ตอนที่ 94 ฉินหยุนผู้ฮอตฮิต

ที่โต๊ะอาหาร เซียวหลานมองดูฉินหยุนวางสายโทรศัพท์ จากนั้นเธอก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า "ธุรกิจของบอสฉินนี่ยุ่งจริงๆ"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ยิ้มพลางกล่าวว่า "มันไม่ใช่เรื่องธุรกิจหรอก แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันที่ชื่อฉินเสี่ยวเทาต่างหากที่โทรมา"

ทั้งสองพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง และหลังจากคุยกันไปได้พักหนึ่ง เซียวหลานก็มองไปที่ฉินหยุน คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามออกมา "อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันชาติแล้ว นายจะกลับบ้านไหม?"

วันที่ 1 ที่จะถึงนี้เป็นวันเสาร์ ในช่วงวันชาติจีนทางมหาลัยจะทำการหยุดการเรียนการสอน ซึ่งวันชาติปีนี้ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์พอดี ทำให้มีวันหยุดยาวถึง 9 วัน จึงคาดว่าเหล่านักศึกษาน่าจะพากันกลับบ้านเกิด

"วันชาติ?" ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "กลับสิ แต่น่าจะเป็นช่วงบ่ายของวันที่ 1"

ในวันที่ 1 ตุลาคม ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะทำการเปิดร้านใหม่เพิ่มอีกสามสาขา ซึ่งเขาจะไม่ได้กลับไปที่เขตชิงอู๋ก่อนแน่นอ

สำหรับที่เขตชิงอู๋ ร้านค้าทั้งสี่แห่งที่เปิดอยู่ในขณะนี้นั้นไม่มีอะไรที่ต้องกังวล แต่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังขยายตัว และจำนวนพนักงานก็มากถึงร้อยคนแล้ว ซึ่งมีบางสิ่งที่เขาต้องกลับไปจัดการด้วยตัวเอง

"แล้วเธอล่ะ?"

หลังจากกล่าวจบ ฉินหยุนก็มองไปที่เซียวหลานและเอ่ยถามออกมา

เซียวหลานพยักหน้าพลางกล่าวด้วยท่าทางเศร้าเล็กน้อย "วันที่ 1 นี้พ่อกับแม่ของฉันจะมาหาที่จินหลิง จากนั้นก็จะไปที่บ้านของลูกพี่ลูกน้องของฉัน แล้วเราค่อยกลับไปที่เขตชิงอู๋พร้อมกัน"

ทั้งสองพูดคุยกันต่อ และหลังจากที่ทั้งคู่ทานอาหารกันเสร็จ ฉินหยุนก็พาเซียวหลานไปส่งที่หอพักของเธอในมหาลัย ส่วนเขาก็กลับหอพักเช่นกัน

หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆก็กลับมาที่ห้องพัก ตอนขาไปพวกเขาตื่นเต้นกันมาก แต่ขากลับพวกเขากลับรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แถมยังถือเสื้อผ้ามากมายไว้ในมืออีกด้วย

"พวกนายจับรางวัลไม่ได้งั้นเหรอ?" เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของพวกเขา ในใจของฉินหยุนก็เดาได้ทันที

"เห้อ.." จ้าวคังฮ่าวถอนหายใจออกมา เขานั่งลงบนเตียงจากนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไร

คนอื่นๆที่ไปก็เป็นเช่นเดียวกัน มีแต่หลิวซินเท่านั้นที่ยังคงปกติ เขาเดินมาหาฉินหยุนและกล่าวเบาๆว่า "ฉินหยุน จ้าวคังฮ่าวซื้อเสื้อผ้าไปทั้งหมดห้าพันหยวนเลย! หลี่หานอวี่ซื้อไปสองพันหยวน และเฉิงต้าสงซื้อไปหนึ่งพันหยวน... "

เมื่อได้ยินสิ่งที่หลิวซินกล่าว ฉินหยุนก็พอรู้สถานการณ์คร่าวๆแล้ว

ก่อนหน้านี้ ทั้งจ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆ พากันไปที่ร้านขายเสื้อผ้าพร้อมกับสาวๆในห้องพักของจางเสี่ยวเยว่ด้วยความตื่นเต้น

ในตอนแรก จ้าวคังฮ่าวจ่ายเงินซื้อเสื้อผ้าไป 1,000 หยวน จากนั้นเขาก็เริ่มจับสลาก แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รางวัลอะไรเลย

เดิมทีมันก็ไม่มีอะไรต่อแล้ว ซึ่งเขาก็เข้าใจดีว่ามันมีโอกาสน้อยมากที่จะจับได้รางวัลบางอย่าง แต่หลังจากที่จ้าวคังฮ่าวจับรางวัลเสร็จ คนสองคนที่จับรางวัลต่อจากเขา คนทั้งคู่นั้นก็จับได้ของบางอย่างติดๆกันเลย

สิ่งนี้ทำให้จ้าวคังฮ่าวเหมือนกับถูกกระตุ้นในทันที และเขาก็ซื้อเสื้อผ้าไปอีกหนึ่งพันหยวน แต่ก็ยังจับไม่ได้สักรางวัลเช่นเดิม

หลี่หานอวี่ได้รับเงินจากการเขียนนิยายแล้ว เขาจึงซื้อเสื้อผ้าให้จางเสี่ยวเยว่และของตัวเขาเอง ซึ่งก็ใช้เงินไป 1,000 หยวน แต่เมื่อจับรางวัล เขาก็ไม่ได้รับอะไรเลยเช่นกัน

ตอนนี้จ้าวคังฮ่าวและเจียงอีกำลังคบหากันอยู่ จ้าวคังฮ่าวจึงเป็นคนจ่ายเงินให้เจียงอี

สำหรับหลินเมิ่งเมิ่ง จ้าวฉิงและสาวๆที่เหลือในห้องพักของฝ่ายหญิง พวกเธอก็ตื่นเต้นกันมากเช่นกัน ต่างคนจึงเรี่ยไรเงินคนละเล็กละน้อย ซึ่งแต่ละคนก็จ่ายเงินไปคนละ 200 กว่าหยวนเพื่อซื้อเสื้อผ้า

แน่นอนว่านี่คือเงินที่จ่ายรวมกัน เมื่อใช้จ่ายไป 1,000 หยวน ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะจับรางวัลได้สองครั้ง

ครั้งแรกจ้าวฉิงเป็นคนจับรางวัล ซึ่งก็ไม่ได้รับรางวัลอะไร แต่ครั้งที่สองที่หลินเมิ่งเมิ่งเป็นคนจับ เธอกลับได้รับโทรศัพท์มือถือ Huawei มูลค่ามากกว่า 5,000 หยวน!

"หลินเมิ่งเมิ่งจับรางวัลได้งั้นเหรอ แถมเธอยังจับได้รางวัลโทรศัพท์มือถือ Huawei อีกด้วย?" ฉินหยุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของหลิวซิน

อัตราการจับรางวัลได้นั้นเข้าขั้นต่ำมาก ถึงแม้จะมีคนจับได้สักรางวัล ส่วนใหญ่มันก็เป็นแค่รางวัลเล็กๆน้อยๆมูลค่าไม่กี่ร้อยหยวนเท่านั้น

พวกหลินเมิ่งเมิ่งทั้งสี่คนตื่นเต้นกันมากเมื่อตอนที่พวกเธอได้รับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถ้าพวกเธอแบ่งมันเท่าๆกันแล้ว พวกเธอก็ทำกำไรได้แน่นอน เมื่อมองไปที่โทรศัพท์มือถือ Huawei เครื่องนั้น เจียงอีและจางเสี่ยวเยว่รู้สึกอิจฉาหนักมาก

ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวคังฮ่าวที่เฝ้าดูอยู่ ก็เหมือนกับได้รับการกระตุ้นมากขึ้นอีก เขาตรงเข้าไปจ่ายเงินเพิ่มทันทีอีก 3,000 หยวน หลี่หานอวี่ก็ทนไม่ไหวจ่ายเงินเพิ่มไปอีก 1,000 หยวนเช่นกัน ซึ่งแม้แต่เฉิงต้าสงก็ยังรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย เขาจึงกัดฟันและใช้เงินไป 1,000 หยวนเพื่อซื้อเสื้อผ้า แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย

ในท้ายที่สุด ผู้ชายทั้งสี่คนในหอพักชายต่างก็ใช้จ่ายเงินไปอย่างน้อยคนละ 1,000 หยวนและพวกเขาไม่ได้รับสิ่งของอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

"เห้อ ถ้ารู้แบบนี้ ฉันจะไม่ไปจับรางวัลบ้านั่นหรอก" เฉิงต้าสงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

อันที่จริง จ้าวคังฮ่าวและหลี่หานอวี่ก็ไม่ได้ขาดทุนมากนัก แม้ว่าพวกเขาจะใช้เงินไปจำนวนมาก แต่พวกเขาก็ซื้อเสื้อผ้าให้กับแฟนสาวด้วย ถึงยังไงในอนาคตพวกเขาก็จะต้องซื้อให้อยู่แล้ว และตอนนี้พวกเขาก็แค่รู้สึกหดหู่นิดหน่อย

แต่สำหรับเฉิงต้าสง เขารู้สึกทุกข์ใจมากจริงๆ เขาไม่เคยใช้เงินมากขนาดนี้ในคราวเดียวมาก่อนเลย

"น่าเสียดายที่ในโลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจ" เมื่อได้ยินคำบ่นของเฉิงต้าสง โจวผาน หรือก็คือโจวเสี่ยวพั่ง เขาก็รู้สึกหดหู่ใจเช่นกัน

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางการสนทนาของพวกเขา

ในวันรุ่งขึ้นเมื่อฉินหยุนมาที่ชั้นเรียน ก็ได้มีผู้คนมากมายที่เข้ามาถามเขา

"ฉินหยุน นายจับรางวัลได้รถยนต์งั้นเหรอ?"

"แล้วรถล่ะ ขับมันมาที่มหาลัยด้วยหรือเปล่า"

ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเหล่าหญิงสาวด้วยเช่นกัน

ฉินหยุนรับมือกับคำถามของพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวออกไป แต่หลายๆคนในชั้นเรียนต่างก็รู้ว่าเขาจับได้รางวัลรถยนต์เมื่อตอนที่เขาไปซื้อเสื้อผ้า

ทั้งชั้นเรียนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะเหล่าหญิงสาวที่เข้ามาคุยกับฉินหยุน สีหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

ฉินหยุนนั้นหล่อและดูดี แถมตอนนี้เขาก็ยังมีรถแล้วด้วย ถ้าพวกเธอเป็นแฟนของเขาและได้นั่งรถไปในที่ต่างๆมันจะดีแค่ไหน? จะต้องมีคนมากมายอิจฉาแน่นอน

"ฉินหยุนนี่ฮอตจริงๆ"

เมื่อเหล่าสาวๆพากันมาลุมล้อมฉินหยุน จ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลก็ถูกเบียดออกไปด้านข้าง ในเวลานี้เฉิงต้าสงก็อดเอ่ยขึ้นด้วยความอิจฉาไม่ได้

จนถึงตอนนี้ เขายังไม่มีผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยเลย ตอนนี้เขาก็กำลังจีบรุ่ยเฉินฉีจากห้องพักของจางเสี่ยวเยว่อยู่ และมักจะทักแชทไปหาเธอ แต่ดูเหมือนรุ่ยเฉินฉีจะไม่สนใจเขามากนัก และก็มักจะไม่ค่อยตอบแชท

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวคังฮ่าวก็ตบไหล่เขาพลางถอนหายใจ "ถ้านายสามารถจับรางวัลใหญ่ได้รถยนต์ที่มีมูลค่ามากกว่าแสนหยวนได้ สาวๆเหล่านี้จะมาลุมล้อมนายเหมือนกันแน่นอน"

ในขณะนี้เอง หัวหน้าชั้นเรียนหยูเล่อเหยาก็ก้าวขึ้นไปบนเวทียกสูงและกล่าวเสียงดังออกมาว่า "ทุกคนเงียบก่อน การฝึกทหารของเราเพิ่งผ่านพ้นไป และตอนนี้ชั้นเรียนของเรากำลังจะได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมการจัดงานกาล่าวัฒนธรรม ในชั้นเรียนของเรา ใครที่คิดว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษแล้วอยากแสดงมันออกมา สามารถมาลงทะเบียนกับฉันได้ และจะได้ขึ้นไปแสดงในงานเลี้ยงกาล่าที่จะถึงนี้"

เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอกล่าว ผู้คนที่ลุมล้อมอยู่รอบๆฉินหยุนก็ค่อยๆแยกย้ายกันไป แววตาของบางคนมีความตื่นเต้นแวบเข้ามา นี่เป็นโอกาสดีสำหรับนักศึกษาที่ต้องการแสดงความโดดเด่นของตัวเองออกมาให้โลกรู้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รู้สึกว่าตนเองร้องเพลงได้ดีและมีความสามารถในด้านการแสดง สิ่งนี้อาจทำให้พวกเขาหาแฟนแล้วใช้ชีวิตในมหาลัยสี่ปีได้สบายๆเลย

หลังจากการประกาศจบ หยูเล่อเหยาก็มองไปที่ฉินหยุน นักศึกษาบางคนในชั้นเรียนมีความกระตือรือร้นมาก แต่ฉินหยุนกลับเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องต่างๆในชั้นเรียนเลย และโดยปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอะไรมากนัก

อันที่จริงเธอก็ไม่ได้รู้สึกสนใจฉินหยุนมากเท่าไร แต่เธอแอบได้ยินมาจากคนในหอพักว่า ฉินหยุนได้รับรางวัลรถยนต์จากการซื้อเสื้อผ้า

หลังจากที่เธอประกาศเรื่องงานกาล่าวัฒนธรรมเสร็จ หยูเล่อเหยาก็เดินมาตรงที่นั่งของฉินหยุนและนั่งลงข้างๆเขา

"ฉินหยุน นายอยากลงทะเบียนการแสดงในงานกาล่าวัฒนธรรมไหม?" จากนั้นเธอก็เป็นฝ่ายริเริ่มที่จะถามเขาก่อน

เมื่อได้ยินคำกล่าวของหยูเล่อเหยา ฉินหยุนก็ผงะไปครู่หนึ่ง เขากับหัวหน้าชั้นเรียนหยูเล่อเหยาเคยพูดคุยด้วยกันแค่ครั้งเดียวก็เมื่อตอนที่ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นลมระหว่างการฝึกทหาร และฉินหยุนก็เป็นคนพาเขาไปที่สถานพยาบาล ซึ่งตอนนั้นหยูเล่อเหยาก็ถามเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ของชายหนุ่มคนนั้น

เขาไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้หยูเล่อเหยาถึงจู่ๆก็เข้ามาคุยกับเขา

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหยุนก็ส่ายหัวและกล่าวว่า "ไม่อ่ะ ฉันร้องเพลงไม่เก่ง เพราะงั้นฉันจะไม่ขึ้นเวทีไปเพื่อทำให้ตัวเองขายหน้าหรอก"

กล่าวตามตรงทักษะการร้องเพลงของเขาก็ไม่ได้แย่ แต่มันก็ไม่ได้ดีอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นว่าฉินหยุนปฏิเสธ หยูเล่อเหยาก็ไม่ได้คะยั้นคะยอต่อ เธอชะงักเล็กน้อยจากนั้นก็กล่าวว่า "ฉันได้ยินจากเพื่อนในชั้นเรียนว่านายจับรางวัลได้รถยนต์ ฉันอยากรู้ว่านายจะจัดการกับมันยังไง นายจะเก็บมันไว้ขับเองหรือเปล่า"

ฉินหยุนมองไปที่หยูเล่อเหยาด้วยความสงสัย เขากล่าวว่า "ตอนนี้ฉันยกรถคันนั้นให้ญาติไปขับแล้ว"

หลังจากที่ได้ยิน หยูเล่อเหยาก็พยักหน้า เธอหยุดสองสามวินาที จากนั้นก็ถามต่อทันที "นายมีแผนจะขายรถคันนั้นไหม?"

(จบตอน)