ตอนที่ 32

บทที่ 32 ฝึกฝนความสามารถของตัวเอง!

การล่องหนถือเป็นความสามารถหายากในด้านการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม ผู้กลายพันธุ์ที่มีพลังล่องหนระดับสูงล้วนเป็นไพ่ตายขององค์กรใหญ่ต่างๆ

ในสังคมที่เทคโนโลยีก้าวหน้า ผู้กลายพันธุ์ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อต่อกรกับเทคโนโลยีชั้นสูง หากไม่ใช่ผู้กลายพันธุ์ระดับท็อป ส่วนใหญ่ไม่สามารถต่อกรกับหุ่นยนต์ เครื่องบินรบ จรวดนำวิถี ปืนเลเซอร์ความถี่สูง หรือปืนใหญ่เลเซอร์วงโคจรได้เพียงลำพัง

แม้แต่เทคโนโลยีที่สามารถระเบิดดาวเคราะห์ได้ ผู้กลายพันธุ์ก็ไม่อาจต้านทานได้หากไม่มีพลังพิเศษ

การล่องหนนับเป็นหนึ่งในพลังพิเศษเหล่านั้น เคยมีกรณีในประวัติศาสตร์ที่องค์กรยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งถูกทำลายโดยผู้กลายพันธุ์ล่องหนเพียงคนเดียว เขาแอบเข้าไปในห้องทดลองหลักขององค์กร ก่อกวน ขโมยข้อมูล และปล่อยข่าวลือออกไป ทำให้บริษัทล่มสลายไป

ดังนั้นในฐานะกัปตันเรือและผู้กลายพันธุ์ระดับ A ด้านสติปัญญา จึงเสียอาการขนาดนั้น

"ใช่ครับกัปตัน พวกเราผ่านการทดลองแล้ว และพบว่าซากหนูทั้งหลายที่พบ ล้วนมีความสามารถล่องหนได้ ส่วนอัตราการถ่ายทอดทางพันธุกรรมและความสำเร็จในการผลิตยานั้นเท่าไหร่ เรายังไม่กล้าทดลองต่อ ตามกฎแล้วต้องมีผู้ควบคุมระดับ SS จากสหภาพจึงจะดำเนินการต่อได้" ชายคนนั้นพยักหน้าพูด

กัปตันฟังแล้วรีบพยักหน้า "ฉันจะรายงานทันที"

จากนั้นเรือรบก็แยกตัวออกจากท่าอวกาศ เนื่องจากวัสดุล่องหนระดับ A จะต้องรับประกันความเป็นอิสระและปลอดภัย ตั้งแต่นี้จนกว่าผู้บังคับบัญชาระดับ SS จากสหภาพจะมาถึง ห้ามปล่อยแม้แต่ขนเดียวออกจากเรือ ระบบยามสงครามถูกเปิดใช้ หากมียานใดเข้าใกล้โดยไม่ได้รับอนุญาตจะถูกยิงทำลายทันที

ฝ่ายหยางป๋อได้เริ่มงานแล้ว โถงนิทรรศการที่ยุ่งวุ่นวายในตอนกลางวัน แต่ตอนกลางคืนมันเปลี่ยนไป มีโปสเตอร์และตัวอักษรขนาดใหญ่มากมาย

เขาเก็บกวาดขยะบนพื้นก่อน แล้วก็เข็นรถดูดฝุ่นไปมา หลังทำเสร็จ หยางป๋อสังเกตดูแล้วพบว่านี่เป็นห้องจัดแสดงหุ่นยนต์เพื่อการต่อสู้

"แปลกแฮะ บริษัทหุ่นยนต์ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ แต่นี่ห้องจัดแสดงเล็กๆ" หยางป๋อรู้สึกสงสัย

เมื่อเสร็จงานและเก็บของเรียบร้อย เขาก็ก็รับนาฬิกาคืนจากเจ้าหน้าที่ คืนบัตรเข้างาน แล้วก็กลับบ้าน

ฟ้ายังไม่สว่าง แต่ถนนหนทางกลับสว่างไสว ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าที่ไหนเป็นชุมชนระดับสูง ส่วนที่มืดสนิทก็คือที่อย่างหยางป๋อเคยอยู่แน่ๆ

กลับถึงชุมชนแล้วเขาก็เอาแบตเตอรี่ที่ชาร์จไว้กลับมา ไม่ว่าแบตขนาดไหนก็ครั้งละ 50 เครดิต โลกนี้ไฟฟ้าถูกมากๆ

กลับถึงบ้านล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ หยางป๋อก็รู้สึกคันยิบๆ ได้เงินก้อนโตแล้วน่าจะซื้อบ้านได้แล้วนะ!

"ยังไม่เข้าเกมในขณะนี้ มาฝึกความสามารถของตัวเองให้คุ้นเคยสักหน่อย" หยางป๋อเปิดเน็ต แต่ไม่ได้เข้าเกม เขาเข้าไปที่ฟอรั่มเกมแทน

"พวกมันต้องจ่ายเงิน!" ตอนแรกหยางป๋อคิดจะหาข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์กลายพันธุ์และมนุษย์กลายพันธุ์ในเกม ซึ่งมักจะมีในฟอรั่มเกม แต่พอเปิดมาก็ต้องใช้เหรียญเกมกันหมด

"ข้อมูลจระเข้พิษกลายพันธุ์ระดับ D, ต้องใช้ 50,000 เหรียญเกม"

"ข้อมูลหนูน้ำแข็งระดับ C, ต้องใช้ 100,000 เหรียญเกม"

"ข้อมูลงูหลามป่าขนาดยักษ์ระดับ B, ต้องใช้ 1,000,000 เหรียญเกม"

หยางป๋อดูแล้วถึงกับสูดลมหายใจดังเฮือกนึง ข้อมูลถูกกำหนดราคาตามระดับความยากของสัตว์

ส่วนระดับ A กับ S ไม่มีข้อมูล อันที่จริงไม่มีใครรู้ว่ามีระดับ S จริงๆหรือเปล่าด้วยซ้ำ

"เหอะ อย่าหวังจะได้เงินแม้แต่เหรียญเดียวจากฉัน เป้าหมายของฉันคือสัตว์เล็กๆ" หยางป๋อบ่นในใจ การล่าสัตว์ระดับ A จะให้เท่าไหร่ก็ช่าง แต่สัตว์เล็กๆถึงจะได้นิดเดียว แต่ความเสี่ยงก็ต่างกันลิบลับ

จากนั้นหน้าหยางป๋อก็หน้าซีดลง จอมสับนก? นี่มันหมายถึงฉันงั้นเหรอ?

บนฟอรั่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังประณามเขาที่ฆ่าสัตว์ตัวเล็ก เป็นพวกล้มเหลวในชีวิตจริง แถมองค์กรพิทักษ์สัตว์ยังตั้งค่าหัว 500,000 เหรียญเกมเพื่อหาตัวตนของเขาอีก

ยังมีคนบอกว่าแอดเพื่อนกับจอมสับนกไม่ได้...

บางคนยังแสดงความยินดีที่เขาโดนฆ่าสองครั้ง เอาซะสมน้ำหน้า

หยางป๋อหดคอลงโดยไม่รู้ตัว แล้วก็รู้สึกเย็นวาบที่หลังไม่มีสาเหตุ

"ไม่ได้ ต้องเก็บตัวตนนี้ไว้เป็นความลับ" หยางป๋อคิดในใจ

จากนั้นเขาก็สบายใจขึ้น เกมหุ่นยนต์นี่คนเข้าเล่นเป็นผู้กลายพันธุ์กันอยู่แล้ว และส่วนใหญ่ต้องมีใบอนุญาตใช้หุ่นยนต์ด้วยถึงจะผ่านการทดสอบของเกมได้ ไม่งั้นร่างเดิมของหยางป๋อคงเข้าไปเล่นได้นานแล้ว แน่นอนว่าทางการไม่ได้บอกตรงๆหรอกนะว่าไม่ให้พลเมืองทั่วไปเข้าเกม

มันจะกลายเป็นข้อกำหนดที่แบ่งแยกและผิดกฎหมาย เหมือนในสหรัฐที่คนผิวขาวหลายคนดูถูกคนผิวสี แต่จะไม่พูดตรงๆ กลับแสร้งเรียกร้องความเท่าเทียม ให้คนผิวสีเลือกเขา บางคนพออยู่ลับหลังไม่แน่ว่าจะด่าคนที่มาเลือกตัวเองว่าเป็นไอ้งั่งเลย

ดังนั้นบริษัทเกมจึงใช้วิธีไม่ระบุตัวตน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับได้ว่ามีคนบางกลุ่มเท่านั้นสามารถเล่นเกม เมื่อไม่ระบุตัวตนแล้ว บริษัทก็ปฏิเสธได้ว่าไม่มีข้อมูลพวกนั้น เพราะไม่ระบุตัวตนไง...

"ฉันเป็นพลเมืองดี ไอ้จอมสับนกอะไรนั่น ไม่รู้จัก ไม่รู้จักจริงๆ" หยางป๋อปิดฟอรั่มเกม แล้วเปิดคอนเสิร์ตของหลี่ไอตั๋ว

"เด็กผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ ดูน่าสนใจเหมือนกันนะ" หยางป๋อครุ่นคิดขณะมองภาพเสมือนของหลี่ไอตั๋ว

จากนั้นหยางป๋อก็ดูกิจกรรมต่างๆ พบว่าครั้งนี้มีหลายบริษัทเข้าร่วม

มีทั้งบริษัทที่ขายยากลายพันธุ์ชะลอวัย เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าหรูหรา ดูราคาเหล่านั้นแล้วซื้อบ้านได้เลย หยางป๋อรู้สึกว่ามันก็เหมือนถุงขยะที่เขาใช้อยู่นั่นแหละ

บริษัทไฮเทคมีทั้งบริษัทนาฬิกา สเก็ตบอร์ดต้านแรงโน้มถ่วง รถต้านแรงโน้มถ่วง และหุ่นยนต์

มีห้าบริษัทหุ่นยนต์ สองบริษัทผลิตหุ่นยนต์ อีกสามบริษัททำการปรับแต่ง ห้องจัดแสดงที่หยางป๋อรับผิดชอบเป็นของบริษัทปรับแต่งหุ่นยนต์ไซมิกที่ติดอันดับท็อป 3 ของสหภาพ

มีข่าวลือว่าครั้งนี้จะมีการประกาศข่าวใหญ่ ราคาหุ้นจึงพุ่งขึ้นแล้ว

"พอถึงตอนนั้นค่อยไปดูละกัน" หยางป๋อไม่เห็นว่าทางบริษัทจะเปิดเผยหุ่นยนต์รุ่นใดบ้าง

ออกจากฟอรั่มแล้ว หยางป๋อก็เริ่มฝึกความสามารถของตัวเอง เขาซื้อของตกแต่งที่ทำจากวัสดุหลากหลายมาเพียบ

เสียงดีดนิ้วดังขึ้นเป็นระยะในห้อง ของแตกร้าว แตกร้าว

ฝึกไปสองชั่วโมง แล้วก็หยุดกินข้าวแล้วนอน

ตื่นมาอีกทีก็บ่ายสี่โมงกว่าแล้ว หยางป๋อยืนอยู่ในห้องน้ำ ฝึกความสามารถการปลอมตัว...เขาลูบอกที่ใหญ่ผิดปกติของตัวเอง แล้วก็รู้สึกแปลกๆ สัมผัสไม่ค่อยดี

การปลอมแปลงตอนนี้เปลี่ยนได้แค่กล้ามเนื้อ กระดูกปรับได้นิดหน่อยเท่านั้น

แบบนี้ยังหลอกอุปกรณ์อัจฉริยะไม่ได้ เพราะพวกมันสแกนกระดูก หรือแม้กระทั่งคลื่นชีวภาพเฉพาะบุคคลได้

โดยรวมแล้วก็ซับซ้อนมาก หยางป๋อไม่ได้ฝังชิป เลยไม่รู้เทคโนโลยีทั้งหมดของโลกนี้ รู้แค่คร่าวๆ

หยางป๋อเน้นฝึกความเร็วในการแปลงตัวเป็นหลัก ฝึกเสร็จแล้วก็ชาร์จไฟเติมพลังงานที่ใช้ไป

ตกค่ำก็มาถึงห้องจัดแสดง หยางป๋อเห็นหุ่นยนต์ตัวหนึ่งถูกตั้งอยู่ มีแผ่นโลหะแผ่นใหญ่ปูอยู่บนพื้น หุ่นยนต์สูง 8 เมตร

"บริษัทอะไรเนี่ย เอาหุ่นยนต์รุ่นสามมาขายขี้หน้า" หยางป๋อมองหุ่นยนต์คุ้นตาตัวนี้ นี่มันไม่ใช่หุ่นยนต์ลิเบอเรเตอร์ที่เขาใช้ในเกมหรอกเหรอ เหมือนจัดงานมหกรรมรถยนต์ใหญ่โต แล้วดันเอารถแทรกเตอร์มาอวดเฉยๆ

(จบบทนี้)