ตอนที่ 183 ปล่อยเซ้งร้านค้าทั้ง 9 แห่ง

เช่นเดียวกับที่หลิวเฉวียนสี่คิด เทียนหยุนทนอยู่ภายใต้แรงกดดันของหานลู่ได้ไม่นาน ในไม่ช้าพวกเขาก็ปิดตัวลง

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปแค่เพียงสองวัน เทียนหยุนที่ปิดตัวไปแล้วกลับเปิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ในเวลานั้นหลิวเฉวียนสี่ตกตะลึงมาก ถึงขั้นคิดไปว่าแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่นั้นไร้ประโยชน์จริงๆ บริษัทใหญ่ขนาดนั้นแต่กลับไม่สามารถเอาชนะเทียนหยุนร้านเล็กๆได้

ทั้งสองฝ่ายกำลังแข่งขันกัน ซึ่งร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนต้องการยกเลิกสัญญาและขอค่าเช่าบางส่วนคืน แต่เขาไม่ได้ตกลงเพราะว่าฝ่ายหานลู่นั้นให้ผลประโยชน์ที่มากพอแก่เขา และถ้าหากเขายอมตกลง ไม่ใช่ว่าว่าเขาต้องคืนเงินค่าเช่าให้อีกฝ่ายหรอกเหรอ?

ก่อนหน้านี้เขาและฉินหยุนเซ็นสัญญาเช่าที่เป็นระยะเวลาหนึ่งปี และตอนนี้ภายใต้ระยะเวลาของสัญญา ฉินหยุนต้องการขอเงินค่าเช่าคืน ซึ่งมันถือว่าเป็นการละเมิดสัญญา

แม้ว่าจะมีการยื่นฟ้องต่อศาล เขาก็มีเวลามากพอที่จะยืดระยะเวลาออกไปเรื่อยๆได้โดยไม่ต้องกังวลใจอะไร

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทียนหยุนจะไม่ได้ค่าเช่าคืน แต่พวกเขาก็สามารถหาคนอื่นมาเซ้งร้านต่อได้ ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถหยุดเรื่องนี้ได้เช่นกัน

ร้านที่อยู่ตรงข้ามกับร้านค้าของเขาคือร้านของเพื่อนของเขา ซึ่งเพื่อนคนนั้นก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ต่างๆของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่กำลังปล่อยเซ้งได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้นเขาจึงเข้าไปเยี่ยมอีกฝ่าย และขอให้เพื่อนคนนั้นช่วยโทรหาเขาหากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

และตอนนี้หลิวเฉวียนสี่ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากเขาแล้ว

หลังจากได้ทราบข่าว หลิวเฉวียนสี่ก็รีบมุ่งหน้าไปทันที

ในเวลานี้ประตูของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนถูกเปิดออก แต่ทุกอย่างภายในนั้นว่างเปล่าและไม่มีสิ่งของอะไรเลย

ภายในร้าน ฉินหยุนกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่

ชายหนุ่มคนนี้ดูอายุประมาณ 27-28 ปี เขามีใบหน้าธรรมดาๆ แต่เขาแต่งกายด้วยชุดสูทที่ดูเรียบร้อย

ข้างๆเขามีชายวัยกลางคนที่ดูสงบมากยืนอยู่ เขาถือเอกสารบางอย่างไว้ในมือ

"เอาล่ะ ผมค่อนข้างพอใจที่นี่เลย"

ชายหนุ่มพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม "บอสฉิน เราไปดูอีกแปดร้านที่เหลือกันเถอะ ถ้าทำเลดีเหมือนกับร้านนี้ เราจะเซ็นสัญญาและขอเซ้งทั้งเก้าร้านเลย"

"ได้ครับ ผู้จัดการจิน" ใบหน้าของฉินหยุนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขากำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา ทันใดนั้นเขาก็เห็นหลิวเฉวียนสี่เดินเข้ามาจากทางนอกร้าน

"บอสหลิว" เมื่อเห็นหลิวเฉวียนสี่ รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินหยุนก็สลายหายไปทันที

"ฮ่าๆ บอสฉิน พาคนมาดูร้านงั้นเหรอ" หลิวเฉวียนสี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉินหยุนพยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไรกับเขามาก ทั้งสองฝ่ายถือว่าได้ฉีกหน้ากากของพวกเขาออกแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องไปแสร้งพูดดีกับอีกฝ่าย

หลังจากนั้นฉินหยุนก็พาชายหนุ่มและชายวัยกลางคนในชุดสูทออกจากที่นี่ไป

เมื่อเห็นพวกเขาจากไป คิ้วของหลิวเฉวียนสี่ก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

"ฉินหยุนหาคนมาเซ้งร้านค้าได้จริงๆงั้นเหรอ แถมยังจะเซ้งทีเดียวทั้งเก้าร้านอีก?"

ถ้าฉินหยุนต้องการปล่อยเซ้งจริงๆ เขาก็ไม่มีทางหยุดได้

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิวเฉวียนสี่ก็โทรหาจั่วหาน

...

"คุณบอกว่ามีคนต้องการเซ้งร้านขายเสื้อผ้าของเทียนหยุน?" จั่วหานเอ่ยถามขณะที่เขาอยู่ในร้านเสื้อผ้าหานลู่

หลิวเฉวียนสี่พยักหน้าและกล่าวว่า "ใช่แล้วคุณจั่ว พวกเขาน่าจะเจรจากันเรียบร้อยแล้วเมื่อตอนที่ผมไปถึง และฉินหยุนก็พาชายหนุ่มคนที่ต้องการเซ้งร้านไปดูร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอีกแปดแห่งที่กำลังปล่อยเซ้งอยู่ ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนั้นเขาต้องการจะเซ้งร้านค้าทั้งหมดเลย"

"เซ้งทั้งหมด?"

จั่วหานขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านมาแค่ 20 วันเท่านั้นที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาเก่าทั้ง 9 แห่งปิดตัวลง แต่ตอนนี้พวกเขากลับสามารถหาคนมาเซ้งร้านต่อได้แล้ว

ในความคิดของเขา ระยะเวลามันกระชั้นชิดเกินไป

ตอนนี้แม้ภายนอกของเขาจะดูสงบนิ่งมาก แต่จริงๆแล้วภายในใจเขารู้สึกกระวนกระวายราวกับมดวิ่งอยู่บนกระทะร้อนๆ

ตามสถานการณ์ปกติในขณะนี้ เขายังไม่พร้อมที่จะต่อสู้กับเทียนหยุนด้วยสงครามแบบยืดเยื้อ ซึ่งเขาก็สามารถที่จะพ่ายแพ้ได้ทุกเมื่อ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็กำลังเผาเงินทิ้งอยู่ทุกวันในสงครามธุรกิจระหว่างหานลู่และเทียนหยุนครั้งนี้

เขานำเงินก้อนใหญ่มาที่นี่ด้วย แต่เงินก้อนนั้นไม่ได้ถูกนำมาเพื่อใช้ในการนี้

แต่เนื่องจากเป็นเพราะพี่ชายของเขาที่อยู่สำนักงานใหญ่ ประกอบกับเหตุผลอื่นๆ ตอนนี้เขาจึงตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก

เห็นได้ชัดว่าทางสำนักงานใหญ่ไม่พอใจเขามาก และความไม่พอใจก็กำลังสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะเทียนหยุนได้ เขาก็อาจจะถูกทอดทิ้งจากบริษัททันที จากนั้นก็ถูกเนรเทศไปเป็นคนรวยที่ทำได้แค่ใช้เงินไปวันๆ นี่คือชะตากรรมแห่งความล้มเหลวของเขา

สิ่งที่เขารอคอยมากที่สุดในตอนนี้คือ การที่ห่วงโซ่เงินทุนของเทียนหยุนพังทลายลง ถ้าไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่สามารถเอาชนะเทียนหยุนได้

ในสงครามธุรกิจของอุตสาหกรรมเสื้อผ้า เขาได้ใช้วิธีการต่างๆมากมายในการทำลายคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบดีไซน์เสื้อผ้าของฝ่ายตรงข้าม ขายตัดราคา ทำกิจกรรมโปรโมท และใช้เงินทุนเพื่อบีบให้ฝ่ายตรงข้ามต้องหยุดเปิดกิจการ

แม้กระทั่งผ่านมาจนถึงตอนนี้ วิธีการปราบปรามเหล่านี้ก็ยังแสดงให้เห็นว่ามันใช้ได้ผลจริง และเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลวเลย

เมื่อต้องเผชิญกับการปราบปรามแบบนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ทันทีว่าร้านขายเสื้อผ้าขนาดเล็กร้านอื่นๆจะต้องอยู่ได้ไม่นานและล้มละลายหายไปในไม่ช้าอย่างแน่นอน

แต่เทียนหยุนกลับไม่เป็นเช่นนั้น

บางทีเทียนหยุนในตอนนี้อาจจะยังคงมีความมั่นใจที่จะสู้ต่อไปในสังเวียนนี้ หรือบางทีเทียนหยุนก็อาจจะมาถึงขั้นตอนสุดท้ายของความพยายามแล้ว

เขาไม่ใช่ฉินหยุน เขาจึงไม่รู้สถานการณ์จริงๆของเทียนหยุน

และภายใต้ความไม่รู้ดังกล่าว ระยะเวลาก็ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ซึ่งเขาก็ยังคงเผาเงินต่อไป

แต่ตอนนี้ ถ้าหากเทียนหยุนสามารถปล่อยเซ้งร้านค้าทั้ง 9 ร้านที่ปิดไปแล้วได้ พวกเขาจะต้องมีเงินก้อนใหญ่เพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย และระยะเวลาที่เปิดร้านก็จะคงอยู่นานขึ้น

หลังจากคิดเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง จั่วหานก็กล่าวว่า "ถ้าฉินหยุนและคนอื่นๆกำลังจะเริ่มเซ็นสัญญา ฉันจะไปติดต่อกับคนที่มาเซ้งร้านคนนั้น"

เห็นได้ชัดว่าจั่วหานกำลังจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้อีกครั้ง

...

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในเวลานี้หลิวเฉวียนสี่ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากฉินหยุน

เขาได้ติดต่อไปหาจั่วหานทันที จากนั้นทั้งสองก็รีบไปที่ร้านค้าพร้อมกัน

ในเวลานี้มีคนสี่คนอยู่ภายในร้าน ฉินหยุนกับจ้าวเทียนเฉียง และชายอีกสองคนที่อยู่ในชุดสูท

"จั่วหาน บังเอิญจริงๆที่นายมาที่นี่ได้" เมื่อมองไปที่คนสองคนที่กำลังเดินเข้ามา คำพูดของฉินหยุนฟังดูสบายๆ แต่ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มประดับอยู่เลย

"ฮ่าๆ ฉินหยุน บังเอิญจริงๆ" จั่วหานยิ้ม

ฉินหยุนไม่สนใจจั่วหาน เขามองไปที่หลิวเฉวียนสี่พลางกล่าวว่า "บอสหลิว คุณลองดูสัญญานี่ก่อน"

หลิวเฉวียนสี่ก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาได้เห็นข้อตกลงภายในสัญญา

สัญญาที่เขาเซ็นกับฉินหยุนคือค่าเช่า 450,000 หยวนต่อปี ซึ่งสัญญาเช่ามีระยะเวลาเหลืออีก 10 เดือน

แต่ค่าเช่า 10 เดือนที่ฉินหยุนเซ็นสัญญากับชายหนุ่มในชุดสูทตรงหน้านี้กลายเป็น 550,000 หยวน ซึ่งมากกว่าค่าเช่าหนึ่งปีของเขาด้วยซ้ำ

"เป็นไปได้ยังไง ฉินหยุน คุณเสนอค่าเช่าที่สูงขนาดนี้ แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ยอมตกลงกับคุณ?" ท่าทางของหลิวเฉวียนสี่เปลี่ยนไปเช่นเดียวกับสีหน้าของเขา

ส่วนจั่วหานเขาก็เห็นเช่นกัน ซึ่งสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาปรับเปลี่ยนท่าทางได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองไปที่ชายหนุ่มในชุดสูทพลางยิ้ม "สวัสดี ผมจั่วหาน ผู้รับผิดชอบหลักจากแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ในมณฑลเจียงซู เราคุยกันตามลำพังสักครู่ได้ไหมครับ?"

จริงๆแล้วเขาก็สื่อมันออกมาโดยตรงต่อหน้าฉินหยุน และก็แน่นอนจุดประสงค์ของเขานั้นเข้าใจง่ายมาก นั่นคือเพื่อยุติการปล่อยเซ้งร้านของฉินหยุน

"แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่?"

ชายหนุ่มในชุดสูทชำเลืองมองไปที่จั่วหาน เขายิ้มและกล่าวว่า "ฉันเคยได้ยินชื่อนี้"

แต่เขาโบกมือแล้วก็กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า "ฉันก็พอรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนและร้านเสื้อผ้าหานลู่ของคุณ แต่ยังไงก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับฉัน ฉันแค่ต้องการเซ้งร้านค้าพวกนี้"

เขาปฏิเสธการขอพูดคุยตามลำพังของจั่วหานออกมาทันที

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของจั่วหานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ไม่ได้ไว้หน้าเขาเลย

"ผู้จัดการจิน เรามาเซ็นสัญญากันต่อเถอะครับ" ฉินหยุนก็ดูเหมือนจะไม่สนใจคำกล่าวของจั่วหาน

เขามองไปที่หลิวเฉวียนสี่ จากนั้นก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง "บอสหลิว คุณมีข้อโต้แย้งอะไรเกี่ยวกับสัญญาฉบับนี้ไหม?"

หลิวเฉวียนสี่มองไปที่จั่วหาน และจากนั้นก็กล่าวว่า "ฉินหยุน ค่าเช่าที่คุณเสนอไปนั้นสูงกว่าค่าเช่าของเราครั้งก่อนด้วยซ้ำ ผมอยากรู้เหตุผลเรื่องนี้"

ดูเหมือนว่าเขาจะสงสัยเล็กน้อย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ยิ้มขึ้นทันที เขามองไปที่หลิวเฉวียนสี่พลางกล่าวว่า "บอสหลิว คุณสงสัยว่าผู้จัดการจินถูกผมจ้างมาที่นี่งั้นเหรอ?"

(จบตอน)