บทที่ 267 การเจรจาต่อรอง
สิ่งที่ทำให้โจวรุ่ยรู้สึกแปลกใจไม่น้อยก็คือ ประโยคนี้ออกมาจากปากของเจ้านายอ้วน
แม้ตระกูลของเจ้านายอ้วนจะไม่ได้อยู่ในระดับแนวหน้าของสหภาพ แต่ก็นับอยู่ในระดับท้ายๆ ของชั้นสอง ซึ่งน่าจะเคยเห็นผู้ที่ได้ชื่อว่าอัจฉริยะมาบ้างแล้ว
ส่วนใหญ่แล้วอัจฉริยะที่คนทั่วไปเข้าใจก็เป็นเพียงแค่ผลผลิตจากการสนับสนุนของตระกูลใหญ่เท่านั้น
ส่วนอัจฉริยะตัวจริงๆ นั้นจะไม่เปิดเผยตัวตน ตระกูลใหญ่ๆ เก็บความลับได้ดีมาก
ครั้นอัจฉริยะของตระกูลใหญ่เปิดเผยตัวตนออกมา โอกาสสูงมากที่จะถูกจับไปฆ่า นี่เป็นประสบการณ์หลายปีมาแล้ว
ก็ลองคิดดู ถ้าตระกูลคุณมีอัจฉริยะโผล่ออกมาสักคน จะเกิดผลกระทบอย่างไรกับตระกูลอื่นๆ บ้าง?
"เชื่ออย่างงั้นหลอ ตอนนี้หยางป๋อปรุงยาระดับสี่ดาวได้แล้ว" เจ้านายอ้วนมองสีหน้าของโจวรุ่ยแล้วก็พอจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้
จากนั้นเจ้านายอ้วนก็เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับพรสวรรค์ด้านการปรุงยาของหยางป๋อให้ฟังอีกครั้ง
หลังจากโจวรุ่ยฟังจบก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากเชื่อ "นายไม่ได้พูดโกหกหลอกนะ?"
เจ้านายอ้วนหยิบบันทึกการซื้อของจากตลาดมืดขึ้นมา พร้อมสีหน้าดูแคลนเล็กน้อย "ไม่น่าเชื่อว่าสมาคมนักล่าเงินรางวัลของพวกเธอจะเป็นองค์กรระดับนานาชาติ แต่กลับมีความรู้แค่ในระดับนี้"
"ด้วยพรสวรรค์ของหยางป๋อฉันไม่คิดจะแบ่งปันเขากับพวกเธอหรอก ก็แค่กลัวว่าพรสวรรค์ของเขาจะดีเกินไปจนตัวคนเดียวรับมือไม่ไหวต่างหาก"
"ฉันไม่มีทางเอาเรื่องของหยางป๋อไปบอกพวกนั่นในตระกูลแน่ ก็ดูพฤติกรรมของตระกูลฉันสิ ไม่ช้าก็ต้องพังพินาศแน่ๆ"
"ไม่งั้นเธอคิดว่าทำไมฉันที่เป็นคุณชายตระกูลใหญ่ แม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลมากนักแต่ก็ยังคบหากับหยางป๋ออย่างสนิทขนาดนี้ล่ะ?" เจ้านายอ้วนพูดต่อ
โจวรุ่ยฟังแล้วก็เริ่มเชื่อบ้างแต่ก็ยังไม่กล้าเชื่อเต็มที่ "ครั้งแรกที่ทำก็สำเร็จเลยเหรอ?"
"ตอนปรุงยาครั้งแรก แม้แรกๆ จะล้มเหลวไปสองสามขวด แต่หลังจากนั้นทุกขวดก็สำเร็จหมด นี่คือบันทึกการซื้อยาใหม่ของฉัน แต่ตำรับยาที่ฉันหาซื้อมาได้นั้นเป็นแบบทั่วๆ ไปทั้งนั้น" เจ้านายอ้วนพลิกดูบันทึกการซื้อของล่าสุดบนตลาดมืดอีกรอบ
โจวรุ่ยได้ยินก็รู้สึกอิจฉาไม่น้อย "นายนี่โชคดีจริงๆ เลย ตั้งนานแล้วฉันยังไม่เคยเจอคนแบบนี้เลย"
เจ้านายอ้วนได้ยินดังนั้นก็พูดด้วยสีหน้าภูมิใจ "นี่แหละคือโชค ไม่ใช่แค่โชคของฉันดี โชคของหยางป๋อเองก็ดีด้วย"
"ฉันได้ยินมาว่าหินพลังงานอายุยืนนั่นก็เป็นหยางป๋อเป็นคนเจอใช่มั้ย?" โจวรุ่ยได้ยินเช่นนั้นก็มองเจ้านายอ้วนด้วยสายตายิ้มๆ
เจ้านายอ้วนถามด้วยความประหลาดใจ "แม้แต่เรื่องนี้ประธานก็บอกเธอด้วยเหรอ?"
"หัวหน้าตระกูลที่เพิ่งคุยกับนายไปเมื่อกี๊ก็ใช้หินพลังงานอายุยืนนั่นแหละ" โจวรุ่ยพูดต่อ ท่าทางแบบนายเพิ่งรู้เหรอเนี่ย
เจ้านายอ้วนคาดว่าโจวรุ่ยน่าจะเป็นคนในตระกูลเดียวกับประธาน อาจเป็นพี่น้องกันก็ได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นแค่คนรักหรือประมาณนั้น
ในฐานะทายาทตระกูลใหญ่ เจ้านายอ้วนรู้ดีว่าในหมู่ชนชั้นสูงถึงจะมีคนรักก็จะไม่ให้คนรักมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวใดๆ ทั้งนั้น
เพราะไม่คู่ควร เรื่องของตระกูลจะให้แต่สายเลือดของตระกูลร่วมรับรู้เท่านั้น ถ้าไม่ใช่สายเลือดแล้ว ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวเลย
ถึงจะแต่งงานแล้วก็ตาม คุณนายของบ้านก็จะดูแลแค่กิจการประจำวันเท่านั้น ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสำคัญต่างๆ ได้
เพราะคุณนายเหล่านั้นก็เป็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น วันนี้พวกเขาอาจจะยอมส่งลูกสาวมาแต่งงานกับคุณเพื่อผลประโยชน์ แต่ถ้าลูกสาวของเขารู้ความลับที่สำคัญ คุณคิดว่าพวกเขาจะทรยศตระกูลของคุณหรือเปล่า?
"เรื่องนี้ก็ยังต้องพิสูจน์กันอีกที แล้วหยางป๋อมีพรสวรรค์อะไรอีกล่ะ? คงไม่ใช่พลังพิเศษแบบหายากอะไรหรอกนะ?" โจวรุ่ยจิบน้ำ เรื่องนี้ค่อยว่ากัน ต้องพิสูจน์กันอีกที
เจ้านายอ้วนหัวเราะเบาๆ แล้วพยักหน้า "หยางป๋อเผชิญเรื่องน่าตกใจเกินไปบนดาวปีศาจเขียว ตอนแรกพวกเขาใช้ยานรบไปดาวปีศาจเขียว แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องหลบหนีกันบนดาวปีศาจเขียว"
"หลังจากนั้นเขาก็ขุดหลุม แล้วกินรากหญ้าประทังชีวิตอยู่นาน ถึงแม้จะมีการเปิดเผยออกมานิดหน่อย แต่ฉันรู้สึกว่ามันคล้ายกับการใช้วิธีลับกระตุ้นพลังพิเศษ"
"ตอนที่กลับมาตรวจสอบพลังครั้งก่อน มันถึงขั้นเท่ากับคนระดับเดียวกันแล้ว"
"ส่วนครั้งนี้หลังจากทำภารกิจเสร็จ เหมือนจะถูกกระตุ้นอีก พลังก็เลยตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์ แถมพลังที่ตื่นขึ้นมานั่นแข็งแกร่งมากเลย เดี๋ยวเธอดูคลิปนี้สิ" เจ้านายอ้วนหยิบแท็บเล็ตเครื่องหนึ่งออกมา นี่เป็นเครื่องเก็บข้อมูล ส่วนใหญ่ใช้เก็บข้อมูลลับ
เรื่องนี้โจวรุ่ยเคยได้ยินมาบ้าง เธอจึงพูดขึ้น "เหมือนจะเป็นองค์กรฮุยจิ่นสมรู้ร่วมคิดกับโจรสลัดโจมตีกองยานดาวปีศาจเขียวของพวกนาย แต่ไม่รู้ทำไมถึงมีการรั่วไหลข้อมูลออกมา สหภาพส่งยานรบหลักไปช่วยเหลือ โดยให้ยานรบหลักของพวกนายซ่อนตัวอยู่"
"โจรสลัดสองกลุ่มที่ดีที่สุดถูกโจมตีจนเกือบสูญสิ้น ส่วนองค์กรฮุยจิ่นโดนกวาดล้างแทบไม่เหลือ โดยเฉพาะองค์กรฮุยจิ่นในสหภาพ 99% ตกที่นั่งลำบากหมด สหภาพยังประกาศให้พวกเขาเป็นองค์กรก่อการร้ายหัวรุนแรงอีก ระหว่างที่ไล่จับสมาชิกองค์กรฮุยจิ่น หากมีการต่อต้านจะสั่งยิงทิ้งทันที"
"ข่าวลือว่าทางสหภาพยังลอบว่าจ้างองค์กรมือสังหารไล่ล่าสมาชิกที่หนีรอดอีก..."
โจวรุ่ยพูดถึงตรงนี้ก็อ้าปากค้าง ในคลิปหยางป๋อกำลังปาลูกแสง
"ผนังในห้องทดลองนี่ไม่ธรรมดานะ ดูสิมันพังยับเยินขนาดนั้น" เจ้านายอ้วนมองสีหน้าของโจวรุ่ยแล้วอธิบายต่อ
เจ้านายอ้วนพูดถึงตรงนี้ในใจก็รู้สึกภูมิใจไม่น้อย ตัวเองสามารถค้นพบอัจฉริยะแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ตัวเองไม่กล้าคิดถึงเลยสมัยก่อน
"พลังพิเศษนี่หายากมากจริงๆ แล้วดูท่าทางของเขาเหมือนจะมีความสามารถเกี่ยวกับพลังจิตด้วยนะ?" โจวรุ่ยดูคลิปแล้วเห็นท่าทางของหยางป๋อก็ถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
"น่าจะมีนะ การควบคุมลูกแสงแม่นยำมาก"
"แต่น่าเสียดายที่ตระกูลเราไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ฉันยินดีจะแบ่งปันความลับนี้กับเธอ จำเป็นต้องหาทางช่วยพัฒนาพลังพิเศษของหยางป๋อ"
"นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของฉันคนเดียว แต่เป็นเรื่องของพวกเราด้วย หากหยางป๋อพัฒนาไปได้สวย มีโอกาสสูงที่จะเป็นผู้วิวัฒนาการพันธุกรรมระดับ A ยิ่งถ้ารวมกับพลังแสงของเขาแล้ว การเป็นระดับ A+ ในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้"
"ฉันรู้ดีว่าตระกูลเรามีความสามารถแค่ไหน ก็คงไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก และก็คงหาอะไรเกี่ยวข้องจากในตระกูลไม่ได้ด้วย" น้ำเสียงของเจ้านายอ้วนเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจตระกูลของตัวเอง
โจวรุ่ยเข้าใจความรู้สึกของเจ้านายอ้วนดี เพราะคนที่ไม่ได้รับความสำคัญในตระกูลนั้นใช้ชีวิตได้แย่กว่าชาวบ้านทั่วไปเสียอีก
หลายคนที่ไม่ได้รับความสำคัญในตระกูลมีชีวิตเหมือนหุ่นเชิดไร้วิญญาณ เทียบกับคนที่ได้รับความสำคัญในตระกูลแล้ว ยังแย่กว่าสุนัขเลยด้วยซ้ำ
คนพวกนี้อาจจะดูหรูหราในสายตาคนนอก แต่ความจริงแล้วชีวิตในตระกูลนั้นยากลำบากแสนเข็ญ
หากโชคดีอาจจะเลี้ยงดูลูกหลานที่มีความสามารถได้สักคนแล้วก็อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง แต่หากลูกหลานก็ไม่เอาไหน นั่นก็คือจบสิ้นชีวิตแบบหมูในคอก
แถมตระกูลของเจ้านายอ้วนยังทำธุรกิจสีเทา หากตระกูลมีปัญหาอะไร พวกเขาจะต้องเป็นคนที่ถูกลากออกมารับผิดชอบอย่างแน่นอน
"เรื่องนี้คุณวางใจได้ ประธานเองก็เห็นคุณค่าในตัวหยางป๋ออยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าพรสวรรค์ของหยางป๋อจะเหนือชั้นขนาดนี้ ส่วนตัวแล้วฉันคิดว่าหยางป๋อไม่จำเป็นต้องเข้าสำนักนะ" โจวรุ่ยเห็นแบบนี้ก็คิดอะไรออกมาอีกแบบ
"จริงๆ แล้วการเข้าสำนักก็ไม่เลวนะ ด้วยความสามารถที่หยางป๋อแสดงออกมา หากวันหน้าพัฒนายิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามีคนไม่หวังดีจับตามองก็จะลำบากไม่น้อย" เจ้านายอ้วนมีความเห็นต่าง
"ฉันต้องออกไปข้างนอกสักพัก ที่นี่ฝากคุณดูแลแทนนะ" โจวรุ่ยตัดสินใจจะกลับไปก่อน
"เธออยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย!" เจ้านายอ้วนรู้ว่าโจวรุ่ยตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ ครั้งนี้กลับไปเพื่อปรึกษากับคนในบ้าน
โจวรุ่ยขับรถบินออกจากลานจอดรถใต้ดินไปเลย ส่วนจะไปที่ไหนนั้นเธอไม่ได้บอก
ตอนถึงเวลากินข้าว หยางป๋อมาที่ห้องอาหาร ก็แปลกใจที่พบว่ามีแค่เจ้านายอ้วนคนเดียว
"หยางป๋อ มากินข้าวเร็ว ผู้ช่วยโจวมีธุระต้องออกไปข้างนอก" เจ้านายอ้วนเรียกหยางป๋อ พร้อมอธิบาย
จากนั้นรอจนหยางป๋อนั่งลงแล้ว เจ้านายอ้วนก็พูดขึ้น "หยางป๋อ ขอโทษนะ"
"เจ้านาย?" หยางป๋อมองเจ้านายอ้วนด้วยสีหน้าประหลาดใจ
"ฉันเอาเรื่องพรสวรรค์ด้านการปรุงยาและพลังแสงของนายไปบอกผู้ช่วยโจวแล้ว พรสวรรค์ของนายมันดีเกินไป ความสามารถของฉันคนเดียวมีจำกัด กลัวว่าจะทำให้การพัฒนาของนายช้าลง"
"แต่ฉันก็ไม่อยากให้นายต้องไปเกี่ยวข้องกับตระกูลของฉัน ธุรกิจที่ตระกูลเราทำอยู่นั้นมันไม่ค่อยจะถูกต้องนักหรอก ตระกูลเราก็ไม่มีอนาคตอะไรเลย"
"ผู้ช่วยโจวน่าจะเป็นพี่น้องของประธานสมาคมนักล่าเงินรางวัล สมาคมนักล่าเงินรางวัลเป็นองค์กรระดับนานาชาติ ทรัพยากรในนั้นมากกว่าแม้แต่ตระกูลเราเสียอีก"
"ตระกูลของผู้ช่วยโจวในสมาคมนักล่าเงินรางวัลก็คงไม่ใช่ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดหรอก ไม่งั้นก็คงไม่มาสร้างองค์กรผิดกฎหมายในสหภาพนี้หรอก"
"จริงๆแล้วตระกูลแบบนี้ถึงจะดีที่สุด ตระกูลแบบนี้มีรากฐานแต่ไม่มีคนเก่งพอ"
"เหมือนพวกตระกูลที่ติดอันดับต้นๆ ของสหภาพตอนนี้ นักปรุงยาระดับสูงหรือนักปรุงยาชั้นยอดในตระกูลพวกนั้นมีแน่ๆ ตั้งไม่รู้กี่คน"
"พรสวรรค์แบบนายถ้าไปเข้าพวกตระกูลนั้น ก็คงไม่ได้รับความสำคัญหรอก แต่ละตระกูลมีหลายกลุ่มย่อยเล็กๆ พรสวรรค์แบบนาย ถ้าเข้าไปในพวกตระกูลนั้น บางทีอาจจะถูกนักปรุงยาชั้นยอดกดดันหรือแม้กระทั่งใส่ร้ายได้"
"เพราะแต่ละตระกูลมีทรัพยากรด้านการปรุงยาจำกัด ถ้าให้นายมากก็ต้องแบ่งส่วนของคนอื่นให้น้อยลง ถ้าให้คนอื่นมากก็ต้องแบ่งส่วนของนายให้น้อยลง"
"เข้าใจที่ฉันพูดมั้ย?" เจ้านายอ้วนพูดถึงตรงนี้ก็มองไปที่หยางป๋อ
"ก็เหมือนกับการรับงานของบริษัทใช่มั้ย?" หยางป๋อมองเจ้านายอ้วนด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แต่ปากกลับพูดอย่างนั้น
ในใจกลับคิดว่า "ไม่รู้ว่าเจ้านายอ้วนไปขายข้อมูลของฉันได้ตังค์เท่าไหร่?"
หยางป๋อไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ทุกคนก็รวมตัวกันเพื่อผลประโยชน์อยู่แล้ว เจ้านายอ้วนเคยทิ้งเขาไปแล้วไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง ถ้าเขาเจออันตรายอะไรในอนาคตก็แค่ทิ้งเจ้านายอ้วนไว้แล้วหนีเอาตัวรอดก็พอ
ที่เขาทำตัวตนหลายแบบก็เพื่อให้หนีได้ง่ายเวลามีเรื่องไม่ใช่เหรอ?
เจ้านายอ้วนได้ยินหยางป๋อพูดแบบนั้นก็รีบพยักหน้า "ก็ประมาณนั้นแหละ งานดีๆ มีจำนวนน้อยมาก มีแต่จะให้กับคนที่สนิทกันเท่านั้น"
"อีกอย่าง ฉันเอาข้อมูลของนายไปแลกชุดเกราะมาชุดหนึ่ง ตอนที่เจอการโจมตีครั้งที่แล้ว ชุดเกราะของฉันมันแย่มาก สู้กับศัตรูไม่ได้เลย ต่อไปเราอาจจะต้องเจออันตรายมากกว่านี้ก็ได้"
"โจวรุ่ยกลับไปรายงานแล้ว พอเธอกลับมา นายก็สาธิตการปรุงยาและพลังแสงให้เธอดูหน่อย แล้วนายก็ขอชุดเกราะสักชุดด้วย มีชุดเกราะแล้วอันตรายก็จะน้อยลง"
"แล้วก็ยังมีของดีๆ อีกเยอะในสมาคมนักล่าเงินรางวัล ที่พวกเขาทำธุรกิจใหญ่โตบนดาวดวงนี้ได้ ต้องมีคอนเน็คชั่นกับเบื้องบนแน่ๆ ลองหาทางหาปืนเลเซอร์อะไรมาสักกระบอก" เจ้านายอ้วนเอานมขวดใหญ่มาให้หยางป๋อ แล้วก็พูดต่อ
"ผมเข้าใจว่าเจ้านายหวังดีกับผม!" ในใจหยางป๋อรู้สึกผ่อนคลายมาก ในเมื่อความสามารถบางส่วนของเขาถูกสมาคมนักล่าเงินรางวัลรู้ไปแล้ว พวกเขาก็ต้องพัฒนาเขาแน่ๆ
ส่วนชุดเกราะนั่นก็ต้องมีอยู่แล้ว แล้วเขาก็จะเอาชุดเกราะต้นกำเนิดเดียวกันในห้องมิติออกมา แล้วใช้ความสามารถควบคุมโลหะทำให้มันเหมือนกันเป๊ะ
พลังต่อสู้ภายนอกก็จะแข็งแกร่งขึ้น สิ่งที่หยางป๋อต้องการคือทำยังไงให้เขาสามารถใช้ความสามารถของตัวเองได้อย่างเปิดเผย
ถ้าเจ้านายอ้วนไม่เปิดเผยเรื่องพลังพิเศษของเขา หยางป๋อก็จะพูดออกไปเองตอนที่มีโอกาสเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือสมาคมอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเจอเรื่องพลิกล็อกอะไรเมื่อไหร่ เขาก็จะหนีแน่นอน
ทุกคนเอาผลประโยชน์เป็นหลักอยู่แล้ว ไม่มีใครสละชีวิตเพื่อใครหลอก ถ้าตระกูลของโจวรุ่ยจริงใจกับเขา วันหน้าเขาก็อาจจะใช้ตัวตนอื่นไปช่วยพวกเขาก็ได้
คนเราต่างตอบแทนกัน เจ้านายอ้วนนี่ก็กล้าพูดเรื่องนี้กับเขา แสดงว่าใส่ใจความคิดของเขาอยู่
แน่นอน ถ้าเขาไม่มีความสามารถ เจ้านายอ้วนคงไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ
เรื่องนี้หยางป๋อก็เคยชินแล้ว คนไม่มีความสามารถใครก็ไม่สนใจ ในบ้านเขาเองก็ยังมีบางคนไม่สนใจเขาเลย นับประสาอะไรกับคนแปลกหน้า
"ตอนเลือกชุดเกราะเอาฉันไปด้วยนะ จะได้ช่วยเลือกชุดที่ดีที่สุดให้" เจ้านายอ้วนหัวเราะเบาๆ
หยางป๋อพยักหน้า กินข้าวไปด้วยแล้วก็พูดไปด้วย "แน่นอน ต้องให้เจ้านายตรวจดูอยู่แล้ว ผมไม่รู้เรื่องชุดเกราะ"
เจ้านายอ้วนเห็นปฏิกิริยาของหยางป๋อแล้วก็รู้สึกโล่งใจ "โชคดีที่หยางป๋อมีจิตใจที่ซื่อๆ"
แล้วหยางป๋อจะมีจิตใจซื่อๆ เหรอ แค่เขาเตรียมใจมาเรียบร้อยแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็แค่ความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น
ส่วนฝั่งโจวรุ่ยตอนกลับถึงบ้านก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟัง
ฝนที่ฟาร์มกำลังตกหนัก สัตว์เลี้ยงทั้งหมดถูกต้อนเข้าไปในอาคาร และพืชผลหลายชนิดก็ถูกคลุมไว้
ฝนที่ตกลงมานั่นเป็นน้ำจืด ไม่ใช่น้ำทะเลที่พายุหมุนพัดขึ้นมาใกล้ฝั่ง
และพืชพันธุ์ที่นี่ก็ชินกับสภาพอากาศแบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก
"ยังมีอัจฉริยะแบบนี้อยู่อีกเหรอ?" พ่อของโจวรุ่ยเคยเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของสมาคมนักล่าเงินรางวัล ถึงจะยังไม่ถึงระดับผู้อาวุโส แต่ก็ใกล้เคียงแล้ว
เรื่องของอัจฉริยะเขาเคยได้ยินมามากมาย แต่อัจฉริยะแบบหยางป๋อนี่ก็ยังถือว่าหายาก
"หนูเองก็ไม่คิดว่าหยางป๋อจะมีความสามารถอีกสองแบบ ตอนแรกคิดว่าทักษะปลดล็อคของเขาก็หายากมากแล้ว ไม่คิดว่าจะปรุงยาเป็น แถมยังมีพลังพิเศษประเภทแสงอีก ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่" โจวรุ่ยพยักหน้า นกขนปุยสีขาวในอ้อมอกนอนนิ่งสงบอยู่
"พ่อว่าน่าจะเป็นเพราะการกินรากหญ้าตอนอยู่บนดาวปีศาจเขียว น่าเสียดายที่ตอนนี้ไปดาวดวงนั้นไม่ได้แล้ว ไม่งั้นจะได้ให้คนไปทดลองดู" พ่อของโจวรุ่ยนึกถึงประเด็นอื่น
"พ่อว่าสิ่งนี้น่าจะขึ้นอยู่กับแต่ละคน ประเด็นแรกคือหยางป๋อไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ทำให้ประสาทของเขาตึงเครียดอยู่ตลอด ก็เหมือนกับการฝึกฝนอย่างยากลำบากในคัมภีร์ลับ ลองคิดดู การใช้ชีวิตอยู่ในหลุมมืดทึบวันแล้ววันเล่า"
"ประเด็นที่สองก็คือผลของการกินรากหญ้า ในรากหญ้าน่าจะมีสารอื่นที่มีประสิทธิภาพ"
"ประเด็นที่สามก็คือพันธุกรรมของหยางป๋อเอง ปัจจัยที่ทำให้สำเร็จแบบนี้มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดซ้ำ" โจวรุ่ยมีความเห็นแตกต่าง
"เธอหาโอกาสไปตรวจสอบดูก่อน ถ้าเป็นเรื่องจริง ตระกูลเราจะทุ่มเทพัฒนาเขาเต็มที่" พ่อของโจวรุ่ยพยักหน้า เรื่องพลังพิเศษนี่พูดยาก บางคนนอนตื่นขึ้นมาก็มีแล้ว บางคนฝึกฝนหลายสิบปีก็ยังไม่มี
(จบบท)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved