สุดท้ายฉินหยุนและคนอื่นๆก็ออกจากร้านเสื้อผ้าหานลู่ไป
เมื่อเห็นพวกเขาออกไปแล้ว หญิงวัยกลางคนก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออกทันที
...
ในอาคารสำนักงานในเมืองจินหลิง
อาคารสำนักงานแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 500 ตารางเมตร และก็มีพนักงานเข้าๆออกๆอยู่ตลอดเวลา
ในเวลานี้ คนสองสามคนกำลังนั่งอยู่ในสำนักงานอย่างเป็นกันเอง
หนึ่งในนั้นมีใบหน้าที่ดูคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาก็คือเฝิงเทียนจวิน
และที่อยู่ตรงข้ามกับเฝิงเทียนจวิน มีชายหนุ่มผมยาวคนหนึ่งนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางเกียจคร้าน
"ฉันไม่ได้เจอนายแค่สองสามปี แต่จั่วหาน นายเปลี่ยนไปมากจริง" เฝิงเทียนจวินยิ้มพลางกล่าวออกมา
"เปลี่ยนไปอะไรกัน? ตอนนี้ฉันก็ยังคงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากครอบครัวอยู่เลย" จั่วหานส่ายหัวและกล่าวว่า "ไม่เหมือนกับนาย สามารถสร้างธุรกิจใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นมาจากศูนย์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่ของนายเลย"
พวกเขารู้จักกันเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดีมากเช่นกัน
เฝิงเทียนจวินยิ้ม เขาไม่ต้องการสืบทอดธุรกิจของครอบครัว ดังนั้นเขาจึงออกมาทำงานหนักสร้างบริษัทด้วยตัวเอง
แน่นอน เมื่อมาถึงจุดนี้เขาไม่ได้พึ่งพาแค่ตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น ครอบครัวของเขาก็ให้ความช่วยเหลือกับเขาบ้างเช่นกัน แต่ความช่วยเหลือก็คือความช่วยเหลือ เขาที่สามารถมาถึงจุดนี้ได้ภายในเวลา 3 ปี ถือว่าไม่ควรมองข้าวความสามารถส่วนตัวเลย
สำหรับจั่วหาน เขาไม่ได้ต้องการออกมาสู้ด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ ที่เขาต้องการก็แค่ฝึกฝนไปที่ละขั้นๆตามโอกาสที่ครอบครัวมอบให้ แล้วค่อยๆเข้าไปสืบทอดทรัพย์สินบางส่วนของครอบครัว
"เทียนจวิน ตอนนี้นายเริ่มเปิดร้านขายเสื้อผ้าแล้วงั้นเหรอ?" หลังจากกล่าวอีกไม่กี่คำ จั่วหานก็เอ่ยถามขึ้น
"ใช่ ฉันเพิ่งเปิดร้านขายเสื้อผ้าจวินชิงไป" เฝิงเทียนจวินกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ "ฉันคิดว่าตลาดเสื้อผ้าในประเทศยังมีที่ว่างให้เข้าไปได้"
"ถ้างั้นนายควรจัดการมันให้ดี ที่ฉันมาในครั้งนี้ก็เพื่อเตรียมตัวสำหรับการขยายแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ในเมืองจินหลิง" จั่วหานกล่าวอย่างสบายๆ
"อีกอย่างตอนนี้ฉันกำลังจัดการกับร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆแห่งหนึ่งอยู่ และเมื่อฉันจัดการกับมันเสร็จแล้ว ฉันจะเริ่มดำเนินการขยายสาขาอย่างเต็มกำลังทันที"
"จัดการกับร้านเสื้อผ้าเล็กๆงั้นเหรอ?" เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฝิงเทียนจวินก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาถามด้วยรอยยิ้มว่า "มีคนที่สามารถทำให้บอสจั่วขุ่นเคืองได้ด้วยเหรอ?"
เขารู้จักจั่วหานดี เขาเป็นคนที่มีจิตใจคับแคบมาก ถ้าหากว่ามีใครกล้าที่จะทำให้เขาโกรธ จุดจบของคนๆนั้นคงน่าสังเวชมาก
"ไม่ใช่ฉันหรอกที่ขุ่นเคือง ถ้าเป็นฉันจริงๆมันก็คงจัดการได้อย่างง่ายๆไปแล้ว"
จั่วหานกล่าวต่ออย่างไม่ใส่ใจ "ร้านขายเสื้อผ้านั่นทำให้แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ของเราขุ่นเคืองต่างหาก"
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเขา เฝิงเทียนจวินก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ แม้ว่าแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่จะด้อยกว่าแบรนด์เสื้อผ้าแบรนด์ดังอย่าง Anta และแบรนด์ดังอื่นๆ แต่อิทธิพลของพวกเขาในมณฑลเจ้อเจียงยังถือว่าค่อนข้างใหญ่ สามารถครองตลาดขนาดใหญ่มาได้อย่างยาวนาน แต่ตอนนี้พวกเขากลับมาที่นี่เพื่อจัดการกับร้านขายเสื้อผ้าขนาดเล็กแห่งหนึ่ง?
"ร้านเสื้อผ้าร้านไหนงั้นเหรอ?" เฝิงเทียนจวินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างสงสัย
"แค่ร้านเสื้อผ้าเล็กๆที่เพิ่งเปิดได้ไม่กี่เดือนน่ะ ชื่อร้านเทียนหยุน" จั่วหานกล่าวออกมาทันทีโดยที่ไม่ได้มีความกังวลใดๆ
"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเฉียนเฉียนซึ่งอยู่ข้างๆเฝิงเทียนจวิน ก็แสดงความประหลาดใจออกมาบนใบหน้าของเธอ
ฉินหยุนเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเซียวหลาน ลูกพี่ลูกน้องของเธอ และก่อนหน้านี้เขาก็เคยคบกับเซียวหลาน แต่ในภายหลังพวกเขาก็แยกทางกัน
ในความเห็นของเธอ ช่องว่างระหว่างครอบครัวของพวกเขามันมีมากเกินไป และเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกันในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอรู้ตัวตนของฉินหยุนในภายหลัง เธอก็รู้สึกตกใจมาก
ในสายตาของเธอ ฉินหยุนซึ่งเป็นเพียงแค่นักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆที่ครอบครัวมีฐานะธรรมดาทั่วไป กลับเปิดร้านขายเสื้อผ้าในจินหลิงได้ถึง 9 สาขา ซึ่งเรื่องนี้มันทำให้เธอประหลาดใจอยู่เป็นเวลานานเลย
จากนั้นเธอก็ถามเหวินหยุนแม่ของเซียวหลานโดยเฉพาะ แต่เหวินหยุนก็ตอบอย่างแน่ใจว่าครอบครัวของฉินหยุนเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีเบื้องหลังอะไร
ร้านขายเสื้อผ้าเหล่านี้ เริ่มต้นโดยฉินหยุนตั้งแต่แรก
เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงนี้ ความประทับใจของเธอที่มีต่อฉินหยุนก็เปลี่ยนไป สามารถเริ่มต้นธุรกิจมาได้ถึงขั้นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถแน่นอน
เธอรู้สึกชื่นชมคนเช่นนี้มาโดยตลอด
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะให้ความสนใจกับฉินหยุนต่อ
ก็แค่เปิดร้านค้าไม่กี่แห่ง ซึ่งยังเทียบกับพวกเธอไม่ได้เลย ถ้าอยากจะทำให้กิจการใหญ่โตขึ้นจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องฝันฝ่าอุปสรรคอีกมากแค่ไหน
เช่นเดียวกับเฝิงเทียนจวินที่เริ่มต้นธุรกิจของเขาเองมาตลอดทาง เธอไม่รู้ว่าเขาเอาชนะความยากลำบากมามากเพียงใด และแม้ว่าจะมีการสนับสนุนอยู่ข้างหลังจากครอบครัวของเขา แต่ในที่สุดเขาก็ยังมาถึงจุดนี้ด้วยความยากลำบากมากอยู่ดี
ในช่วงแรกของการเป็นผู้ประกอบการนั้นง่ายมาก แต่การจะทำให้กิจการเติบโตนั้นเป็นเรื่องยากอย่างน่าเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตาม ที่ร้านเสื้อผ้าของเขามาถึงขั้นนี้ได้ก็เพราะอุปสรรคต่างๆของเขาเองยังไม่ปรากฏขึ้น แต่สุดท้ายฉินหยุนก็ถูกแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่เข้าขัดขวางจนได้
เซียวเฉียนเฉียนรู้สึกประหลาดใจเพียงแค่ครู่เดียว จากนั้นเธอก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้
ในเวลานี้เฝิงเทียนจวินก็ผงะไปเช่นกัน เมื่อเขาได้ยินคำกล่าวของจั่วหาน
"เทียนจวิน นายรู้จักร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนด้วยงั้นเหรอ?" เมื่อสังเกตสีหน้าของเฝิงเทียนจวิน จั่วหานก็เอ่ยถามอย่างสงสัย แต่ก่อนที่เขาจะได้คำตอบจากอีกฝ่าย ทันใดนั้นเขาก็จำอะไรบางอย่างได้ก่อน
"ยังไงก็เถอะ ร้านเสื้อผ้าจวินชิงที่นายพูดถึงเมื่อกี้ ดูเหมือนมันจะอยู่บนถนนย่านการค้าในเขตเจียงหนิงด้วยนี่ ที่นั่นก็มีร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนตั้งอยู่ด้วย"
เขาเคยอ่านข้อมูลที่ชายวัยกลางคนให้มาก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาก็จำเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าขนาดใหญ่ในสถานที่เหล่านี้ได้ แต่ไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนัก
"แน่นอนว่าฉันรู้จัก"
เฝิงเทียนจวินพยักหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวว่า "แถมฉันยังรู้จักเจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอีกด้วย"
"พวกนายเป็นเพื่อนกันงั้นเหรอ?" เมื่อได้ยินเช่นนี้ จั่วหานก็ขมวดคิ้วทันที
ฉินหยุนคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฝิงเทียนจวิน? หรือว่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังเขา?
หากเป็นเช่นนี้ การจัดการกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็จะยากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาก็จะต้องแก้ปัญหาเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนให้ได้ แม้ว่าจะต้องมีปัญหากับเพื่อนของเขาก็ตาม เพราะเขาก็ไม่สามารถถอยหลังกลับได้แล้ว
ดังนั้นเขาจึงหวังว่าทุกอย่างมันจะดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มทำงานให้กับบริษัทตั้งแต่เขากลับมาที่ประเทศจีน ด้วยสายตามากมายที่เฝ้าดูเขาอยู่ แม้ว่าแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่จะถูกสร้างขึ้นโดยคุณปู่ของเขา แต่ถ้าผลงานของเขาแย่เกินไป ความเป็นไปได้ที่เขาจะกลายเป็นผู้สืบทอดต้องลดลงมากแน่นอน
เช่นเดียวกับบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง เมื่อคนรุ่นหลังของผู้บริหารไม่มีความสามารถมากพอ บริษัทก็จะถูกส่งต่อให้ทีมงานมืออาชีพดูแลแทนพวกเขา และคนรุ่นหลังเหล่านั้นก็จะได้รับเพียงเงินปันผลบางส่วนเป็นประจำเท่านั้น
เขาไม่ได้ต้องการเช่นนั้นเลย
"แทบจะไม่นับว่าเป็นเพื่อนกันเลย เราเคยเจอกันแค่สองครั้งเอง" เฝิงเทียนจวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"แบบนี้นี่เอง"
จั่วหานรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ความหมายของเฝิงเทียนจวินนั้นเรียบง่ายและชัดเจนมาก ทั้งสองคนถือว่าเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อเขาจัดการกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน จึงเป็นไปไม่ได้ที่เฝิงเทียนจวินและกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังเขาจะดำเนินการแทรกแซง
"ยังไงก็ตาม ด้วยวิธีการของเรา การจัดการกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนของฉินหยุน น่าจะส่งผลกระทบต่อร้านเสื้อผ้าจวินชิงของนายด้วย ช่วงนี้ฉันขอแนะนำให้นายเริ่มเปลี่ยนไปขายเสื้อผ้าราคาสูงๆจะดีกว่า"
จั่วหานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
เขาได้เปิดเผยแผนการบางส่วนของเขาออกมา
"ตกลง ฉันจะฟังนาย" เฝิงเทียนจวินพยักหน้า
"งั้นก็เอาล่ะ ฉันขอตัวก่อน เรื่องที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว และคืนนี้ฉันก็มีนัดด้วย" จั่วหานยืนขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา
เขาโบกมือลาแล้วออกจากที่นี่ทันที
เมื่อเห็นว่าเงาร่างของจั่วหานหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเฝิงเทียนจวินก็ค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ และสีหน้าของเขาก็เหมือนกับกำลังครุ่นคิดเรื่องที่ลึกซึ้งบางอย่าง
ร้านเสื้อผ้าของแบรนด์หานลู่เปิดขึ้นที่ถนนย่านการค้าในเขตเจียงหนิง ดังนั้นมันจึงกลายเป็นคู่แข่งของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม โดยเนื้อแท้แล้วการทำธุรกิจต่างๆก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงการแข่งขัน
"ไม่คิดเลยว่าฉินหยุนจะตกเป็นเป้าหมายของหานลู่ น่าเสียดายจริงๆ" หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฝิงเทียนจวินก็ถอนหายใจออกมา
ข้างๆเขา เซียวเฉียนเฉียนก็กล่าวขึ้นเช่นกันว่า "ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่มันเป็นที่นิยมอย่างมาก จนนักธุรกิจคนอื่นรู้สึกเหมือนกับถูกปล้นเงิน ซึ่งมันกระทบต่อผลประโยชน์ของทุกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะถูกคนอื่นจัดการ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครลงมือก็ตาม แต่ในอนาคตจะต้องมีคนที่ออกมาจัดการแน่นอน"
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved