี๊ยะ หยางป๋อรู้สึกว่าวันนี้ความแข็งแกร่งของร่างกายเพิ่มขึ้น พละกำลังต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า

ยิ่งระดับของผู้มีพลังพิเศษสูงขึ้น การเพิ่มพลังก็ยิ่งยากขึ้น

เพราะยิ่งระดับสูงขึ้น ค่าพื้นฐานก็ยิ่งสูงขึ้น

"ครั้งนี้แกะพวกนั้นในเกมโดนฆ่าไปแล้ว รออีกสักพักค่อยไปหาแกะที่คล้ายๆ กันอีกที"

"ปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนสักหน่อย" หยางป๋อไม่ได้รีบร้อนที่จะเพิ่มพลังกายให้สูงขึ้นมากนัก เพิ่มสูงเกินไปจะควบคุมพลังได้ยาก ก็คือจะควบคุมพลังของตัวเองไม่ค่อยได้ อีกสองคนนั่นก็จะจับได้ง่าย

หยางป๋อรู้ดีว่าสองคนนี้ คนหนึ่งมาจากตระกูลใหญ่ อีกคนเป็นประธานสมาคมนักล่าเงินรางวัล แถมยังเป็นผู้หญิง ต้องมีพื้นเพไม่ธรรมดาแน่ คนพวกนี้ล้วนเป็นจอมเจ้าเล่ห์ทั้งนั้น

หยางป๋อพบว่าสภาพจิตใจของตัวเองก็แปลกๆ ไปหน่อย ทั้งๆ ที่ความสามารถตอนนี้แข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว แต่ก็ไม่รู้สึกปลอดภัยซะที

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจกับสังคมที่มีเทคโนโลยีสูง หรือเพราะว่ายังไม่คุ้นเคยกับสังคมนี้กันแน่?

"บางครั้งการรู้มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีซะทีเดียว!" หยางป๋อรู้ว่าสภาพจิตใจของตัวเองตอนนี้มีปัญหาอยู่หน่อย คิดแต่จะหนีอยู่ตลอด เหมือนจะไม่ค่อยไว้ใจสหภาพนี้เท่าไหร่ แน่นอนว่าอาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ในชาติที่แล้วด้วย

"แต่การมีสภาพจิตใจแบบนี้ก็ดีนะ คิดไว้ก่อนเผื่อกรณีเลวร้ายที่สุด จะได้ไม่ผิดหวัง" แต่หยางป๋อก็คิดได้ บางเรื่องถ้าคิดในแง่ดีมากเกินไป แล้วจู่ๆ ก็มาเจอจุดจบที่ย่ำแย่ มันจะทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่มาก

แต่ถ้าตั้งแต่แรกเตรียมใจรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ สภาพจิตใจตอนสุดท้ายก็จะไม่ย่ำแย่ขนาดนั้น

ความรู้สึกตอนที่สภาพจิตใจย่ำแย่นั้นไม่สบายใจเอาเสียเลย โดยเฉพาะเวลาที่เผชิญชะตากรรมที่ตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

หยางป๋อเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะศึกษาวิชาลับศิลปะการต่อสู้โบราณอะไรทั้งนั้น ถึงแม้เจ้านายอ้วนจะบอกว่าเขาฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณ แต่หยางป๋อก็ไม่อิจฉาเลยสักนิด และก็ไม่อยากรู้ด้วย

เพราะต่อให้วิชาลับศิลปะการต่อสู้โบราณของเจ้านายอ้วนจะเก่งแค่ไหน ก็สู้ความสามารถที่เขามีอยู่ตอนนี้ไม่ได้ หยางป๋อคิดว่าถ้าเขาจะต่อยเจ้านายอ้วน น่าจะตายไปเลยด้วยการตบเพียงครั้งเดียว

ดังนั้นไม่ว่าเจ้านายอ้วนจะทำอะไรออกมา ในใจหยางป๋อก็ไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งนั้น

ส่วนคำพูดของเจ้านายอ้วน หยางป๋อก็เลือกที่จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่เสมอ ก็นิสัยเจ้านายอ้วนนี่ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว ถ้าไม่งั้นคงไม่ทิ้งเขาไปแล้วหนีหลายต่อหลายครั้งแน่

"คนเห็นแก่ตัวแบบนี้น่ะ ชั้นกลับชอบซะอีก ยังไงตอนที่หักหลังกันแล้วเขาก็จะได้ไม่รู้สึกผิดไง" หยางป๋อคิดแบบนี้ในใจ

พอดื่มนมหมดแล้ว หยางป๋อก็ลงไปแช่อ่างน้ำ

หลังจากนั้นก็นอนเลย ยังไงเกมก็มีเวลาออนไลน์จำกัดในแต่ละวัน ถ้าเกินเวลาก็บังคับออฟไลน์

"หยางป๋อ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย" เช้าวันต่อมา หยางป๋อตื่นขึ้นมาอย่างกระปรี้กระเปร่า ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เตรียมจะลงข้างล่าง พอเปิดประตูปุ๊บก็เจอโจวรุ่ย

"ผู้ช่วยโจวอยากดูความสามารถของผมใช่มั้ย?" หยางป๋อถามตรงๆ เลย

หยางป๋อยังคงรักษาภาพลักษณ์เป็นคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน ไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่ ถึงได้ถามออกไปตรงๆ

"นายรังเกียจหรือเปล่า?" โจวรุ่ยมีรอยยิ้มยั่วยวนเล็กน้อย มองหยางป๋อแล้วถาม

วันนี้โจวรุ่ยใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น เสื้อเชิ้ตตัวนี้ค่อนข้างรัดรูป อกตูมเต่งกลมกลึงมาก เอวก็เข้ารูปเรียบเนียน

ส่วนล่างใส่กางเกงลำลอง คู่กับรองเท้าแตะสีขาว เผยให้เห็นนิ้วเท้าคล่องแคล่วสองสามนิ้ว

"ไม่รังเกียจหรอก" หยางป๋อแค่ชำเลืองมองทีหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้า

โจวรุ่ยก็มองหยางป๋ออย่างละเอียดเช่นกัน ผมสั้น ใส่เสื้อยืด ข้างล่างใส่กางเกงขาสั้นทรงหลวม เท้าใส่รองเท้ากีฬา

"ดูเหมือนนายจะไม่ค่อยรู้สึกปลอดภัยเลยนะ" โจวรุ่ยมองรองเท้ากีฬาที่หยางป๋อใส่แล้วพึมพำในใจ

นี่เป็นการตัดสินของโจวรุ่ยจากประสบการณ์ในอดีตของหยางป๋อ การไม่ใส่รองเท้าแตะแต่ใส่รองเท้ากีฬาตอนอยู่ในบ้าน เหมือนกับพร้อมจะวิ่งหนีตลอดเวลา

"นายตามฉันมาที่ห้องฝึกวิชา!" โจวรุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"แล้วเจ้านายของพวกเรา?" หยางป๋อกลับพูดประโยคที่ไม่เข้ากับบริบทนี้ขึ้นมา

"มาแล้ว!" เจ้านายอ้วนตะโกนขึ้นจากชั้นล่าง พอขึ้นมาแล้วก็ชำเลืองมองโจวรุ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง

หยางป๋อเพิ่งจะพูดไป เขาก็ตรวจจับได้ถึงเจ้านายอ้วนแล้ว กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นข้างล่าง แต่สายตากลับจ้องมองที่เพดาน ชัดเจนว่ากำลังรอดูปฏิกิริยาของเขา

หยางป๋อเป็นคนยังไงก็ว่าไป? ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ถ้าเจ้านายอ้วนรออยู่ข้างล่าง เขาก็ต้องเรียกอีกฝ่ายแน่ๆ เพราะงั้นถ้าวันหลังมีอะไรก็จะได้โยนความผิดใส่เจ้านายอ้วนได้

อย่างเช่น ถ้าโจวรุ่ยให้เขาทำอะไรสักอย่างแล้วเขาไม่อยากทำ ก็แค่บอกว่าเจ้านายอ้วนไม่อนุญาต

โจวรุ่ยเห็นฉากนี้แล้วก็รู้สึกเหนื่อยใจกับเจ้านายอ้วน เมื่อครู่สองคนเพิ่งจะลงพนันกันอยู่ข้างล่างเอง

เจ้านายอ้วนเห็นชุดที่โจวรุ่ยใส่แล้วก็สบถในใจ "ผู้หญิงคนนี้ชัดเจนมากว่ามาจีบหยางป๋อ ดีที่หยางป๋อไม่รู้จักผู้หญิงดีพอ รอกลับบ้านแล้วจะต้องแนะนำน้าสาวให้หยางป๋อ บอกให้น้าสาวเป็นฝ่ายเดินเกมรุกเอง"

หยางป๋อไม่สนใจผู้หญิงที่ไหนกัน แค่ตอนแรกที่โจวรุ่ยให้ความรู้สึกกับเขาคือนักมวยหัวโล้นนะ

ถึงแม้ตอนนี้มองโจวรุ่ยสวย แต่พอหลับตาลงเหมือนจะเห็นภาพนักมวยหัวโล้นยิ้มเยาะใส่ ก็เหมือนในหนังบางเรื่องที่เคยดูตอนอยู่บนโลกนั่นแหละ รู้สึกขมิบตูดแน่นไปหมด ความคิดอะไรก็ไม่มีแล้ว

เมื่อมาถึงห้องฝึกวิชา หยางป๋อเข้าไปแล้วมองผ่านๆ ก็เห็นว่าในห้องธรรมดามาก เป็นแค่ห้องที่ปูพื้นไม้เท่านั้น

แต่พอหยางป๋อเดินตรวจสอบแล้วก็พบว่ารอบๆ ห้องมีการติดตั้งสายไฟจำนวนมาก

เจ้านายอ้วนกลับมีสีหน้าเหมือนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน "เป็นห้องฝึกวิชาระดับ 3 เชียวเหรอ ไอ้สมาคมนักล่าเงินรางวัลพวกนี้มีเงินจริงๆ"

"ตระกูลนายก็มีแบบนี้เหมือนกัน แค่นายไม่มีสิทธิ์ใช้" โจวรุ่ยพูดโดยไม่หันหลังมองเลยฃ

โดนแทงใจดำเลย ประโยคนี้บอกตรงๆ เลยว่าพรสวรรค์ของไอ้อ้วนนี่ห่วยแตก ต่อให้ตระกูลมีห้องฝึกวิชาแบบนี้ก็ไม่มีวันได้ใช้

"ในห้องฝึกวิชาจะมีสนามพลังงานพิเศษ ถ้าฝึกฝนโดยใช้ท่าฝึกวิชาพิเศษประกอบกัน ความก้าวหน้าในการฝึกจะเร็วขึ้นหน่อย" เจ้านายอ้วนอธิบายให้หยางป๋อฟังประโยคหนึ่ง

"แค่ห้องฝึกวิชาระดับ 3 ต้นทุนสร้างน่าจะเกิน 500 ล้านแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเพราะวัสดุแพง แถมยังต้องใช้ท่าฝึกวิชาพิเศษ ประกอบกับสนามพลังงานพิเศษ โดยทั่วไปแล้วจะเป็นการออกแบบที่ถ่ายทอดกันมาภายในตระกูล คนอื่นถึงจะมาในห้องนี้แต่ไม่มีท่าฝึกที่ถูกต้อง ก็ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น" เจ้านายอ้วนพูดต่อ

หยางป๋อก็เข้าใจแล้ว ก็คือท่าฝึกวิชาที่เหมาะสมก็จะมีสนามพลังงานที่เข้าคู่กัน

แต่ละตระกูลจะเก็บท่าฝึกวิชาเป็นความลับ ดังนั้นการออกแบบสนามพลังงานก็จะรู้แค่คนในตระกูลเดียวกันเท่านั้น

"หยางป๋อ วันนี้ฉันเป็นตัวแทนของตระกูลในการทดสอบพลังพิเศษของนายอย่างเป็นทางการ ครั้งนี้พวกเราจะโฟกัสไปที่พลังแสงของนาย ช่วยแสดงความสามารถให้ดูหน่อยได้มั้ย?" โจวรุ่ยเดินมาทางนี้ เปิดแท็บเล็ตเครื่องหนึ่ง แล้วก็เอ่ยขึ้น

เจ้านายอ้วนรีบก้าวออกมาทันที "ผลประโยชน์ต้องตกลงกันให้ชัดเจนก่อนนะ!"

"ผมฟังเจ้านาย" หยางป๋อให้คะแนนเจ้านายอ้วนในใจ พอเห็นโจวรุ่ยมองมาทางเขา เขาก็รีบพูดขึ้นมาทันที

ในใจโจวรุ่ยคิดว่าจะต้องหาทางแยกเจ้าอ้วนนี่และหยางป๋อออกจากกัน

"ชุดเกราะหนึ่งชุด สามารถไปเลือกชุดเกราะและอาวุธพลังงานที่เหมาะสมได้ตามต้องการในห้องเก็บชุดเกราะที่ใหญ่ที่สุดของสมาคมนักล่าเงินรางวัลของเรา" โจวรุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส คอเรียวยาวของเธอโผล่ขึ้นมาต่อหน้าหยางป๋อ

"ระบุเวลาด้วย!" เจ้านายอ้วนยังคงช่วยพูดแทนหยางป๋ออีก

"ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง หยางป๋อจะไปเลือกตอนไหนก็ได้" โจวรุ่ยไม่ได้มองเจ้านายอ้วน แต่กลับมองตอบหยางป๋อ

หยางป๋อเองก็รู้จักกาลเทศะ หันไปบอกเจ้านายอ้วนว่า "งั้นเจ้านาย เดี๋ยวไปด้วยกันนะ ตอนที่ผมไปเลือก"

"ได้เลย!" ในใจเจ้านายอ้วนรู้สึกสบายใจมาก ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องมัดหยางป๋อไว้กับรถรบของตัวเอง ในใจมีความคิดเล็กๆ ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้เป็นผู้หญิง

โจวรุ่ยก็ไม่ค่อยแปลกใจกับท่าทีของหยางป๋อ สุดท้ายแล้วก่อนหน้านี้หยางป๋อก็เป็นแค่ผู้อยู่อาศัยที่ถูกกักขัง ไอ้อ้วนนี่เป็นคนแรกที่หยางป๋อได้เจอ

"เดี๋ยวค่อยว่ากัน" โจวรุ่ยไม่เชื่อหรอก สาวสวยอย่างเธอจะสู้ไอ้อ้วนนี่ไม่ได้ ในใจยิ่งกังวลว่าหยางป๋อจะโดนไอ้อ้วนบ้านั่นชักนำไปในทางที่ผิด ถ้าไม่ชอบผู้หญิงขึ้นมาจะทำยังไง

"จุดนี้เป็นเป้าที่ใช้ทดสอบความแข็งแกร่งของพลังงานพิเศษโดยเฉพาะ แค่เอาพลังพิเศษของนายไปชนที่เป้านี่ก็พอ" โจวรุ่ยหยิบแผ่นคริสตัลใสเกือบทั้งหมดรูปทรงรี แบนราบ ความยาวตรงปลายยาวที่สุดประมาณ 30 เซนติเมตร หนาประมาณ 5 เซนติเมตร

หยางป๋อยังหันไปมองเจ้านายอ้วนอีกครั้ง เจ้านายอ้วนพยักหน้า "นี่เป็นการทดสอบพลังงานง่ายๆ นายปล่อยพลังงานโจมตีใส่เป้านี่ สีเจิดจ้ายิ่งแสดงว่าความเข้มข้นก็ยิ่งสูง"

หยางป๋อได้ยินแบบนั้นก็สะบัดมือ ลูกแสงขนาดเท่าไข่นกกระทาก็พุ่งออกไป

เจ้านายอ้วนตกใจจนกระโดดหลบไปไกลๆ แล้วยังมีท่าทางระแวงระวังด้วย

ส่วนโจ้วรุ่ยหนังตาเต้นกระตุกเลย เห็นได้ชัดว่าตกใจไม่น้อย

"เชอะ!" โจวรุ่ยมองเจ้านายอ้วนอย่างดูแคลนเล็กน้อย ปากก็ส่งเสียงเบาๆ ที่ฟังไม่ค่อยถนัด

ลูกแสงฝั่งหยางป๋อนั้นกระแทกเข้ากับเป้า ลูกแสงถึงกับทะลุผ่านเป้านี้เข้าไป แล้วลูกแสงก็กระจายออกอย่างรวดเร็วที่ตรงกลางเป้า เหมือนถูกดูดซับไปอย่างนั้น

จากนั้นทั้งเป้าก็เริ่มส่องแสง หยางป๋อเห็นแบบนี้ก็เข้าใจแล้วว่าเป้าประหลาดนี้สามารถดูดซับพลังงานแล้วส่องแสงได้

เป้านั้นสว่างจ้าจนแสบตาในชั่วพริบตาเดียว แต่ก็เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้น

หยางป๋อไม่รู้ว่าผลการทดสอบครั้งนี้เป็นยังไง จึงหันไปมองเจ้านายอ้วนที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเป็นประกาย

"99!" ส่วนโจวรุ่ยที่ยืนอยู่อีกฝั่งตาเบิกกว้าง สายตาของเธอเหมือนกับจะกลืนกินหยางป๋อเข้าไปทั้งตัวอย่างนั้น

"โดนหลอกแล้วสิ!" หยางป๋อเห็นสีหน้าของโจวรุ่ยแล้วก็รู้ว่าตัวเองโดนหลอก เขาเองก็พยายามลดขนาดและปริมาณลูกแสงลงแล้ว แต่ชัดเจนว่าเขาเข้าใจผิด

เจ้านายอ้วนรีบวิ่งเข้ามามองหยางป๋ออย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า "หยางป๋อ นายซ้อมพลังพิเศษอยู่เงียบๆ ใช่มั้ย?"

"ผมก็แค่ฝึกปล่อยลูกแสงเล่นเวลาว่างๆ น่ะ!" หยางป๋อตอบกลับด้วยสีหน้าจริงใจ เหมือนจะบอกเจ้านายอ้วนว่า คุณเดาถูกแล้ว

"ไม่แปลกใจเลยที่ช่วงนี้นายถึงได้กินเยอะนัก เก่งมากเลย ความเร็วในการปล่อยพลังของนายนี่รวดเร็วสุดๆ ไปเลย" เจ้านายอ้วนเดาเหตุผลที่หยางป๋อกินเยอะขึ้นช่วงนี้ได้ในทันที

หยางป๋อถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย "เจ้านาย ไม่ใช่คุณบอกให้ผมจินตนาการว่าตัวเองเป็นป้อมปืนเลเซอร์เหรอ ผมเลยคิดว่าป้อมปืนนี่มันต้องตอบสนองเร็ว ตัวผมเองก็เลยต้องเร็วด้วย!"

โจวรุ่ยได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอิจฉาไม่น้อย ใครๆ ก็อยากจินตนาการตัวเองเป็นป้อมปืน แต่ใครจะทำได้รวดเร็วขนาดนี้ในการปล่อยพลังพิเศษกันล่ะ?

ส่วนเจ้านายอ้วนพอได้ยินก็รู้สึกหมั่นไส้ เขาแค่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบเฉยๆ แต่เด็กโง่นี่ดันทำจริงซะงั้น ที่สำคัญคือยังฝึกจนทำได้ด้วย

เจ้านายอ้วนรู้สึกว่าความเร็วในการโจมตีระดับนี้ของหยางป๋อ หากได้พัฒนาต่ออีกสองปี ก็คงทำให้เขามีรูพรุนตามตัวได้ในชั่วพริบตา

"ดีมาก ทำได้ดีมาก!" แน่นอนว่าเจ้านายอ้วนไม่กล้าบอกว่าที่เขาพูดไปก็แค่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบเฉยๆ แต่นายดันเอาจริงซะงั้น เขากลับแสดงสีหน้าจริงใจ ตบไหล่หยางป๋อ ชมเชยว่าทำได้ดี

"เจ้านาย แล้วตัวเลข 99 ที่คุณโจวพูดมันหมายความว่ายังไงหรือครับ?" หยางป๋อเพิ่งจะถามขึ้น

โจวรุ่ยเห็นท่าทางของสองคนนี้แล้ว ในใจตั้งมั่นแน่วแน่ว่าจะต้องหาโอกาสแยกสองคนนี้ออกจากกันให้ได้ พอได้ยินหยางป๋อถามแบบนั้นก็เลยตอบว่า "นี่คือการทดสอบความบริสุทธิ์ของพลังงานพลังพิเศษ ความบริสุทธิ์ของพลังงานของหยางป๋อสูงมาก มีแค่อัจฉริยะไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้ขนาดนี้"

จากนั้นก็เห็นโจวรุ่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือขวาขยับเล็กน้อย ก่อนจะตวัดมือฟาดไปที่เป้า

เสียงลมแหวกอากาศดังแหลมจี๊ด ตามมาด้วยเป้านั้นส่องแสง แม้ครั้งนี้จะไม่สว่างเท่ากับตอนที่หยางป๋อปล่อยพลังโจมตี แต่ก็ยังสว่างอยู่ถึง 3 วินาที

หยางป๋อมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย คราวนี้หยางป๋อตกใจจริงๆ เพราะการโจมตีด้วยพลังงานของโจวรุ่ยนั้นไร้ร่องรอยใดๆ ให้เห็นเลย

หยางป๋อรู้สึกอิจฉาโจวรุ่ยไม่น้อย

ทำไมพลังพิเศษของเขาถึงได้เป็นประเภทที่เห็นได้ชัดแบบแสงและไฟฟ้าแบบนี้นะ

พลังพิเศษของคนอื่น หากไม่ใช่เพราะเสียงอากาศแหวกเมื่อครู่ ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่ามีการโจมตีเกิดขึ้น

"จากประสบการณ์ที่บรรพบุรุษสรุปมา ความบริสุทธิ์ของพลังงานยิ่งสูง ศักยภาพในการพัฒนาก็จะยิ่งมาก"

"ยกตัวอย่างง่ายๆ ความบริสุทธิ์ก็เหมือนกับความหนาแน่น ลองเอาหมอนกับหินไปขว้างใส่คน อันไหนจะเจ็บกว่ากัน?"

"ต่อให้หมอนหนัก 10 กิโลแต่อยู่ในสภาพฟูๆ ก็สู้หินหนัก 1 กิโลขว้างใส่ไม่ได้หรอก!"

"ดังนั้นการทดสอบพลังพิเศษในปัจจุบันจึงเน้นทดสอบความบริสุทธิ์ หากความบริสุทธิ์ไม่สูงพอ ต่อให้ปริมาณมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ โดยเฉพาะในยุคที่มีอุปกรณ์เทคโนโลยีสูงมากมาย"

"สังคมนี้มีอุปกรณ์ป้องกันพลังพิเศษมากมาย มีเสื้อผ้าที่นำไฟฟ้าได้เพื่อป้องกันการโจมตีด้วยพลังงานไฟฟ้า มีเสื้อผ้าที่ทนความร้อนเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยเปลวไฟ แต่อุปกรณ์พวกนี้หายากมาก"

"เมื่อสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ แล้ว ปริมาณพลังพิเศษก็ดูเหมือนจะไม่สำคัญอะไร หากความบริสุทธิ์ไม่พอ ก็ไม่มีทางทะลุเกราะป้องกันได้เลย" โจวรุ่ยพยายามอธิบายให้หยางป๋อเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องทดสอบความบริสุทธิ์ของพลังงาน

"ประมาทไปแล้ว!" หยางป๋อได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองประมาทไปแล้ว เขาคิดไปเองว่าเป็นการทดสอบปริมาณพลังงาน แต่ที่แท้อีกฝ่ายทดสอบความบริสุทธิ์ต่างหาก เลยทำให้พลังที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผยออกมาส่วนหนึ่ง

(จบตอน)