"ฉินหยุน แฟนของนายมาแล้ว!"
เมื่อโจวผานสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง เขาก็ยิ้มพลางกล่าวขึ้นทันที
เสียงของเขาค่อนข้างดัง ดังนั้นหยูเล่อเหยาที่อยู่ไม่ไกลจึงชะงักและมองมาทางนี้ทันที
"ฉินหยุนมีแฟนแล้วงั้นเหรอ?" หยูเล่อเหยารู้สึกงุนงงเล็กน้อย เธอเอ่ยถามลู่เสี่ยวเฟยที่อยู่ข้างๆเธอ
ลู่เสี่ยวเฟยไม่แน่ใจเช่นกัน เธอกล่าวว่า "น่าจะใช่มั้ง"
เธอกับหยูเล่อเหยาอาศัยอยู่ในหอพักเดียวกัน ในขณะที่จางเสี่ยวเยว่กับพวกจ้าวฉิงอาศัยอยู่ในหอพักหลังอื่น
จางเสี่ยวเยว่และคนอื่นๆในห้องพัก ต่างก็รู้เกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆของฉินหยุนกับเซียวหลาน เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเขาจากหลี่หานอวี่ จ้าวคังฮ่าว และคนอื่นๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเธอจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายในห้องพักของพวกเธอเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะไปที่หอพักแห่งอื่นเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ดังนั้นหยูเล่อเหยา ลู่เสี่ยวเฟย และคนอื่นๆจึงไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย
ในเวลานี้ คนอื่นๆในห้องพักของจ้าวฉิงต่างก็อยู่ที่นี่เช่นกัน แม้ว่าหลินเมิ่งเมิ่งจะรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฉินหยุนกับเซียวหลาน แต่เธอก็ยังหันศีรษะมองไปทางพวกเขา
"ไปกันเถอะเมิ่งเมิ่ง เธอจะไปมองพวกฉินหยุนทำไม"
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของหลินเมิ่งเมิ่ง จางเสี่ยวเยว่และจ้าวฉิงก็รีบกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้จะรู้ว่าฉินหยุนมีแฟนแล้ว แต่พวกเธอก็รู้สึกราวกับว่าหลินเมิ่งเมิ่งเหมือนกับไม่ต้องการยอมแพ้ ซึ่งท่าทีแบบนี้มันค่อนข้างจะอันตรายนิดหน่อย
พวกเธอจึงต้องช่วยกันหยุดเธอให้ทันเวลา
ในเวลานี้ สาวๆรูมเมทของเซียวหลานก็สังเกตเห็นฝั่งของฉินหยุนเช่นกัน
"เซียวหลาน นั่นฉินหยุนแฟนของเธอนี่นา" หญิงสาวตัวเล็กน่ารักกล่าวขึ้นทันที
พวกเธอเคยบังเอิญเจอฉินหยุนกับเซียวหลานที่กำลังเดินจับมือกันมาก่อน และก็รู้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกัน
"ดูเหมือนว่าเซียวหลานจะทิ้งเราไปอีกแล้ว" หญิงสาวอีกคนกล่าวติดตลก
ในเวลานี้ฉินหยุนกับเซียวหลานแค่มองหน้ากัน โดยที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับคำกล่าวของพวกเขาเลย ทั้งคู่แค่ยิ้มและพยักหน้าให้กันเล็กน้อยโดยไม่ได้กล่าวอะไร
หลังจากนั้นเซียวหลานก็เดินจากไป
พฤติกรรมระหว่างพวกเขาก็เหมือนกับเพื่อนธรรมดาทั่วไป ซึ่งไม่เหมือนกับคนรักกันเลย
"เกิดอะไรขึ้น ฉินหยุน? นายกับเซียวหลานไม่ได้เป็นแฟนกันงั้นเหรอ?" จ้าวคังฮ่าวที่ยืนอยู่ข้างๆฉินหยุน เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา
ท่าทีเหมือนไม่มีอะไรแบบนี้มันคืออะไร?
"อย่าพูดเรื่องไร้สาระน่า" ฉินหยุนส่ายหัวพลางกล่าวปฏิเสธ
เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน จ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆก็ตกตะลึงทันที พวกเขาเคยเห็นฉินหยุนกับเซียวหลานเดินจับมือกันมาก่อนเช่นกัน
สีหน้าของโจวผานเปลี่ยนไป เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า "ฉินหยุน หรือว่านายเลิกกับเซียวหลานแล้วงั้นเหรอ?"
เมื่อดูจากสถานการณ์เมื่อสักครู่นี้ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนจะพังทลายลงแล้ว
ฉินหยุนไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่กล่าวขึ้นว่า "ฉันไปก่อนนะ"
เขาไม่ได้อธิบายอะไรและเดินออกจากที่นี่ทันที
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ ฉินหยุนกับเซียวหลานเลิกกันแล้วเหรอ?"
"เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ!"
ในเวลานี้ ผู้คนในห้องพักของจางเสี่ยวเยว่ก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ด้านนี้เช่นกัน และพวกเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงงงวย
ทันใดนั้น แววตาที่หม่นหมองของหลินเมิ่งเมิ่ง ก็เผยให้เห็นประกายแสงบางอย่าง
"ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ใช่แฟนกัน"
หยูเล่อเหยาก็สังเกตสถานการณ์อยู่ไม่ไกลเช่นกัน แต่เธอไม่ได้สนใจสถานที่นี้และเดินจากไปทันที
...
ออกจากมหาลัย ฉินหยุนเดินทางมาที่ร้านขายเสื้อผ้า ในเวลานี้ฉินลู่ก็เพิ่งกลับมาจากสำนักงานกฎหมายเช่นกัน
เธอไปหาดูบ้านเช่าอยู่ 2-3 หลัง แต่เธอไม่พึงพอใจกับมันมากนัก ณ เวลานี้ มันไม่ง่ายเลยที่จะหาบ้านเช่าที่ดีๆและราคาไม่แพง ถ้ามีมันก็คงจะถูกคนอื่นชิงเช่าไปก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม เธอเพิ่งกลับมาจากการจัดการคดีที่เมืองอื่นเสร็จ และเธอก็มีเวลาพักสามวัน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กังวลกับมันมากนัก ซึ่งเธอก็ค่อยๆมองหาไปเรื่อยๆได้
ที่กลับมาพร้อมกันกับฉินลู่คือหยางเย่เจินและจ้าวเถียน ซึ่งทั้งคู่กำลังช้อปปิ้งอย่างมีความสุขอยู่รอบๆร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน
"ว้าว ร้านเสื้อผ้าร้านนี้ใหญ่มากจริงๆ แถมกิจการก็ดีมากด้วย"
"ร้านขายเสื้อผ้าเก้าสาขา แถมมีถึงสามร้านที่ใหญ่ขนาดนี้ เสี่ยวลู่ เธอเป็นพี่สาวของเทพแบบไหนกันเนี่ย แบ่งให้ฉันสักครึ่งหน่อยได้ไหม"
"เห้อ ฉันอิจฉาจัง ทำไมฉันถึงไม่มีน้องชายที่ดีแบบนี้บ้างนะ"
ทั้งหยางเย่เจินและจ้าวเถียนรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเล็กน้อย ดวงตาของพวกเธอเต็มไปด้วยความอิจฉา
หลังจากที่พวกเธอออกจากสถานีรถไฟก่อนหน้านี้ ในใจของพวกเธอก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นมาก และหลังจากที่พวกเธอแยกย้ายกับจางอวี๋ชิง พวกเธอก็แทบรอไม่ไหวที่จะถามฉินลู่ และในที่สุด ด้วยการ ‘บังคับ’ ของพวกเธอ ฉินลู่จึงยอมสารภาพเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนออกมา
หยางเย่เจินนั้นทราบดีว่าเทียนอี้เตี๋ยมีร้านขายเสื้อผ้ามากกว่า 20 สาขา แต่ร้านค้าเหล่านั้นมีพื้นที่แค่หลายสิบตารางเมตร ใหญ่ที่สุดก็มีเพียง 90 กว่าตารางเมตรเท่านั้น และไม่มีสาขาใดที่มีพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตรเลย ซึ่งเทียบไม่ได้กับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนขนาดใหญ่แห่งนี้เลย
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ฉินหยุนเริ่มต้นทุกอย่างจากศูนย์!
นี่มันอย่างกับว่าเขาเป็น บิล เกตส์ หรือไม่ก็ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เวอร์ชั่นที่อยู่ในจินหลิงเลย!
"พี่รอง" เมื่อฉินหยุนเห็นคนหลายคนอยู่ในร้าน เขาก็เดินเข้าไปหา
"เสี่ยวหยุน แกออกแบบโลโก้พวกนี้เองงั้นเหรอ?" เมื่อเห็นฉินหยุนเดินเข้ามา ฉินลู่ก็ชี้ไปที่ค่ายกลโบราณที่อยู่บนป้ายเสื้อผ้า พลางถามด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้ เสื้อผ้าทั้งหมดของเธอถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ผลิตจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนหมดแล้ว
นี่คือร้านที่เปิดโดยน้องชายของเธอ และเธอได้ตัดสินใจแล้วว่าต่อจากนี้ไปเธอจะไม่สวมใส่เสื้อผ้ายี่ห้ออื่นอีก เธอจะใส่แค่ของเทียนหยุนเท่านั้น
"ใช่ครับ" ฉินหยุนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า "ผมจะสร้างเส้นทางของตัวเองขึ้นมา เหมือนอย่างเสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่เหล่านั้น"
สองพี่น้องกำลังพูดคุยกัน ส่วนหยางเย่เจินและจ้าวเถียนนั้น เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกเธอสงบเสงี่ยมนิดหน่อย
ในขณะที่พวกเธอยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ พวกเธอก็รู้สึกอิจฉามากจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจ้าวเถียน ก่อนหน้านี้เธอต้องการให้แฟนหนุ่มของเธอซื้อบ้านอยู่ในเมืองจินหลิง แต่เขาไม่สามารถทำได้ กลับเป็นน้องชายของเพื่อนร่วมชั้นของเธอ เขาสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มเลย
เท่าที่เธอสังเกต ในเวลาเพียงแค่สิบนาที มีลูกค้าหลายคนจ่ายเงินซื้อเสื้อผ้าไปแล้วหลายตัวเลย ซึ่งกำไรต่อวันน่าจะไม่น้อยแน่นอน
เธอก็มีน้องชายเช่นกัน แต่เขาไม่ได้เรียนมหาลัย และเขาก็ออกไปทำงานทันทีหลังเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ตอนนี้เขาทำงานอยู่ในโรงงาน
ถ้าน้องชายของเธอมีความสามารถเหมือนอย่างฉินหยุน ไม่ต้องทั้งหมดก็ได้ แค่หนึ่งในสิบของทั้งหมด เธอก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
สำหรับทั้งสามคน ครอบครัวของหยางเย่เจินอาศัยอยู่ที่จินหลิง และครอบครัวของเธอก็ถือว่าพอมีฐานะอยู่บ้าง พวกเขาได้เตรียมบ้านไว้ให้เธอแล้ว แถมของใช้หลายๆอย่างที่เธอใช้ก็เป็นของแบรนด์ดังด้วย
ส่วนเธอและฉินลู่นั้นมาจากที่อื่น และในเมืองจินหลิงแห่งนี้ พวกเธอสามารถพึ่งพาได้แค่ตัวเองเท่านั้น
เดิมทีระหว่างพวกเธอก็มีความสมดุลอยู่ในใจ แต่ตอนนี้น้องชายของฉินลู่มีความสามารถมาก และต่อจากนี้ไปชีวิตของฉินลู่จะดีขึ้นมากอย่างแน่นอน แต่เป็นเธอที่ยังไม่มีอะไรให้พึ่งพาเลย
"พี่รอง เรื่องบ้านเช่าเป็นยังไงบ้าง" ขณะที่จ้าวเถียนกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ ฉินหยุนก็เอ่ยถามขึ้น
"พี่ยังหาไม่ได้เลย" ฉินลู่ส่ายหัวของเธอ
มันยากเกินไปที่จะหาบ้านเช่าสักหลังได้ด้วยตัวเอง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหยุนก็กล่าวว่า "งั้นติดต่อหาตัวกลางเถอะ ให้พวกเขาหาให้มันน่าจะง่ายกว่า"
"ไม่ห่วงหรอกเสี่ยวหยุน สองสามวันนี้พี่ยังมีเวลาว่างอยู่ เพราะงั้นไม่ต้องเสียเงินไปเปล่าๆหรอก"
เมื่อได้ยินที่ฉินหยุนกล่าว ฉินลู่ก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเขาให้บริษัทตัวกลางหาให้ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอย่างแน่นอน
อันที่จริงแล้วมีหลายคนที่มองหาบ้านเช่าเช่นเธอ บางคนก็เลือกที่จะไปหาด้วยตัวเองในชุมชนต่างๆ แต่บางคนก็เลือกถามจากบริษัทตัวกลางโดยตรง ซึ่งวิธีนี้ก็จะเสียเงินค่าธรรมเนียมบางส่วน
เธอเคยทำงานใกล้สำนักงานกฎหมายตอนเป็นนักศึกษาฝึกงาน และก็รู้ว่ามีบ้านหลายแห่งปล่อยให้เช่าได้ แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้ถามข้อมูลอย่างละเอียดไว้
ด้วยเหตุนี้ ทีแรกฉินหยุนจะให้บริษัทตัวกลางช่วยหาให้อยู่แล้ว แต่เธอเอ่ยปฏิเสธไป
แต่วันนี้เมื่อเธอเพิ่งไปดูบ้านเช่าเหล่านั้นเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกยังไม่พอใจเท่าไร
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ร้านขายเสื้อผ้าของเราร่วมมือกับบริษัทตัวกลางมาหลายครั้งแล้ว และการหาบ้านเช่าสักหลังก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมากนัก" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออกทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินลู่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก นอกจากเงียบไป
ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินหยุนกล่าวถึงยอดขาย 7 ล้านหยวน เธอยังรู้สึกไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร เพราะยอดขายขนาดนั้นมันเวอร์เกินไป
แต่ตอนนี้เมื่อเธอได้มาที่ร้านขายเสื้อผ้า และได้เห็นว่าธุรกิจกำลังร้อนแรงมาก ในใจของเธอก็ไม่สงสัยอะไรอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้น้องชายของเธอสามารถทำเงินได้มากมายจริงๆ
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved