ตอนที่ 145 เอาร้านค้าไปจำนอง

สองสามวันที่ผ่านมา ฉินหยุนได้ทำการซื้อร้านค้าอย่างบ้าคลั่ง

ส่วนการเจรจาซื้อขายก็เป็นไปอย่างราบรื่นเช่นกัน และก็ไม่ได้มีสถานการณ์อย่างที่เหล่าเจ้าของที่ไม่เต็มใจที่จะขายเกิดขึ้น ท้ายที่สุดแล้วเมื่อตอนที่จ้าวเทียนเฉียงเลือกสถานที่เหล่านี้มา เขาก็พิจารณาถึงเรื่องนี้ด้วย

ผู้ที่ไม่ต้องการขายร้านค้า จะไม่ปรากฏรายชื่อขึ้นมาในตัวเลือกของฉินหยุน

แน่นอนว่าก็ยังมีผู้ที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ระหว่างการเจรจาซื้อขายกัน ซึ่งราคาที่อีกฝ่ายเสนอมานั้นสูงเกินไปและฉินหยุนก็ไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมให้ตัวเองโดนเอาเปรียบได้อย่างแน่นอน

ในตัวเลือกของเขาไม่ได้มีแค่ร้านค้าร้านเดียวสักหน่อย

ในที่สุดก็มาถึงวันที่สี่ตั้งแต่เริ่มดำเนินการซื้อร้านค้ามา ฉินหยุนได้ซื้อร้านค้า 2 แห่งที่มีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตรด้วยเงินสดเต็มจำนวน โดยแต่ละร้านมีราคาอยู่ที่ 12 ล้านหยวน และเขาก็ใช้เงินไปทั้งหมด 24 ล้านหยวน!

ด้วยเงินที่ได้รับจากการถูกลอตเตอรี่บวกกับเงินทุนที่เอาออกมาจากร้านขายเสื้อผ้า ฉินหยุนมีเงินทั้งหมดอยู่ที่ 34 ล้านหยวน

เมื่อเขาจ่ายเงินซื้อร้านค้าขนาดใหญ่ทั้ง 2 แห่งไป ในขณะนี้เขาจึงเหลือเงินเพียง 10 ล้านหยวนเท่านั้น

และด้วยเงิน 10 ล้านหยวนนี้ เขาสามารถซื้อร้านค้าร้านเล็กๆขนาด 40 ตารางเมตรได้อีก 5 แห่ง

รวมแล้วเขาใช้เงินไปทั้งหมด 34 ล้านหยวน ในการซื้อร้านค้าขนาดใหญ่ 2 แห่งและร้านค้าขนาดเล็ก 5 แห่ง

อย่างไรก็ตาม หลายวันที่ผ่านมานี้จ้าวเทียนเฉียงได้ทำการตรวจสอบยอดขายและคาดเดาผลกำไรของร้านขายเสื้อผ้าออกมา ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ ร้านขายเสื้อผ้าของฉินหยุนจะสามารถดึงเงินออกมาใช้ได้อีก 2 ล้านหยวน!

ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้เขามีร้านค้าขนาดเล็กๆ 6 ร้านในเมืองจินหลิง และอีก 4 ร้านในเขตชิงอู๋ ซึ่งแต่ละร้านก็มียอดขายอย่างน้อย 13,000 หยวนต่อวัน และภายในสิบแต่ละร้านก็จะมียอดขายเฉลี่ย 130,000 หยวน!

หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ร้านค้าขนาดเล็กๆเหล่านี้ก็จะสามารถดึงเงินออกมาได้อีกประมาณหนึ่งล้านหยวน

นอกจากนี้ ฉินหยุนยังมีร้านค้าขนาดใหญ่ 3 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งก็มียอดขาย 70,000 กว่าหยวนต่อวัน และยอดขายรวมกันในหนึ่งวันของร้านค้าขนาดใหญ่ทั้ง 3 แห่งนี้ก็ได้มากกว่า 200,000 หยวน ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ก็ได้เงินมากกว่าหนึ่งล้านหยวนเลย!

ดังนั้นฉินหยุนจึงสามารถหาเงินมาเพิ่มได้อีก 2 ล้านหยวน

แน่นอน ถ้าเงินจากยอดขายของทั้ง 10 วันถูกดึงออกมาใช้จนหมด เงินที่เหลือของร้านค้าก็จะไม่พอจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานในร้านขายเสื้อผ้ากับพนักงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนที่ต้องจ่ายในเดือนหน้า ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็คงไม่สามารถนำเงินออกมาใช้ได้

อย่างไรก็ตาม ด้วยค่ายกลรวบรวมโชคลาภที่เขามี ฉินหยุนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสิ่งใดเลย

ในที่สุดฉินหยุนก็มาถึงถนนย่านการค้าซึ่งมีร้านค้าเล็กๆขนาด 40 ตารางเมตรตั้งอยู่

"เสี่ยวหยุน ตอนนี้แกเหลือเงินเท่าไร?" ฉินลู่มองไปที่น้องชายของเธอและอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

ก่อนหน้านี้ฉินหยุนบอกกับเธอว่าเขามีเงินมากกว่า 30 ล้าน ซึ่งเธอก็เดาว่าเขามี 30 ล้านพอดี ฉินหยุนอาจจะแค่กล่าวเกินมาสักนิดหน่อย

แต่ตอนนี้เขาใช้เงินไปแล้วถึง 34 ล้านหยวน แถมเขายังต้องการซื้อร้านค้าเพิ่มอีกด้วยซ้ำ!

"พี่รอง นี่คือเงินก้อนสุดท้ายแล้ว" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลังจากซื้อร้านค้าร้านนี้แล้ว แม้ว่าจะให้เขาซื้ออีกครั้ง เขาก็ไม่เหลือเงินมาให้ซื้อแล้ว

ในไม่ช้าเจ้าของร้านก็มาถึง และคนที่มาก็เป็นคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะอยู่ในช่วงละเอียดอ่อนและไม่ลงรอยกันสักเท่าไร

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว เป็นไปได้ว่าทั้งคู่หย่าร้างกันและต้องการจะขายร้านเพื่อแบ่งปันทรัพย์สิน

ฉินหยุนไม่ได้กล่าวอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าของร้านคนก่อนก็ขายร้านของพวกเขาด้วยเหตุผลหลากหลายประการ

หลังจากเจรจาต่อรองราคากัน ในที่สุดเขาก็ใช้เงิน 2 ล้านหยวนเพื่อซื้อร้านแห่งนี้มา

จนถึงตอนนี้ฉินหยุนได้ซื้อร้านค้าด้วยเงินสดเต็มจำนวนมาแล้ว 8 แห่ง

ร้านค้า 6 แห่งมีขนาด 40 ตารางเมตร และร้านค้าอีก 2 แห่งมีขนาดพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตร รวมแล้วใช้เงินไปทั้งหมด 36 ล้านหยวน!

นี่เป็นจำนวนเงินที่ฉินหยุนสามารถเอาออกมาได้เต็มที่แล้ว

ฉินหยุนยืนอยู่ในร้านที่เพิ่งซื้อมา เขามองเข้าไปที่ในระยะไกล ตรงนั้นมีร้านขายเสื้อผ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งมันก็คือร้านเสื้อผ้าหานลู่ที่มีขนาดพื้นที่ 150 ตารางเมตร

พื้นที่ดังกล่าวเป็นเพียงขนาดทั่วไปสำหรับร้านเสื้อผ้าหานลู่เท่านั้น ร้านค้าส่วนใหญ่ในเมืองจินหลิงต่างก็มีขนาด 100 ตารางเมตร และมีร้านค้าขนาดใหญ่หลายแห่งที่มีพื้นที่มากกว่า 300 ตารางเมตร

‘ยังไงก็ตาม แค่นี้ยังไม่พอ’ ฉินหยุนคิดอย่างเงียบๆในใจของเขา

อีก 10 วันก็จะเป็นวันที่ 1 ธันวาคม เมื่อค่ายกลรวบรวมโชคลาภทั้ง 3 จุดเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็จะมีร้านค้าในเมืองจินหลิงมากถึง 12 แห่ง!

"พี่รองครับ ถ้าผมเอาร้านที่เพิ่งซื้อมาไปจำนองกับธนาคาร ผมจะกู้ได้เท่าไร?"

ฉินหยุนมองไปที่ฉินลู่พี่รองของเขา จากนั้นก็เอ่ยถามออกมาทันที

"เอาร้านไปจำนอง?!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินลู่ก็รู้สึกตกใจ ทีแรกเธอคิดว่าน้องชายของเธอซื้อร้านค้าเหล่านี้ก็เพื่อความมั่นคงและรอเกร็งราคาที่ดิน แต่ตอนนี้เพิ่งจะเสร็จสิ้นการซื้อขายได้ไม่นาน ฉินหยุนก็คิดเกี่ยวกับการเอาร้านค้าไปจำนองแล้ว

"เสี่ยวหยุน แกจะกู้เงินมาทำไมงั้นเหรอ?" ฉินลู่อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

ฉินหยุนก็อธิบายกับเธอว่า "แผนของผมคือ ผมจะซื้อร้านค้าที่มีขนาดมากกว่า 200 ตารางเมตร 4 แห่ง และร้านที่มีขนาด 40 ตารางเมตร 8 แห่ง ตอนนี้ยังเหลืออีกสี่แห่งที่ยังขาดอยู่"

ตามที่ฉินหยุนได้คาดการณ์ไว้ เขายังมีร้านค้าที่มีขนาดพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตรอีก 2 แห่ง และร้านค้าขนาด 40 ตารางเมตรอีก 2 แห่งที่ต้องการจะซื้อ

เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน ฉินลู่ก็ส่ายหัวของเธอทันที เธอกล่าวว่า "เสี่ยวหยุน ถ้าแกจะเอาร้านค้าไปจำนองเพื่อกู้เงินมาซื้อร้านค้า วิธีนี้น่าจะยาก สินเชื่อจำนองบ้านเป็นสินเชื่อผู้บริโภคประเภทหนึ่ง สำหรับสิ่งนี้ ธนาคารมีข้อกำหนดบางอย่างที่ไม่สามารถให้เอาบ้านไปจำนองเพื่อซื้อบ้านอีกหลังได้โดยตรง เพราะรัฐบาลต้องการป้องกันไม่ให้นักเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์บางคนหาเงินด้วยวิธีนี้"

เธออธิบายให้ฉินหยุนฟัง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า "มีข้อจำกัดพวกนี้ด้วยเหรอครับ?"

อันที่จริงแล้วเขาไม่ค่อยรู้เรื่องเหล่านี้มากนัก

"ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าผมไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้งั้นเหรอ?" ฉินหยุนถาม

เขาจะเอาร้านค้าที่เพิ่งซื้อมาไปจำนองเพื่อกู้เงิน แต่ธนาคารกลับมีข้อจำกัดมากมาย

"ไม่ใช่ซะทีเดียว"

ฉินลู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "แกเปิดร้านค้าในเมืองจินหลิงไปแล้วเก้าแห่ง ดังนั้นแกจึงสามารถใช้ร้านค้าเหล่านั้นเพื่อยื่นขอสินเชื่อได้ และเหตุผลที่แกต้องใช้ในการเอาร้านค้าไปจำนองก็ไม่จำเป็นต้องเป็นการซื้อร้านค้าเพิ่มก็ได้ แต่แกสามารถใช้เหตุผลว่าเป็นการเอาเงินไปดำเนินการภายในร้านค้า ขยายสาขา หรือว่าใช้เป็นเงินทุนสำรองในการจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานในร้านได้ ท้ายที่สุดแล้วทั้งหมดนี้ก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และเงินที่ได้รับจากการเปิดร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็สามารถนำไปใช้ซื้อร้านค้าเพิ่มอย่างไม่มีข้อจำกัดจากธนาคารอะไร แถมยังมีช่องว่างมากมายให้สามารถจัดการได้ ทั้งหมดที่พวกเขาสนใจคือการที่จะสามารถชำระเงินกู้ได้ทันเวลาไหมแค่นั้นแหละ"

"แต่ยังไงก็ตาม การยื่นขอสินเชื่อประเภทนี้จะต้องแสดงผลประกอบการรายเดือนของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนให้ทางธนาคารดูด้วย"

ธนาคารมีหน้าที่ปล่อยสินเชื่อ และถ้าหากคุณมีความสามารถในการชำระคืน ไม่ว่าธนาคารไหนก็จะเต็มใจที่จะให้สินเชื่อกับคุณ

ฉินหยุนพยักหน้า

จำนวนสาขาของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเพิ่มขึ้นทุกเดือน และยอดขายในเดือนนี้คาดว่าจะมากถึง 10 ล้านหยวนเลยทีเดียว ซึ่งเพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถในการชำระหนี้ของเขาได้

"ยังไงก็เถอะเสี่ยวหยุน แกจะใช้เงินมาเปิดร้านขายเสื้อผ้าต่อไปจริงๆงั้นเหรอ?" ฉินลู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

แม้ว่าเธอจะเป็นพี่สาวของฉินหยุน แต่เธอคิดว่าหานลู่นั้นแข็งแกร่งกว่าเทียนหยุนมาก ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

แต่ตอนนี้ฉินหยุนยังคงเลือกที่จะแข่งขันกับพวกเขาและไม่ยอมแพ้

"แน่นอนว่าเราต้องเปิดมันต่อ ไม่ว่าจะแบรนด์เสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงใดๆ พวกเขาต่างก็เคยประสบปัญหาในตอนที่เริ่มต้นธุรกิจกันทั้งนั้น ถ้าหากเราเผชิญหน้ากับปัญหา แต่กลับเอาแต่ถอยหลัง เราจะกล้าเรียกตัวเองว่าแบรนด์เสื้อผ้าได้ยังไง"

ฉินหยุนมองไปที่ร้านค้าข้างหลังของเขาพลางยิ้มออกมา

ความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มา แต่สำหรับเขา เส้นทางสู่ความสำเร็จนั้นกว้างไกลกว่าคนอื่นๆมาก

เมื่อมองไปที่น้องชายของเธอ ฉินลู่ดูเหมือนจะรู้สึกถึงความมั่นใจขึ้นมากทันที

"โอเค"

เธอพยักหน้าและกล่าวว่า "พรุ่งนี้เราจะไปธนาคารเพื่อขอสินเชื่อกัน"

ในขณะนี้เป็นเวลาช่วงเย็นแล้ว และธนาคารก็กำลังจะปิด

ซึ่งเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเช้าวันถัดมาก็มาถึง

(จบตอน)