ตอนที่ 151 ไม่ต้องพูดถึงทักษะการต่อสู้เลย

จ้าวตงเสวี่ยชำเลืองมองไปที่เฉิงซี จากนั้นก็ไม่สนใจเธอเลยและทานข้าวต่อ

"เหอะๆ จ้าวตงเสวี่ย ฉันได้ยินมาว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเพิ่งปิดไป? ขนาดพี่ชายของเธอก็น่าจะไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ดังนั้นตอนนี้เขาก็เลยไม่มีเวลาดูแลเธองั้นสินะ?"

ใบหน้าของเฉิงซีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งในขณะนี้เธอก็มีความสุขมาก

เธอรู้สึกเกลียดขี้หน้าจ้าวตงเสวี่ยเป็นอย่างมาก และเมื่อเธอได้เห็นอีกฝ่ายอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก่อนหน้านี้พร้อมๆกับได้รู้ตัวตนของเธอ เธอก็รู้สึกหดหู่ใจมาก สุดท้ายก็ต้องกลับออกไปด้วยความสิ้นหวัง

เมื่อลมหายใจแห่งความคับแค้นนี้ถูกกลั้นเอาไว้ ทำให้ช่วงนี้เธอรู้สึกอารมณ์ไม่ดีอยู่บ่อยๆ

แต่ทันทีหลังจากนั้น ร้านเสื้อผ้าหานลู่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นและเริ่มปราบปรามร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

ภายใต้แรงกดดันนี้ ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากและขยายสาขาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กลับปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว

มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหนเมื่อได้ทราบข่าวนี้ และเธอก็รอแทบไม่ไหวที่จะมาหาจ้าวตงเสวี่ยเพื่อหัวเราะเยาะเธอ

ซึ่งก่อนที่จะมาที่นี่ เธอก็ได้สืบมาแล้วว่าจ้าวตงเสวี่ยอยู่ที่ไหน ดังนั้นเธอจึงมาที่ร้านอาหารแห่งนี้ด้วยความตั้งใจ

ขณะที่เธอกล่าวคำเหล่านี้ออกไป และได้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของจ้าวตงเสวี่ย หัวใจของเธอก็รู้สึกสดชื่นราวกับว่าดื่มโค้กเย็นๆเข้าไปสักขวดหลังจากที่ใช้เวลาครึ่งวันท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาในฤดูร้อน

"หุบปากของเธอซะเฉิงซี!"

เมื่อได้ยินคำกล่าวของเฉิงซี จ้าวตงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นด้วยความโกรธ

ตอนนี้อารมณ์ของเธอก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว และเมื่อเห็นว่าเฉิงซีมาที่นี่เพื่อตั้งใจเยาะเย้ยเธอ ความโกรธของเธอก็เบนเป้าหมายไปที่เฉิงซีทันที

"โอ้ โกรธเพราะรับไม่ได้อย่างนั้นเหรอ"

เฉิงซีกอดอกและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ไหนๆตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ปิดตัวลงไปแล้ว ยังมีที่ว่างอยู่ในร้านขายเสื้อผ้าของฉันอยู่ เธอต้องการไหมล่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นร้านของเราก็จะไม่ปิดตัวลงอย่างแน่นอน"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าววงเสวี่ยก็ยิ่งโกรธมากขึ้นอีก เธอต้องการที่จะลุกขึ้นยืนทันที แต่กลับถูกหยูเสี่ยวถิงกอดไว้แน่น

"เสี่ยวเสวี่ย อย่าไปสนใจเธอ เราไปที่อื่นกันเถอะ" หยูเสี่ยวถิงกล่าวด้วยความตื่นตระหนก

เธอมีนิสัยค่อนข้างขี้อาย และเมื่อมองไปที่คนทั้งห้าที่ยืนอยู่รอบๆจ้าวตงเสวี่ย เธอก็รู้สึกกลัวมาก

เฉิงซีไม่เพียงแค่มาด้วยตัวคนเดียว แต่เธอยังพาคนอีกหลายคนมากับเธอด้วย

ครั้งล่าสุดที่จ้าวตงเสวี่ยลงไม้ลงมือกับเฉิงซีอย่างหุนหันพลันแล่น ซึ่งครั้งนั้นเฉิงซีไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าทุบตีเธอ ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอจึงพาคนมากับเธอด้วย

เธอไม่ได้ตอบโต้กลับในการทะเลาะกันครั้งนั้น เพราะว่าเธอเป็นฝ่ายที่ถูกกดลงกับพื้นและก็ถูไปถูมา

ในเวลานี้จ้าวตงเสวี่ยดูเหมือนจะไม่ต้องการทะเลาะกับอีกฝ่ายและเธอก็เดินตามหยูเสี่ยวถิงเพื่อจะจากไป

เมื่อเห็นว่าหยูเสี่ยวถิงกำลังจะลากจ้าวตงเสวี่ยออกไป เฉิงซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจ เพราะว่าตอนนี้เธอยังชื่นชมใบหน้าที่น่าเกลียดของจ้าวตงเสวี่ยไม่มากพอเลย ซึ่งมันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถปล่อยให้ เธอจากไปได้

ด้วยการขยิบตาของเธอ หลายๆคนที่มากับเธอก็เดินเข้าไปทันที พวกเขาเดินไปขวางทางของจ้าวตงเสวี่ยและหยูเสี่ยวถิงไว้

ในตอนนี้เอง ทันใดนั้นจ้าวตงเสวี่ยก็ตะโกนขึ้น "เสี่ยวถิง ปล่อยฉัน!"

หยูเสี่ยวถิงเองก็ตกใจเมื่อจู่ๆจ้าวตงเสวี่ยก็ตะโกนขึ้นอย่างกะทันหัน และเธอก็ปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว

และเมื่อหลุดออกจากพันธนาการ จ้าวตงเสวี่ยนั้นก็รวดเร็วมาก เธอมาถึงตรงหน้าของเฉิงซีด้วยการก้าวแค่สองครั้งเท่านั้น จากนั้นเธอก็จับไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายด้วยมือทั้งสองข้าง พลางเอาขาของเธอเกี่ยวขาขวาของเฉิงซีไว้ และทันใดนั้น เฉิงซีก็สูญเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้นทันที

"ฉัน... ฉัน ฉัน ฉัน..."

เฉิงซีมองไปที่จ้าวตงเสวี่ยที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามาและใช้มือพลักเธอลงไปกับพื้น ตอนนี้เธอรู้สึกหวาดกลัวมากจนพูดอะไรไม่ออก ในใจของเธอหลงเหลือแค่เพียงความคิดเดียวเท่านั้น

นั่นก็คือ เธอถูกโจมตีโดยจ้าวตงเสวี่ยอีกแล้ว!

ขณะเดียวกัน คนสามสี่คนที่เฉิงซีพามาด้วยก็กำลังตกตะลึงอยู่ แม้ว่าจ้าวตงเสวี่ยจะถูกคนมากมายล้อมไว้ แต่เธอก็กล้าที่จะเป็นฝ่ายโจมตีก่อน

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังมีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว สบถออกมาด้วยความโกรธและเตรียมพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า

"เสี่ยวเสวี่ย วิ่งเร็ว!" หยูเสี่ยวถิงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

ในขณะนี้เอง ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็ก้าวมาข้างหน้าและพลางโบกกำปั้นมาหาจ้าวตงเสวี่ย แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าข้อมือของเขาถูกคนอื่นคว้าไว้

"บัดซบ ใครกล้าจับฉัน!" หลังจากนั้นเขาก็ลองสะบัดให้หลุดพ้นจากอีกฝ่าย แต่ทำอย่างไรชายหนุ่มก็สะบัดไม่หลุดพ้นเสียที เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสบถด่าออกมา

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตะโกนด่าจนจบ แรงมหาศาลก็พุ่งเข้าใส่ท้องของเขา ซึ่งมันราวกับว่าจะทำให้กระดูกซี่โครงของเขาแทบถูกบดขยี้เลย จากนั้นเขาก็กรีดร้องอย่างน่าสมเพชพลางทรุดตัวนั่งลงกับพื้นในทันที

คนที่มาก็คือฉินหยุน

ในอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็โบกกำปั้นแล้วชกไปที่ฉินหยุนอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ฉินหยุนใช้เท้าเตะเข้าไปที่น่องของชายคนนั้นก่อน และเขาก็เซล้มลงกับพื้นไปในทันทีเช่นกัน

หญิงสาวอีกสามคนที่พามาโดยเฉิงซีตกใจกับการโจมตีอย่างกะทันหันของฉินหยุนมาก พวกเธอพากันยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

"ฉันยอมแล้ว ฉันยอมแล้ว!"

บนพื้น จ้าวตงเสวี่ยก็กำลังใช้มือของเธอต่อยซ้ายทีต่อยขวาที ซึ่งเฉิงซีก็ไม่มีแรงที่จะตอบโต้กลับได้เลย ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่ร้องไห้และร้องขอความเมตตา

"เสี่ยวเสวี่ย"

จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

ทันใดนั้นจ้าวตงเสวี่ยก็รีบหยุดสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ทันที เธอรีบไปยืนที่ด้านข้างของฉินหยุน และเอ่ยอย่างเชื่อฟังว่า "พี่ชายฉินหยุน"

ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้เธอให้ความสนใจกับสิ่งรอบข้างอยู่ตลอด เพื่อเตรียมพร้อมที่จะหนีได้ทุกเมื่อ เธอจึงเห็นฉากที่ฉินหยุนกำลังเข้ามาพอดี

หลังจากที่ฉินหยุนมาถึงจู่ๆเธอก็กล้าหาญขึ้นมาก และแทนที่จะวิ่งหนี เธอกลับเข้าไปทุบตีเฉิงซีทันทีเลย

ในเวลานี้ ดวงตาของเธอกำลังเป็นประกาย ลูกพี่ลูกน้องของเธอแข็งแกร่งมากจริงๆ ในเวลาเพียงแค่สองวินาที เขาจัดการคนทั้งห้าที่เฉิงซีพามาได้หมดเลย

และในที่สุด เฉิงซีที่กำลังร้องไห้และร้องขอความเมตตาอยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นยืน และในเวลานี้หลายคนที่เธอพามาก็ไปยืนอยู่ข้างๆเธอเช่นกัน

ทันใดนั้น ความมั่นใจของเฉิงซีก็กลับมาอีกครั้ง

เธอมองไปที่จ้าวตงเสวี่ยและกล่าวด้วยความโกรธว่า "จ้าวตงเสวี่ยเธอทำร้ายฉันอีกแล้ว ฉันจะโทรเรียกตำรวจให้มาจับเธอแน่นอน!"

ตอนนี้ดวงตาของเธอกลายเป็นหมีแพนด้ายักษ์ไปแล้ว ผมของเธอพันกันจนยุ่งเหยิง มองดูแล้วมันน่าอับอายมาก

"โทรหาตำรวจงั้นเหรอ?"

จ้าวตงเสวี่ยไม่ได้เอ่ยอะไร กลับเป็นฉินหยุนที่กล่าวอย่างเย็นชาว่า "เธอพาคนจำนวนมากมารังแกน้องสาวของฉัน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายอย่างมากต่อความปลอดภัยทางร่างกายและจิตใจของเธอ ฉันคิดว่าเราต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายโทรเรียกตำรวจ"

จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออกทันที

เมื่อเห็นว่าฉินหยุนโทรออกไปจริงๆ เฉิงซีก็ตกใจกลัวมาก

เธออายุยังไม่มาก อันที่จริงเธอมาที่นี่ก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย เธอแค่อยากจะมาเยาะเย้ยจ้าวตงเสวี่ยก็เท่านั้น แต่เธอไม่คาดคิดว่าสถานการณ์มันจะกลายมาเป็นเช่นนี้ในแทบพริบตา

ฉินหยุนก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน เรื่องแบบนี้ต้องได้รับการแก้ไขทันที ไม่อย่างนั้นมันก็จะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

ในไม่ช้าตำรวจก็มาถึง จากนั้นพวกเขาก็ขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง และได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น

แม้ว่าฝ่ายของเฉิงซีจะได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้งจ้าวตงเสวี่ยและฉินหยุนก็ทำไปเพราะป้องกันตัวเอง

สุดท้ายพ่อแม่ของเฉิงซีและคนอื่นๆก็มาที่สถานีตำรวจ เอ่ยขอโทษไม่หยุดและเสนอค่าชดเชยต่างๆให้ ในที่สุดก็พาเฉิงซีและคนอื่นๆที่กำลังหวาดกลัวกลับไป

...

ขณะเดินอยู่บนถนน จ้าวตงเสวี่ยก็กำลังเดินตามฉินหยุนอยู่ เมื่อเธอเห็นท่าทางเย็นชาบนใบหน้าของเขา เธอก็ไม่กล้ากล่าวอะไรออกมา

เธอเป็นคนที่กล้าหาญมาก ไม่ว่าจะเป็นเฉิงซีหรือคนอื่นๆเธอก็ไม่เคยรู้สึกกลัวเลย แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกประหม่ามากเมื่อเผชิญหน้ากับฉินหยุน

"เอ่อ..พี่ฉินหยุน" จ้าวตงเสวี่ยเอ่ยด้วยเสียงที่ราวกับกระซิบ

ฉินหยุนหยุดเดิน เขามองไปที่จ้าวตงเสวี่ยวพลางกล่าวด้วยเสียงทุ้มว่า "เสี่ยวเสวี่ย ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น สิ่งแรกที่เธอต้องก็ทำคือโทรหาพวกเราหรือไม่ก็โทรหาตำรวจ ถ้าต่อไปเธอทำแบบนี้อีกแล้วมันเกิดเรื่องที่ร้ายแรงขึ้นจริงๆเธอจะทำยังไง"

ฝ่ายตรงข้ามมีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นถ้าหากพวกเขาโจมตีก่อนล่ะ? จ้าวตงเสวี่ยก็จะต้องเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบแน่นอน

ถ้าวันนี้เขาไม่ได้บังเอิญพบเธอ ก็ไม่รู้เช่นกันว่าในอนาคตอะไรจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ดีที่สุดจ้าวตงเสวี่ยก็จะจบลงโดยได้รับบาดเจ็บ

ลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นผู้หญิงเจ้าปัญหา แต่เธอยังไม่เคยเจอกับเรื่องสูญเสียครั้งใหญ่ และถ้าเธอต้องทนทุกข์ทรมานกับมันจริงๆ มันก็คงจะสายเกินไปที่จะแก้ไขอะไรได้

"ฉันเข้าใจแล้ว" เมื่อได้ยินการตำหนิของฉินหยุน จ้าวตงเสวี่ยก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วเหมือนกับนกกระทาตัวน้อยๆกำลังจิกเมล็ดข้าว

(จบตอน)