"นายก็ดื่มให้น้อยลงด้วย" เซียวหลานชำเลืองมองที่ฉินหยุนแล้วกล่าวออกมา
"โอเคๆ" ฉินหยุนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินที่ทั้งคู่พูดคุยกัน โจวหยางและจางเสี่ยวหยาก็มองไปที่พวกเขาสองคน พยายามสังเกตฉินหยุนและเซียวหลาน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด
"ฉินหยุน ตอนนี้สถานการณ์ของพวกนายเป็นยังไง?"
โจวหยางขยับไปที่ด้านข้างของฉินหยุนและกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้
ใบหน้าของจางเสี่ยวหยาก็ยังแสดงอาการท่าทางซุบซิบที่หาได้ยากออกมาเช่นกัน
"ก็ไม่มีอะไร"
ฉินหยุนกล่าว "เบียร์ที่นายดื่มไปมันไม่สามารถอุดปากของนายได้ใช่ไหม?"
เขาเหลือบมองไปที่เซียวหลาน ซึ่งตอนนี้เธอก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากนัก
ตั้งแต่คืนนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกชอบเธอ แต่ฉินหยุนก็ไม่ได้เอ่ยอะไรถึงเรื่องนี้อีก และเขายังคงรักษาความสัมพันธ์ฉันเพื่อนกันต่อไป
เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน โจวหยางก็ดูเหมือนจะไม่เชื่อ แต่เขาก็ไม่ได้ถามคำถามอะไรออกมาอีก
"ยังไงก็เถอะฉินหยุน ตอนนี้ในชั้นเรียนของฉัน เพื่อนของนายคนนี้ถือว่าเรียนเก่งมากเลย แล้วตอนนี้นายล่ะเป็นยังไงบ้าง?" โจวหยางกล่าวพลางหัวเราะ
"แถมเพื่อนของนายคนนี้ไม่ใช่แค่ราชาแห่งเบียร์เท่านั้นนะ แต่ฉันยังเป็นราชาแห่งการร้องเพลงในชั้นเรียนอีกด้วย"
ถึงแม้เขาจะอ้วน แต่เขาก็ร้องเพลงเก่งมาก
"ในชั้นเรียนฉันก็เป็นคนธรรมดานี่แหละ นายจะให้ฉันไปเป็นอะไร?" ฉินหยุนกล่าวอย่างนิ่งๆ
"แบบนั้นใช้ไม่ได้เลย วันไหนว่างๆนายลองมาที่มหาลัยของฉันดู ฉันจะแสดงให้นายเห็นว่าเพื่อนของนายนั้นโด่งดังแค่ไหน" โจวหยางเริ่มคุยโม้
เขาสุภาพมากกับคนที่เขาไม่คุ้นเคย แต่ต่อหน้าฉินหยุนและคนอื่นๆที่อยู่ตรงนี้เขาไม่มียางอายเลยสักนิด
ดูเหมือนว่าชีวิตของเขาในมหาลัยจะไปได้สวยมาก
ทันทีที่เขากล่าวจบ หญิงสาววัยยี่สิบกว่าๆก็มองมาทางด้านนี้จากที่ไกลๆ เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวสองสามคำกับเพื่อนๆของเธอ และก็เริ่มวิ่งเหยาะๆมาพลางกล่าวอย่างมีความสุขว่า "บอสคะ"
ขณะที่เธอกล่าวเธอก็มองไปที่ฉินหยุนด้วยสีหน้าเขินอาย
เมื่อสังเกตดูหญิงสาว ฉินหยุนก็จำได้ทันทีว่าเธอเป็นพนักงานในร้านขายเสื้อผ้าของเขา ซึ่งเธอมีชื่อว่าหวังน่า แน่นอนว่าเขาจำได้แค่เพียงชื่อของเธอเท่านั้น ส่วนข้อมูลอื่นๆเขาไม่ได้รู้มากนัก
เขาก็พยักหน้าให้เธอ จากนั้นหญิงสาวก็วิ่งกลับไปทางที่เธอมาอย่างเขินอาย ซึ่งตรงนั้นก็มีหญิงสาวสองคนกำลังมองมาทางนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"เสี่ยวน่า นั่นบอสของเธอเหรอ?"
"เขาอายุน้อยมาก"
"ไม่ใช่แค่เขาอายุน้อยเท่านั้น แต่เขายังหล่อมากอีกด้วย นี่แหละเสปคของฉันเลย"
หญิงสาวสองคนกล่าวหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม
แน่นอน พวกเธอกล่าวออกมาด้วยเสียงเบาๆเท่านั้น ซึ่งไม่กล้าเอ่ยให้ฉินหยุนได้ยิน
"ฉินหยุน ผู้หญิงคนนั้นคือใครเหรอ?"
โจวหยางซึ่งกำลังโม้อยู่ในเวลานี้ เขาก็มองออกไปในระยะไกลและเอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า "เป็นพนักงานในร้านขายเสื้อผ้าของนายใช่ไหม?"
หวังน่าค่อนข้างสวย ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
เขารู้ว่าฉินหยุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าในเมืองจินหลิง แต่เขาไม่รู้ว่ามีร้านขายเสื้อผ้ากี่แห่งและร้านค้าเหล่านั้นขนาดใหญ่แค่ไหน เพราะเขาไม่ได้สนใจมันมากนัก
ฉินหยุนก็ไม่ได้พูดถึงร้านขายเสื้อผ้าเหล่านั้นให้เขาฟังเป็นพิเศษ
"ใช่" ฉินหยุนพยักหน้าและยิ้ม ซึ่งเขาไม่ได้ปิดบังอะไร
เขาไม่คิดว่าจะเจอกับพนักงานในร้านขายเสื้อผ้าของเขาขณะกำลังทานอาหารอยู่ที่นี่
แต่ตอนนี้เขามีร้านค้า 12 แห่งแล้ว และมีพนักงานมากกว่า 300 คน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะบังเอิญพบพวกเธอที่นี่
"ว้าว ฉินหยุน เป็นเถ้าแก่นี่มันน่าสนุกจริงๆ" โจวหยางอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
แม้ว่าเขาจะขี้เกียจและไม่สนใจที่จะเปิดร้านค้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่อิจฉาคนที่ได้เป็นเจ้าของร้านค้าของตัวเอ
มันก็เหมือนกับการมองดูคนอื่นทำงานล่วงเวลาโดยได้รับค่าจ้างที่สูงมาก แต่เมื่อถึงตาคุณ แม้ว่าจะมีค่าตอบแทนสูงคุณก็ไม่อยากทำงานล่วงเวลาเหล่านั้นอยู่ดี
หลังจากโจวหยางกล่าวจบ ใบหน้าของจางเสี่ยวหยาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ "ฉินหยุน นายเก่งมากจริงๆ สามารถเปิดร้านค้าของตัวเองได้ตั้งแต่ตอนเป็นนักศึกษาปีหนึ่งเลย"
เธอเป็นหญิงสาวธรรมดาที่มีพื้นเพครอบครัวธรรมดาแถมหน้าตาก็ดูธรรมดา แต่ผลการเรียนของเธอถือว่าค่อนข้างดี
ในมุมมองของจางเสี่ยวหยา เธอน่าจะเรียนจบอย่างปกติ จากนั้นก็หางานทำอย่างมั่นคง แล้วค่อยแต่งงานมีลูกตอนอายุเริ่มมาก เป็นต้น อันที่จริงเธอควรอยู่ท่ามกลางผู้คนทั่วไป ทั้งตอนไปเรียนที่มหาลัย ตอนเรียนจบแล้วเริ่มทำงาน หรือตอนแต่งงานมีลูก ฯลฯ
นี่คือชีวิตของหญิงสาวธรรมดาๆคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม กลับมีคนรอบตัวเธอที่เริ่มต้นทำธุรกิจเองในตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย และเขาก็ยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอด้วย
ในสายตาของหญิงสาวธรรมดาๆอย่างจางเสี่ยวหยา เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเล็กน้อย
เพราะคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ต่างก็เป็นคนธรรมดาๆ ก็เหมือนกับการที่มีคนถูกล็อตเตอรี่แล้วเป็นข่าว คนเหล่านั้นจะไม่มีวันปรากฏตัวอยู่ข้างๆคุณเลย
"นายจะมาอิจฉาอะไร การเป็นเถ้าแก่มันเหนื่อยจะตาย"
ฉินหยุนยิ้มและกล่าวว่า "เอาล่ะๆ อย่าพูดถึงร้านขายเสื้อผ้าเลย..."
เขาเปลี่ยนเรื่องอย่างสบายๆ
เขาไม่ต้องการให้มีความรู้สึกอย่างอื่นมากเกินไประหว่างคนที่เป็นเพื่อนกัน
หลังจากทานข้าวเสร็จกันสักพัก พวกเขาก็เริ่มแยกย้ายกันกลับไปที่มหาลัย
"โจวหยาง มหาลัยของนายกับเสี่ยวหยาอยู่ทางเดียวกัน เพราะงั้นนายต้องไปส่งเสี่ยวหยากลับก่อน" ทั้งฉินหยุนและเซียวหลานกล่าวออกมา
"เข้าใจแล้ว"
โจวหยางโบกมือราวกับว่าเขารู้สึกโล่งใจบางอย่าง
"เซียวหลาน ถ้าคราวหน้ามีเวลาว่าง เราออกมาเที่ยวด้วยกันอีกนะ" จางเสี่ยวหยาสวมกอดเซียวหลาน จากนั้นก็โบกมือเล็กๆของเธอให้อีกฝ่าย
หลังจากกล่าวจบ เธอก็เดินตามโจวหยางจากไป
หลังจากที่พวกเขาจากไป เหลือแค่เพียงฉินหยุนกับเซียวหลานเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่
ทั้งสองเดินอย่างช้าๆไปตามถนน เซียวหลานมองไปที่ชายหนุ่มข้างๆพลางเอ่ยถามเบาๆว่า "ฉินหยุน ที่ร้านขายเสื้อผ้าเป็นยังไงบ้าง"
"ไม่เป็นไรแล้ว"
ได้ยินคำถามของเซียวหลาน ฉินหยุนก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม "วิกฤตก่อนหน้านี้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว"
ตอนนี้รากฐานของเขาถือว่าแข็งแกร่งมาก และไม่มีทางที่แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่จะใช้วิธีเดิมโจมตีเขาได้อีก
"ดีแล้ว" เซียวหลานพยักหน้า
เธอเชื่อในความสามารถของฉินหยุน และชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเธอคนนี้ก็เต็มไปด้วยความลึกลับอยู่เสมอ จากความรู้สึกของเธอ ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดฉินหยุนได้เลย
หลังจากเดินเล่นอยู่บนถนนกันสักพัก ฉินหยุนก็รับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา จากนั้นเขาก็ส่งเซียวหลานขึ้นรถ
มองรถที่เซียวหลานนั่งแล่นจากไปจนลับตา ฉินหยุนก็ตรงไปที่สำนักงานกฎหมายชิงอวี้
เนื่องจากฉินลู่ พี่รองของเขาโทรมาบอกว่าศาสตราจารย์อาวุโสจากมหาลัยจินหลิงกำลังจะเข้ามา
ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนและร้านเสื้อผ้าหานลู่เริ่มกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งแล้ว และในทุกๆด้านร้านเสื้อผ้าหานลู่ก็เริ่มลอกเลียนแบบร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเหมือนเดิม ดังนั้นร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจึงดำเนินการยื่นฟ้องพวกเขาอีกครั้ง
แม้ว่าฉินหยุนจะรู้ว่าผลลัพธ์ของสิ่งนี้ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่เขาก็ยังคงใช้วิธีการทางด้านนี้ มิฉะนั้นคนอื่นจะคิดว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นเป็นพวกรังแกง่าย และแม้ว่าจะถูกพวกเขากลั่นแกล้งก็ตาม แต่พวกเขาก็คงไม่กล้าทำอะไรที่มันประเจิดประเจ้อมากนัก
ซึ่งผลลัพธ์ของสิ่งนี้ก็ดีมากเช่นกัน
สำหรับศาสตราจารย์อาวุโสที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน เห็นได้ชัดว่าเธอมีผลช่วยยับยั้งได้เป็นอย่างดี
อย่างน้อยคนที่มีความแข็งแกร่งทั่วไปก็จะไม่กล้ามาที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเพื่อเล่นลูกไม้เล็กๆน้อยๆ
"ตอนนี้กำลังหาอาคารสำนักงานของบริษัทที่เหมาะสมอยู่ หลังจากที่การค้นหาเสร็จสิ้น แผนกต่างๆทั้งหมดจะต้องได้รับการจัดตั้งขึ้น ซึ่งรวมถึงแผนกกฎหมายด้วย" ขณะที่ฉินหยุนนั่งอยู่ในรถ เขาก็คิดกับตัวเอง
ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังสามารถควบคุมได้ด้วยคนไม่กี่คน แต่ด้วยการขยายสาขาของร้านขายเสื้อผ้า จึงจำเป็นต้องเช่าอาคารสำนักงานแบบพิเศษและดำเนินการจัดตั้งแผนกต่างๆขึ้น
สำหรับตอนนี้ ขอพึ่งสำนักงานกฎหมายชิงอวี้ไปก่อน
เมื่อฉินหยุนนั่งรถแท็กซี่มาถึงที่สำนักงานกฎหมายชิงอวี้ บังเอิญว่าจางอวี๋ชิงก็เดินทางมาถึงที่นี่ด้วยรถยนต์พอดี
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved