"เธอเป็นไงบ้างช่วงวันหยุด?"
ขณะที่เดินไปด้วยกัน ฉินหยุนก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
"ไม่ค่อยดีเท่าไร" เซียวหลานทำท่าทางคิดอย่างจริงจัง จากนั้นก็กล่าวว่า "ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บ้าน"
ในช่วงวันหยุดยาวตอนที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยม มักจะมีการบ้านให้ทำมากมายอยู่เสมอ แต่ที่มหาลัยนั้นไม่มี โดยทั่วไปแล้วถ้าหากไม่อยากเรียน ก็แค่เที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่กี่ปีก็เรียนจบแล้ว
ทั้งสองคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงวันชาติที่ผ่านมา
เซียวหลานอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อเธอได้ยินว่าฉินหยุนเปิดร้านเสื้อผ้าเพิ่มอีกสามสาขาแล้ว
"นักศึกษาฉินหยุน นายจะเก่งเกินไปแล้ว!" เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
"ฉันแค่อยากจะเปิดร้านน่ะ" ฉินหยุนเองก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในขณะที่เขากำลังกล่าวอยู่นั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและคว้าตัวเซียวหลานไว้
หลังจากคว้าเธอเข้ามาข้างๆแล้ว ก็มีจักรยานคันหนึ่งแล่นเฉียดมาข้างๆอย่างพอดิบพอดี
"ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ!" บนจักรยานคันนั้นมีเด็กผู้หญิงที่ดูอายุสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเป็นคนน้่งอยู่ เธอมองไปที่ฉินหยุนกับเซียวหลานพลางกล่าวขอโทษอย่างเร่งรีบ
"เธอขี่จักรยานยังไงของเธอเนี่ย" ฉินหยุนขมวดคิ้ว
สาวน้อยเหล่านี้มักจะอาละวาดอยู่บนทางเท้าด้วยจักรยานของพวกเธอ
"ช่างมันเถอะ ฉินหยุน" เมื่อสักครู่เซียวหลานก็ตกใจนิดหน่อยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กเอาแต่ขอโทษไม่หยุด เธอก็ส่ายหัวแล้วกล่าวออกมา
เด็กหญิงขอโทษอีกสองสามคำจากนั้นก็รีบออกไปราวกับว่ามีบางสิ่งที่สำคัญที่ต้องไปทำ
ในตอนนี้เองที่เซียวหลานกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเธอก็ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เป็นเพราะว่าตอนนี้ฉินหยุนกำลังจับมือของเธอไว้อยู่ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนขึ้นเล็กน้อย และหัวใจก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น
ฉินหยุนก็ตระหนักได้เช่นกันว่าในขณะนี้เขาจับมือของเซียวหลานอยู่ แต่เหตุการณ์เมื่อสักครู่มันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันเกินไป และเขาก็รู้สึกเขินเล็กน้อย ถึงยังไงเขาก็เป็นคนโสดมาตั้ง 18 ปี
เขารู้สึกเพียงว่ามือเล็กๆของเซียวหลานนั้นนุ่มมาก เหมือนกับว่ากำลังถือขนมสายไหมอยู่เลย
ทั้งคู่ไม่ได้เอ่ยอะไร และฉินหยุนก็ไม่ได้ปล่อยมือเธอ
อันที่จริงเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เริ่มคุยกันเกือบทุกวัน และเมื่อมีเวลาว่างทั้งสองคนก็จะออกไปเดตกัน จริงๆแล้วต่างคนต่างก็เข้าใจความรู้สึกของกันและกัน
ทั้งสองคนกำลังเดินช้าๆอยู่บนถนน ราวกับสัมผัสได้ถึงความกังวลใจของเซียวหลาน ฉินหยุนก็ยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที "อะแฮ่ม วันนี้อากาศดีนะ"
เขาไอแห้งๆออกมาเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้
"เอ่อ ใช่ๆ" เซียวหลานกพยักหน้าอย่างเกร็งๆเล็กน้อย
ในตอนนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรออกมาดี
ใจหนึ่งของเธอยังต้องการเตือนฉินหยุนเรื่องที่เขาจับมือของเธอ แต่อีกใจหนึ่งเธอกลับไม่ต้องการกล่าวออกมา
หลังจากผ่านไปห้านาที เสาหินเรียงกันหลายต้นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้งคู่ ซึ่งมันเป็นทางเดินที่ปล่อยให้คนเพียงคนเดียวเดินผ่านได้เท่านั้น ดังนั้นฉินหยุนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยมือของเซียวหลานไป
ในเวลานี้ในใจของเขารู้สึกถึงความสูญเสียบางอย่าง
สถานการณ์ที่น่าอึดอัดยังคงดำเนินต่อไป แต่ภายในสิบวินาที พวกเขาก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งและเมื่อเซียวหลานมองไปข้างหน้า ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้นทันที
"หืม มีเกมโยนห่วงอยู่ข้างหน้าเหรอ?"
ฉินหยุนก็มองไปทางนั้นเช่นกัน เขาถามอย่างสงสัย "เซียวหลาน เธอก็สนใจเรื่องนี้พวกนี้งั้นเหรอ?"
"แน่นอนสิ"
เซียวหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ฉันเคยเล่นมาก่อน ทุกครั้งที่เจอฉันจะเข้าไปเล่นตลอด"
"เถ้าแก่ คิดราคายังไงเหรอคะ?"
เธอเดินเข้าไปถาม
เถ้าแก่เป็นชายร่างผอมที่กำลังถือห่วงหลากสีหลายสิบอันไว้ที่แขนข้างซ้าย
เมื่อได้ยินคำถามของเซียวหลาน เถ้าแก่คนนั้นก็ยิ้มพลางกล่าวว่า "สิบห่วงยี่สิบหยวน โดนจมูกไม่นับ"
มีลานกว้างอยู่ข้างหน้าพวกเขา ในนั้นต่างก็มีของเล่นและตุ๊กตาวางอยู่บนพื้นโดยเว้นระยะห่างกัน ซึ่งแถวด้านหน้านั้นเต็มไปด้วยของเล่นชิ้นเล็กๆ เช่น โมเดล Big Bad Wolf ตุ๊กตากระต่ายน้อย โมเดลทีมลูกหมา ตุ๊กตาหมูเปปป้า ฯลฯ และด้านหลังนั้นเป็นของเล่นชิ้นใหญ่ๆ
เซียวหลานจ่ายเงินซื้อห่วงสิบอันทันที แล้วก็รอคิวโยนห่วง
ในเวลานี้มีคนมุงดูอยู่ที่นี่ประมาณสิบกว่าคน มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งที่แขนของเข้าห้อยห่วงจำนวนมากเอาไว้ ข้างๆเขาคือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่อายุน้อยกว่าสิบขวบกำลังตะโกนเชียร์เสียงดัง "พ่อจ๋าสู้ๆ โยนเลย โยนเลย"
แต่หลังจากโยนห่วงไปหลายอัน เขาก็ยังโยนไม่เข้าเป้าสักอันเลย
"ชายคนนี้โยนห่วงนั่นไปเจ็ดสิบอันแล้ว แต่ยังจับแรคคูนน้อยตัวนั้นไม่ได้เลย"
"เถ้าแก่ได้กำไรจริงๆวันนี้"
คนรอบข้างกำลังพูดคุยกัน
"พ่อจ๋า" เมื่อเห็นว่าพ่อของเธอยังโยนห่วงไม่โดนตุ๊กตา เด็กหญิงตัวเล็กๆก็ดึงชายเสื้อผ้าของชายวัยกลางคนราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ
ชายวัยกลางคนก็รู้สึกปวดหัวเช่นกัน เขาใช้เงินไปแล้วหนึ่งร้อยสี่สิบหยวน แต่เขายังไม่ได้อะไรกลับมาเลย
"เถ้าแก่ คุณช่วยขายแรคคูนน้อยตัวนั้นให้ผมได้ไหม ลูกสาวผมชอบมันมาก ก่อนหน้านี้มันพังไปแล้วหนึ่งตัว ผมแทบหาตัวที่เหมือนกันไม่ได้เลย ผมให้เงินคุณยี่สิบหยวนเลยก็ได้" ชายวัยกลางคนมองไปที่เถ้าแก่และกล่าวออกมา น้ำเสียงของเขามีความวิงวอนปนอยู่เล็กน้อย
เขาตามหาตุ๊กตาตัวนี้มานานแล้ว แต่ก็หาไม่พบสักที สุดท้ายก็ได้เห็นมันอยู่ที่นี่ ซึ่งลูกสาวของเขาดีใจมากจนเธอส่งเสียงเชียร์ออกมาเสียงดัง มันดันติดตรงที่ว่าเขาโชคร้ายและมักจะล้มเหลวอยู่เสมอ
"นั่นสิเถ้าแก่ ชายคนนี้จ่ายไปตั้งร้อยกว่าหยวนแล้ว ลูกเขาอยากได้ก็ขายให้เขาไปเถอะ"
"ฉันว่ามันน่าจะมีแค่ตัวเดียวด้วย"
"มันก็แค่ของเล่นชิ้นเล็กๆราคาแค่สิบกว่าหยวนเท่านั้นเอง"
ผู้คนที่ยืนดูอยู่รอบๆมาพักหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นเช่นกัน
"ไม่ได้ๆ ขายไม่ได้"
เถ้าแก่ไม่สนใจเรื่องนี้ เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ฉันทำตามกฎของที่นี่ ของเล่นกับตุ๊กตาทั้งหมดจะได้รับก็ต่อเมื่อโยนห่วงครอบได้เท่านั้น ถ้าคุณโยนห่วงได้คุณก็เอาไปเลย ถ้าฉันขายมันให้โดยตรง มันก็ผิดกฎน่ะสิ"
"พ่อจ๋า"
เมื่อได้ยินสิ่งที่เถ้าแก่กล่าวออกมา เด็กหญิงตัวเล็กๆก็น้ำตาไหลพรากทันที เธอกำชายเสื้อของผู้เป็นพ่อไว้ไม่ปล่อย
"ไม่ต้องห่วงเยว่เยว่ พ่อจะเอามันมาให้ลูกเอง"
เมื่อเห็นลูกสาวของเขาร้องไห้ ชายวัยกลางคนก็รีบคุกเข่าลงไปและเอ่ยปลอบโยนเธอ
เขากัดฟันและจ่ายเงินซื้อห่วงอีกสิบอัน อันที่จริงเงินเดือนของเขาไม่ได้สูงนัก แต่วันนี้ก็หมดไปหลายหยวนแล้ว
ฉินหยุนและเซียวหลานที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็สังเกตเห็นสถานการณ์ทางฝั่งนี้เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่กำลังพยายามหาเงินเพิ่ม และแน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เช่นกัน
"ฉินหยุน เดี๋ยวฉันจะลองดู" หลังจากที่ชายวัยกลางคนเดินออกไปข้างๆ เซียวหลานก็ก้าวไปข้างหน้าและเริ่มลองโยนห่วงไปที่ตุ๊กตา
แต่สุดท้ายห่วงของเธอก็ตกลงไปที่ข้างๆแรคคูนตัวน้อยเท่านั้น น่าเสียดายที่เธอโยนห่วงทั้งสิบอันออกไปแต่ก็ยังไม่โดนตุ๊กตาอยู่ดี
จากนั้นพ่อของเด็กหญิงตัวน้อยก็พยายามอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่สำเร็จเหมือนเดิม
"จะโยนให้ได้ของเล่นพวกนี้ฉันว่ามันยากเกินไป"
"ฉันยืนดูมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว เถ้าแก่เขาทำเงินไปได้มากกว่า 600 หยวน แต่ลูกค้าโยนห่วงได้ตุ๊กตาแค่สี่ตัวเอง"
"ได้เงินโคตรเยอะ!"
ผู้คนพากันแสดงความคิดเห็นออกมา
"ฉินหยุน ถ้าโยนไม่ได้เราก็ไปกันเถอะ" เซียวหลานกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
ในขณะนี้เอง ฉินหยุนที่นิ่งเงียบมาตลอด ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นว่า "ฉันจะลองดู"
เขาก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า "เถ้าแก่ เอาห่วงให้ฉันห้าสิบอัน"
"ฉินหยุน นายจะโยนจริงๆงั้นเหรอ?" เมื่อเห็นว่าฉินหยุนจ่ายเงินซื้อห่วงทีเดียวจำนวนมาก เซียวหลานก็รีบกล่าวว่า "มันยากเกินไปที่จะโยนได้"
เธอรู้ว่าฉินหยุนไม่เคยเล่นเกมพวกนี้มาก่อน
"ไม่เป็นไร ฉันแค่ลองเล่นดู" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเถ้าแก่เห็นธุรกิจขนาดใหญ่มาเยือนที่ประตูบ้านของเขา ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มทันที เขารับเงินหนึ่งร้อยหยวนมาและส่งห่วงห้าสิบอันให้ฉินหยุน
เมื่อมองไปที่ของเล่นและตุ๊กตาที่วางอยู่ด้านหน้าเขาทีละตัวๆ ฉินหยุนก็โยนห่วงออกไปด้วยมือขวาของเขา
ด้วยแรงที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ห่วงตกลงบนใบหน้าตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง และห้อยไปเกี่ยวกับจมูกของมันเล็กน้อย
"โว้ววว โดนแล้ว!"
"น่าทึ่งมาก ห่วงแรกก็โดนเลย!"
ทันใดนั้นผู้ชมบางคนก็อุทานขึ้นทันที
ฉินหยุนมองไปที่มันจากนั้นก็เอ่ยถามว่า "เถ้าแก่ นี่ถือว่าได้ไหม?"
ในขณะนี้เอง เถ้าแก่ก็ก้าวไปข้างหน้าและสังเกตอย่างระมัดระวัง แต่จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและยิ้มออกมาพลางกล่าวว่า "นี่ไม่นับ เพราะว่ามันแตะโดนที่จมูก คุณโยนไปโดนจมูกเต็มๆมันจะไปนับได้ยังไงกัน"
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved