ในเช้าแรกของวันตรุษจีน กว่าฉินหยุนจะตื่นก็เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว เป็นเพราะว่าเมื่อวานเขานั่งปัดโทรศัพท์อยู่ทั้งคืน
หลังจากที่เปิดโทรศัพท์ขึ้นมา ข้อความในแต่ละกลุ่มเกือบทั้งหมดเป็น 99+
โดยปกติแล้วทุกๆคนจะทำงานจนเหน็ดเหนื่อยอยู่ตลอดทั้งปี ตรุษจีนเป็นช่วงเวลาเดียวที่ใครหลายๆคนจะมีโอกาสได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
"เสี่ยวหยุน เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วเราไปเยี่ยมปู่กับย่ากันนะ" ฉินกั๋วตงพูด
"ครับพ่อ" ฉินหยุนพยักหน้า
ปู่กับย่าของฉินหยุนอาศัยอยู่ในบ้านพักสำหรับคนชรา ในช่วงตรุษจีนฉินกั๋วเหลียงและฉินกั๋วตงทั้งคู่ต่างก็ต้องการจะไปรับพวกท่านมาที่บ้าน แต่คนชราทั้งสองไม่เต็มใจที่จะมา
หลังจากทานอาหารเสร็จพวกเขาก็ออกเดินทางทันที เมื่อพวกเขามาถึง ทั้งครอบครัวของฉินกั๋วเหลียงและครอบครัวของฉินกั๋วปินก็อยู่ที่นี่กันหมดแล้ว เช่นเดียวกับครอบครัวของฉินตงเหมยป้าของฉินหยุน
ปู่ของฉินหยุนมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนักเหมือนกับปีก่อนๆ แต่เมื่อเขาได้เห็นผู้คนจำนวนมากที่มาในวันนี้ ผิวพรรณของเขาก็ดีขึ้นกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
"กั๋วตงกับฉินหยุนมาแล้ว"
เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังเดินเข้ามา ปู่ ของฉินหยุนก็ยิ้มและเรียกฉินหยุนให้เขาไปหา
ไม่ไกลจากตรงนี้ ฉินเฝิงอวี่จากครอบครัวของลุงสามก็เห็นฉินหยุนเช่นกัน ฉินหยุนถูกผู้เฒ่าฉินจับมือไว้และพูดคุยกันอยู่เป็นเวลานาน
ฉินเสี่ยวเทาก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาพาหูซานซานมาที่บ้านของเขาตั้งแต่ก่อนวันตรุษจีนแล้ว จากนั้นทั้งสองก็ไปที่บ้านของหูซานซานด้วยกัน แต่ทั้งคู่ไม่ได้เลือกฉลองปีใหม่กันที่บ้านของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงกลับมาตั้งแต่คืนวันที่ 29 ของวันตรุษจีนแล้ว
นอกจากฉินเสี่ยวเทาแล้ว ลุงใหญ่ฉินกั๋วเหลียงยังมีลูกชายอีกคนหนึ่งชื่อว่าฉินเสี่ยวไห่ ซึ่งปีนี้เขาไม่ได้กลับมา
ตอนนี้ฉินเสี่ยวไห่อายุ 26 ปีและกำลังทำงานอยู่ที่โรงงานเครื่องจักรในเมือง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ในครอบครัวก่อนหน้านี้ ฉินกั๋วเหลียงและจางพ่านตี้รู้สึกเสียใจมากที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ พวกเขาจึงมักจะพร่ำบ่นลูกชายทั้งสองคนของพวกเขาอยู่เสมอ ฉินเสี่ยวเทาถูกพูดกรอกหูจนเขากลายเป็นเฉยชากับทุกสิ่ง มักจะรู้สึกดูถูกตัวเองและเอาแต่ก้มหน้าอยู่ทั้งวัน
ส่วนฉินเสี่ยวไห่ก็ต่อต้านการสั่งสอนของพ่อแม่มาก และหลังจากทะเลาะกันสองสามครั้งเขาก็ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย
วันส่งท้ายปีเก่าปีนี้ เขาก็ไม่ได้กลับมาเหมือนเดิม
ไม่สามารถพูดได้ว่าวิธีการสั่งสอนลูกแบบนี้ไม่ดี แต่ก็ไม่มีลูกคนไหนชอบวิธีการอบรมสั่งสอนแบบนี้แน่นอน
ฉินหยุนได้ยินจากฉินกั๋วตงพ่อของเขาว่า ฉินกั๋วเหลียงลุงใหญ่ของเขาได้เรียกฉินเสี่ยวไห่ให้กลับมาที่บ้านและจะให้เขาเข้าไปทำงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุน ซึ่งมันจะสะดวกสบายมากกว่า ที่สำคัญเงินเดือนก็สูงมากขึ้น แต่ฉินเสี่ยวไห่กลับปฏิเสธไปทันที
แน่นอนว่าฉินหยุนก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ตอนที่ฉินกั๋วเหลียงโทรมาถาม
ฉินกั๋วเหลียงโกรธที่ลูกชายของเขาเอาแต่ทำงานที่ได้เงินเดือนน้อยๆและไม่ยอมกลับมา แต่สุดท้ายเขาก็ทำอะไรไม่ได้
ทั้งปู่กับย่าจับมือของฉินหยุนไว้ พวกท่านถามเกี่ยวกับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของฉินหยุน ถึงแม้ผู้เฒ่าฉินจะมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง แต่ไม่ได้หมายความว่าจิตใจของเขาจะไม่แจ่มใส
หลังจากฟังไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความโล่งใจ เขาพูดออกมาว่า "เสี่ยวหยุนของเรามีความสามารถมากจริงๆ"
"พ่อ แน่นอนว่าเสี่ยวหยุนมีความสามารถมากอยู่แล้ว"
"ตอนนี้เสี่ยวหยุนยังเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่งเท่านั้น แต่ธุรกิจของเขายิ่งใหญ่มาก และกิจการของเขาในเมืองจินหลิงก็ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตเขาต้องกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเขตชิงอู๋แน่นอน"
ป้ารองฉินตงเหมยและคนอื่นๆพากันกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
พวกเธอต่างก็ทำงานอยู่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุน แม้ว่าพวกเธอจะไม่รู้สถานการณ์ในจินหลิง แต่พวกเธอก็รู้ว่าฉินหยุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่นั่น และเสื้อผ้าส่วนใหญ่ในโรงงานก็ถูกส่งไปยังเมืองจินหลิง ดังนั้นพวกเธอจึงสามารถคาดเดาสถานการณ์ได้คร่าวๆ
เขามาถึงระดับนี้ได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาอีกหลายสิบปีของฉินหยุน เป็นไปได้จริงๆว่าชื่อของชายที่ร่ำรวยที่สุดในเขตชิงอู๋อาจจะต้องถูกเปลี่ยนมือ
"คนที่ร่ำรวยที่สุดในเขตชิงอู๋งั้นเหรอ ไม่กล้าคิดๆ"
ผู้เฒ่าฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ในดวงตาของเขาก็มีร่องรอยของความคาดหวังบางอย่าง
ต้องมีสักวันหนึ่งที่ตระกูลฉินของเขาจะพัฒนาขึ้นอย่างเต็มที่
หลังจากพูดคุยกันเป็นเวลานาน ในที่สุดผู้เฒ่าฉินก็ยอมปล่อยมือของฉินหยุน ปล่อยให้เขาไปกินไข่ต้มชา เมล็ดแตงโม และสิ่งอื่นๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินเฝิงอวี่จึงถือโอกาสเข้าไปหาและพูดว่า "เสี่ยวหยุน ฉันได้ยินจากพ่อว่านายกลับมาเมื่อสองวันก่อนงั้นเหรอ?"
ฉินหยุนพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม "พี่เสี่ยวอวี่ ทำไมพี่ไม่ไปหาผมบ้าง ผมไม่ได้เจอหน้าพี่เลย"
"ฉันนัดไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมชั้นของฉันน่ะ กว่าจะกลับมาก็วันที่ 30 แล้ว" ฉินเฝิงอวี่อธิบาย
เป็นเรื่องปกติที่จะไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมชั้นเมื่อคุณกลับมาที่บ้านในวันตรุษจีน
เมื่อมองไปที่ฉินหยุน ฉินเฝิงอวี่รู้สึกประหลาดใจมาก เขาพูดว่า "เสี่ยวหยุน ความสามารถของนายนี่ดีขึ้นเรื่อยๆเลย ขนาดเพื่อนร่วมชั้นสมัยมอปลายของฉันที่กำลังเรียนอยู่ที่จินหลิง เขายังรู้เกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่นายเปิดเลย"
ลูกพี่ลูกน้องของเขาเหมือนกับคนดังในโลกธุรกิจเหล่านั้นมาก ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก
"แค่บังเอิญน่ะ" เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินหยุนก็ยิ้มพลางกล่าวออกมา
"เขายังพูดถึงพวกหานลู่ด้วย ฉันลองเช็คดูแล้ว แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่นั้นค่อนข้างใหญ่เลย" เห็นได้ชัดว่าฉินเฝิงอวี่ก็รู้อะไรบางอย่าง และเขาก็กังวลแทนฉินหยุนนิดหน่อย
ถ้าเขาไม่ลองเช็คดูเขาก็ไม่รู้หรอกว่าลูกพี่ลูกน้องเขาได้ต่อสู้กับคู่แข่งแบบนี้ บริษัทของอีกฝ่ายมีมูลค่าตลาดมากกว่าพันล้านเลย!
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อุตสาหกรรมขนาดเล็กในเขตชิงอู๋นี้ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
"ไม่เป็นไร พี่เสี่ยวอวี่ หานลู่ไม่สามารถทำอะไรผมได้หรอก" เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินเฝิงอวี่กล่าว ฉินหยุนก็ยิ้ม เขารู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขากังวลเรื่องอะไร
ขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น จู่ๆประตูหน้าบ้านก็เปิดออก และก็มีคนสองสามคนเดินเข้ามา
เมื่อมองไปที่คนเหล่านี้ ฉินหยุนและฉินเฝิงอวี่ก็เงียบไปทันที
"ทุกคนมากันแล้วเหรอ"
มีคนสามคนเดินเข้ามา คนที่พูดขึ้นคือหญิงวัยกลางคนในเสื้อคลุมราคาแพง เธอมีรูปร่างอวบอ้วน และในมือของเธอกำลังถือของบางอย่างไว้
ข้างๆเธอมีชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานเล็กน้อยยืนอยู่ และอีกคนเป็นชายรูปร่างผอมสูงอายุประมาณสามสิบ
พวกเขาถืออะไรบางอย่างไว้ในมือเช่นกัน
"พี่ใหญ่ พี่เขย หมิงเฟิงก็มาด้วย"
เมื่อมองไปที่คนทั้งสาม ฉินกั๋วตงและคนอื่นๆก็เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
ฉินหยุนมีป้าสองคน คนแรกคือฉินตงเหมยที่เป็นป้ารอง และคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือป้าใหญ่ ฉินเซี่ยหลัน นอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่อาวุโสที่สุดในรุ่นของฉินกั๋วตงและคนอื่นๆอีกด้วย
ลุงเขยมีชื่อว่าอู๋ข่าย เขามาจากเมืองอู๋ซื่อ และชายวัยสามสิบที่อยู่ข้างๆก็เป็นลูกชายของพวกเขา เขาชื่ออู๋หมิงเฟิง
ผลการเรียนของอู๋หมิงเฟิงดีมาก เขาได้เข้าเรียนในมหาลัยระดับ 985 ในกรุงปักกิ่ง หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาก็เลือกอยู่ที่ปักกิ่งเพื่อทำงานต่อ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พาพ่อกับแม่ของเขา อู๋ข่ายและฉินเซี่ยหลันย้ายไปอยู่ที่นั่น
จากนั้นพวกเขาก็ลงหลักปักฐานกันที่ปักกิ่ง หากไม่มีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้น โดยพื้นฐานแล้วในหนึ่งปีพวกเขาจะกลับมาแค่ในช่วงตรุษจีนเท่านั้น
เมื่อมองไปที่ผู้คนที่อยู่ข้างหน้าเธอ ฉินเซี่ยหลันก็ยิ้มและพูดว่า "หมิงเฟิงเอาของกินจากปักกิ่งมาเยอะเลย ทุกคนเอาไปกินกันได้นะ"
หลังจากวางสิ่งของลง ฉินเซี่ยหลันกับฉินกั๋วตงก็พูดคุยกันสองสามคำ จากนั้นเธอก็มองไปที่ฉินเสี่ยวเทา ฉินเฝิงอวี่ ฉินหยุน และคนอื่นๆพลางกล่าวว่า "นี่คือเสี่ยวเทา เสี่ยวอวี่ เสี่ยวหยุนใช่ไหม โฮ่ ป้าไม่ได้เจอพวกเธอนานมากแล้ว เกือบจำพวกเธอไม่ได้เลย"
ตรุษจีนปีที่แล้วเธอก็กลับมา และตอนนี้มันก็ครบหนึ่งปีพอดี
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ แววตาของเธอเปล่งประกายขึ้นแปลกๆ
"เสี่ยวอวี่ ตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว ใกล้จะเรียนจบหรือยัง?"
ฉินเซี่ยหลันจำไม่ได้แล้วว่าฉินเฝิงอวี่เรียนที่มหาลัยไหน ดังนั้นเธอจึงถามออกมา
เมื่อเหล่าญาติๆมารวมตัวกัน พวกเขาก็มักจะถามเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆของเด็กๆ
"ผมเรียนอยู่ปีสามแล้วครับ"
เมื่อได้ยินคำถามของเธอ ฉินเฝิงอวี่ก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา
"อีกครึ่งปีผมก็จะเรียนปีสุดท้ายแล้ว และจากนั้นผมก็จะเริ่มฝึกงาน"
ฉินเซี่ยหลันยิ้มและพูดว่า "เธอคิดออกหรือยังว่าจะไปฝึกงานที่ไหน ถ้าจะไปที่ปักกิ่ง พี่หมิงเฟิงของเธอก็พอช่วยได้นิดหน่อย"
หลังจากที่เธอพูดจบ คุณย่าของฉินหยุนก็เอ่ยถามเธอว่า "เซี่ยหลัน ตอนนี้งานของหมิงเฟิงเป็นยังไงบ้าง?"
เมื่อฟังการสนทนาของพวกเขา ฉินเฝิงอวี่ก็ยกโทรศัพท์ให้ฉินหยุนดูอย่างเงียบๆ ที่บนหน้าจอมีคำสี่คำพิมพ์เอาไว้
"มันเริ่มอีกแล้ว"
ราวกับว่ากำลังรอประโยคนี้ อารมณ์ของฉินเซี่ยหลันดูเหมือนจะดีขึ้นมาทันที เธอพูดด้วยรอยยิ้ม "แม่ งานของหมิงเฟิงก็ไม่มีอะไรมาก เขาทำงานอยู่ในสถาบันวิจัยมาหลายปีแล้ว และหัวหน้าก็ยังให้ความสำคัญกับเขามาก ให้เขารับผิดชอบโครงการหลักด้วย ตอนนี้เขาได้รับเงินเดือน 20,000 หยวน และปีนี้เขาก็ได้โบนัสมากถึง 40,000 หยวนเลย"
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved