"หลิวซิน นายกลับมาแล้วเหรอ?"
"ทำไมนายถึงกลับไปที่บ้านเกิดของนายอย่างกะทันหันล่ะ?"
จ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆเข้าไปหาและพากันเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นหลิวซินกลับมา
ฉินหยุนก็เข้าไปหาและเอ่ยถามกับเขาเช่นกัน
หลิวซินไม่ได้กล่าวอะไรมาก เขาเก็บข้าวของของเขาให้เข้าที่เข้าทางอย่างเงียบๆ หลายๆคนในห้องพักต่างก็ยืนมองหน้ากัน ซึ่งพวกเขาเห็นได้ชัดเจนว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านของหลิวซินแน่นอน
แต่แค่เขาไม่อยากพูดมันออกมา
เดิมทีฉินหยุนก็ไม่ได้กล่าวอะไรหรือถามคำถามอะไรมากเมื่อตอนที่เห็นเขา แต่หลังจากนั้นสักพักหลิวซินก็เดินมาหาเขาตอนที่เขาอยู่คนเดียว
"พี่ฉิน ฉันขอยืมเงินหน่อยได้ไหม?"
หลังจากเจอฉินหยุน หลิวซินก็พูดเข้าเรื่องเกี่ยวกับการขอยืมเงินทันที สีหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยความหวัง
"ยืมเงินงั้นเหรอ?"
ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามเขาว่า "นายอยากยืมเท่าไร?"
"สามหมื่น"
หลิวซินชะงักไปชั่วขณะ แต่ในที่สุดเขาก็กล่าวออกมา
เขามองไปที่ฉินหยุนด้วยแววตาแห่งความหวัง มีแม้กระทั่งร่องรอยของการวิงวอน
ฉินหยุนเงียบไปสักพัก เงินสามหมื่นไม่ใช่จำนวนที่น้อยๆเลย แถมเขากับหลิวซินก็ยังเป็นแค่รูมเมทกันเท่านั้น ซึ่งความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากนัก
อีกฝ่ายเอ่ยเรื่องยืมเงินจำนวนมากทันทีที่เขาเปิดปากออกมา แม้ว่าฉินหยุนจะมีเงินมากมายแต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าเขาจะให้ยืมเมื่อได้ทราบเหตุผลก่อนเท่านั้น
"ฉันถามได้ไหมว่านายจะเอาเงินมากขนาดนี้ไปทำอะไร?"
หลิวซินเงียบไปครู่หนึ่ง และในที่สุดเขาก็กล่าวว่า "น้องสาวของฉันเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว"
"มะเร็งเม็ดเลือดขาว?" ฉินหยุนผงะไปทันที
หลิวซินเงียบไปอีกครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวของเขาออกมา
ก่อนหน้านี้น้องสาวของเขารู้สึกไม่ค่อยสบายและมีไข้นิดหน่อย เธอไปที่คลินิกเล็กๆภายในหมู่บ้านเพื่อซื้อยาแก้หวัดจากหมอมากิน แต่สองสามวันผ่านมาก็ยังไม่ดีขึ้น
ต่อมา นอกจากไข้จะไม่ลดแล้ว น้องสาวของหลิวซินก็เริ่มมีอาการเลือดกำเดาไหลด้วย
เธอไปหาหมอที่คลินิกเล็กๆแห่งหนึ่ง และหมอในคลินิกเล็กๆแห่งนั้นก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เขาจึงรีบแนะนำให้ทางครอบครัวของเขาพาน้องสาวของหลิวซินไปตรวจที่โรงพยาบาลในเมือง ซึ่งหมอคนนั้นก็เป็นคนขับรถพาเธอไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
ผลการตรวจราวกับสายฟ้าฟาดที่ผ่าลงมาจากท้องฟ้า น้องสาวของหลิวซินถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
โรงพยาบาลในเขตไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้ ดังนั้นทางแพทย์จึงแนะนำให้ย้ายน้องสาวของหลิวซินไปยังโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง เมื่อหลิวซินรู้ผลการตรวจของน้องสาว เขาก็รีบกลับไปในคืนนั้นทันที ในตอนแรกพวกเขาพาตัวน้องสาวของหลิวซินเข้ารักษาอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ในเมือง แต่ระดับความก้าวหน้าทางการแพทย์ในบ้านเกิดของเขายังคงต่ำอยู่เล็กน้อย ทางโรงพยาบาลใหญ่ในเมืองจึงแนะนำให้ไปโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงในเมืองใหญ่กว่าเพื่อรับการรักษาที่ดีที่สุด และในที่สุดครอบครัวของหลิวซินก็พาน้องสาวของเขามาที่จินหลิง ด้วยการยื่นเรื่องติดต่อของทางโรงพยาบาล
อันที่จริงหลิวซินกลับมาที่จินหลิงได้สักพักแล้ว
ครอบครัวของเขายากจนมาก บ้านเกิดของเขาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ และสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในหมู่บ้านก็อยู่ในระดับธรรมดาทั่วไป
การรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ซึ่งราวกับเป็นหลุมลึกสำหรับครอบครัวของหลิวซินเลยก็ว่าได้
พ่อแม่ของหลิวซินได้ขอยืมเงินบางส่วนมาจากญาติพี่น้อง บางคนก็ให้ยืมเงิน แต่ส่วนใหญ่รู้สถานการณ์ของครอบครัวหลิวซินดี และคิดว่าถ้าให้ยืมแล้วอาจจะไม่ได้คืน ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธที่จะให้ยืมเงิน
ส่วนผู้ที่เต็มใจให้ยืมเงินนั้น โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาก็คิดที่จะให้ไปเลย โดยไม่ได้หวังให้ทางครอบครัวของหลิวซินใช้คืน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเงินจำนวนมากนัก
ตอนนี้พวกเขามีเงินอยู่ในมือเพียงหลักหมื่นหยวนเท่านั้น
จากนั้นพ่อกับแม่ของหลิวซินก็ยังขอให้คนอื่นช่วยขายบ้านหลังที่พวกเขาอยู่อาศัยให้
อย่างไรก็ตาม หมู่บ้านที่บ้านหลังนั้นตั้งอยู่ อยู่ในสถานที่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะมีคนอื่นมาขอซื้อมันนั้นน้อยมากเช่นกัน แม้ว่ามันจะขายได้ ก็คาดว่าน่าจะขายได้แค่ในราคา 12,000-30,000 หยวน ซึ่งนี่ก็ถือว่าดีมากแล้ว
แน่นอน ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็คือไม่น่าจะขายได้เลย
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรวบรวมเงินด้วยวิธีอื่น
หลิวซินพยายามขอความช่วยเหลือทางการแพทย์จากสื่อออนไลน์ แต่ผลที่ได้ก็ไม่ดีมากนัก เมื่อเขามาถึงที่จินหลิง หลิวซินก็กลับไปที่มหาลัยเพื่อขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิการกุศลของทางมหาลัยเช่นกัน อย่างไรก็ตามงบการช่วยเหลือของมหาลัยก็มีจำนวนจำกัด และที่นี่คือมหาลัยขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงมีเหล่านักศึกษาสมัครขอความช่วยเหลือกันมากมาย ซึ่งเคสของเขาก็ไม่ใช่กรณีพิเศษ ความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จในการขอทุนการรักษาพยาบาลจึงมีน้อยมาก และแม้ว่าใบสมัครจะได้รับการอนุมัติจากทางมหาลัย แต่ทุนการรักษาพยาบาลที่ได้ก็น่าจะไม่มากนัก
การรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้น วิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดก็ยังต้องใช้เงินหลายแสนหยวนเป็นอย่างต่ำ
"พี่ฉิน ฉันจะเก็บใบเสร็จโอนเงินที่ฉันยืมพี่เอาไว้ ในอนาคตฉันจะคืนให้พี่ทั้งหมดแน่นอน" หลิวซินกล่าว
เสียงของเขาแหบแห่งเล็กน้อย และดูเหมือนว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้นอนเลย
เมื่อมองไปที่หลิวซินที่ปกติไม่ใช่คนที่ดูกระตือรือร้นเช่นนี้ ฉินหยุนก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล เขากล่าวว่า "ได้ ฉันจะให้นายยืม"
เขาจะไม่ใช่นักบุญ แต่เมื่อได้ยินหลิวซินบอกว่าน้องสาวของเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เขาก็หยิบเงินจำนวนมากออกมามอบให้อีกฝ่ายทันที และบอกกับเขาว่าไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้ด้วยคำพูดที่ฟังดูดีเหล่านั้น
มีคนโชคร้ายมากมายในโลกใบนี้ ซึ่งเขาก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ทุกคน
อีกฝ่ายขอยืมเงิน 30,000 หยวน ซึ่งเขาก็ให้ความช่วยเหลือตามความสามารถของเขาเท่านั้น และสำหรับเงิน 30,000 หยวนนี้ เขาไม่ต้องการให้หลิวซินจ่ายเงินคืนให้กับเขา
"ถ้านายต้องการความช่วยเหลืออะไร นายก็มาหาฉันอีกทีได้"
หลังจากโอนเงิน 30,000 หยวนไปแล้ว ฉินหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเลือกที่จะกล่าวออกมา
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใจจืดใจดำอะไรขนาดนั้น
"ขอบคุณมากพี่ฉิน!" เมื่อได้ยินที่ฉินหยุนกล่าว หลิวซินก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง เขาเอ่ยคำว่าขอบคุณออกมาอีกหลายคำ
และเขาก็ทำการพิมพ์สัญญา IOU [1]ในแชทอย่างเคร่งขรึมและตั้งใจ
เสร็จเรื่องแล้วหลิวซินก็จากไปอีกครั้ง และหลังจากอยู่ที่มหาลัยได้สักพัก เขาก็มาถึงวอร์ดคนไข้ของโรงพยาบาลกู่โหลว หนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำทั้งสามแห่งภายในเมืองจินหลิง
มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ดูอายุ 11-12 ปีคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล ใบหน้าของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ดูซีดขาวมาก และผมของเธอก็ถูกโกนออกไปจนหมด ทีแรกเธอดูไม่มีชีวิตชีวามากนัก แต่เมื่อเธอได้เห็นหลิวซินเธอก็มีความสุขขึ้นมาทันที เธอรีบเอ่ยเรียกเขา "พี่ชาย"
"เสี่ยวตัน" เมื่อมองไปที่น้องสาวของเขา ดวงตาของหลิวซินเต็มไปด้วยความเศร้า แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มออกมาอยู่บนใบหน้า
"เป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?"
เขาก้าวเข้าไปหาน้องสาวพลางถามด้วยเสียงเบาๆ
"พี่ชาย หนูรู้สึกไม่สบายทุกที่เลย" เมื่อได้ยินคำถามของหลิวซิน เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆก็กล่าวด้วยความอึดอัดเล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำกล่าวของน้องสาว หลิวซินก็เอ่ยปลอบโยนเธอ "เสี่ยวตัน เมื่ออาการป่วยของน้องหายดี เดี๋ยวเราก็ได้กลับบ้านกันแล้วนะ"
ในเวลานี้ มีคนอีกสองคนนั่งอยู่ข้างเตียงภายในห้องพยาบาล คนหนึ่งเป็นชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของกาลเวลา ชายผู้นี้ดูเหมือนว่าจะมีอายุหกสิบเศษๆ สีผิวของเขาดูซีดเซียว และร่างกายที่ดูโค้งงอ เขาคือหลิวกั๋วหมิน พ่อของหลิวซิน ซึ่งก็คือคนที่ไปส่งหลิวซินที่หอพักก่อนหน้านี้
นอกจากผู้ชายแล้ว ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะมีอายุมากเช่นกัน ศีรษะของเธอแทบจะปกคลุมด้วยผมสีขาว
ในเวลานี้พวกเขากำลังทานอาหารอยู่
แม้ว่าจะบอกว่าเป็นอาหาร แต่ก็เป็นแค่ข้าวขาวอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีกับข้าวอย่างอื่นสักจานเลย ดังนั้นผู้เฒ่าทั้งสองจึงเทน้ำเดือดลงใส่ในถ้วยข้าวและทานเข้าไปโดยตรง
"เสี่ยวซิน กลับมาแล้วเหรอลูก" เมื่อเห็นลูกชายของเขาเข้ามา หลิวกั๋วหมินก็รีบลุกขึ้นยืน
หลิวซินกล่าวสองสามคำกับน้องสาวของเขา พยักหน้าให้ผู้เป็นพ่อ จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากวอร์ดคนไข้ไป
"เรื่องเงิน..." หลิวกั๋วหมินอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
เขาอายุมากแล้ว แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาจะแก่ขึ้นไปอีกหลายปีเลยทีเดียว ร่างกายของเขาก็เริ่มง่อนแง่นโงนเงนยิ่งกว่าเดิม
ตอนนี้เงินที่พวกเขามีอยู่จ่ายไปให้กับทางโรงพยาบาลจนหมดแล้ว และก็ไม่มีใครยอมให้เขายืมเงินอีกต่อไปแล้วด้วย
"พ่อครับ ผมขอยืมเงินจากเพื่อนร่วมชั้นมา" หลิวซินกล่าว
"ลูกยืมเงินมาเท่าไร?" เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายกล่าว หลิวกั๋วหมินก็รีบเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
"สี่หมื่น"
หลิวซินไม่เพียงแต่ยืมเงินจากฉินหยุนเท่านั้น แต่ยังขอยืมเงินจากจ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆอีกด้วย
เมื่อได้ยินว่าลูกชายของเขายืมเงินมามากมายและลูกสาวของเขามีเงินเพียงพอสำหรับการทำเคมีบำบัด ใบหน้าที่เศร้าหมองของหลิวกั๋วหมินก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็เริ่มกังวลขึ้นอีกครั้ง "เรายืมเงินมามากมายเลย แล้วต่อไปนี้เราจะใช้คืนพวกเขาได้ยังไง"
(จบตอน)
——————————————————————————————
IOU = ย่อมาจาก I owe you ความหมายก็คือ ฉันเป็นหนี้คุณนะ, คำรับรองว่าเป็นลูกหนี้
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved